ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นิโคลัส สปากส์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Whitetissue (คุย | ส่วนร่วม)
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{Infobox writer
| image = Nicholas-Sparks-Autograph-1-4-06.jpg
| caption = สปาคส์สปากส์ในงานแจกลายเซ็นปี 2006
| imagesize = 190px
| name = นิโคลัส สปาคส์สปากส์
| birth_name = นิโคลัส ชาร์ลส์ชาลส์ สปาคส์สปากส์
| birth_date = {{birth date and age|mf=yes|1965|12|31}}
| birth_place = [[โอมาฮา]] [[สหรัฐอเมริกา]]
บรรทัด 10:
| occupation = นักเขียนนวนิยาย
| genre = นิยายโรแมนติก<br>โรแมนติก-ดราม่า
| spouse = แคธี สปาคส์สปากส์ (1989-2015)
| children = 5
| movement =
| influences = หลุยส์ลุยส์ เฟลีเป ซานโตส นาบาร์โร
| influenced =
| religion = [[โรมันคาทอลิก]]
บรรทัด 19:
}}
 
'''นิโคลัส ชาร์ลส์ชาลส์ สปาคส์สปากส์''' ({{lang-en|Nicholas Charles Sparks}}) เกิดเมื่อวันที่ [[31 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1965]] เป็นนักเขียนนวนิยาย[[ชาวอเมริกัน]] มีผลงานขายดีเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก เขาแต่งนวนิยายที่ได้รับการตีพิมพ์ทั้งหมด 18 เรื่อง โดยที่มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับ ความเชื่อของชาวคริสต์ ความรัก โศกนาฏกรรม และโชคชะตา ผลงานของเขาถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ถึง 11 เรื่อง และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์
 
== ประวัติ ==
=== ชีวิตช่วงแรก ===
นิโคลัส สปาคส์สปากส์ เกิดเมื่อวันที่ [[31 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1965]] ในเมือง[[โอมาฮา]] เป็นบุตรชายของศาสตราจารย์ แพททริคทริก ไมเคิล สปาร์คสปากส์ และ จิล เอมม่ามา มารี สปาร์คสปากส์ แม่บ้านและผู้ช่วยผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตา เขาเป็นลูกคนกลางจากพี่น้องสามคน พี่ชายของเขาคือ ไมเคิล เอิร์ล "คาห์" สปาร์คสปากส์ (1964–ปัจจุบัน) และน้องสาว ดาแดเนียล "ดาน่าแดนา" สปาร์คสปากส์ ซึ่งเสียชีวิตเมื่ออายุ 33 ปี จากโรค[[เนื้องอกในสมอง]] สปาร์คสปากส์ได้กล่าวไว้ว่าเธอคือแรงบันดาลใจของตัวละครหลักในนวนิยายเรื่อง ''[[ก้าวสู่ฝันวันหัวใจพบรัก]] (A Walk to Remember)''
 
สปาร์คสปากส์ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัว[[โรมันคาทอลิก]]<ref>{{cite web|url=http://www.themiscellany.org/index.php/news-archives/75-1999/982-author-nicholas-sparks-remembers-his-catholic-roots |title=Author Nicholas Spark remembers his Catholic roots |publisher=Catholic-doc.org |date=1999-11-04 |accessdate=2009-08-09 |deadurl=yes |archiveurl=https://web.archive.org/20100922044637/http://www.themiscellany.org:80/index.php/news-archives/75-1999/982-author-nicholas-sparks-remembers-his-catholic-roots |archivedate=September 22, 2010 }}</ref> และมีบรรพบุรุษซึ่งเป็น[[ชาวเยอรมัน]] [[ชาวเช็ก]] [[ชาวอังกฤษ]] และ[[ชาวไอริช]]<ref>{{cite web|url=http://www.nicholassparks.com/ShortBio.html |title=Formal Biography |publisher=Nicholas Sparks |date=1965-12-31 |accessdate=2009-08-09 |archiveurl = http://web.archive.org/web/20080502151003/http://www.nicholassparks.com/ShortBio.html |archivedate = May 2, 2008}}</ref> เขาและภรรยามีความศรัทธาต่อนิกายคาทอลิก และเลี้ยงดูลูกของพวกเขาตามความเชื่อของชาวคาทอลิก<ref>{{cite web|url=http://www.catholiceducation.org/en/culture/art/morality-in-hollywood-an-interview-with-author-nicholas-sparks.html}}</ref>
 
บิดาของเขาได้รับการเข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาที่[[มหาวิทยาลัยมินนิโซตา]]และ[[มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย]] ทำให้ครอบครัวจึงย้ายไปตามบิดา เมื่อเขาอายุได้ 8 ขวบ เขาอาศัยอยู่ใน[[วอเทอร์ทาวน์]], [[อิงเกิลวู]] และ[[แกรนด์ไอส์แลนด์ไอแลนด์ เนเบรสกา(รัฐเนแบรสกา)]] ซึ่งเป็นบ้านเกิดมารดาของเขาในช่วงที่ตากับยายของมารดาแยกทางกัน 1 ปี ในปี ค.ศ. 1974 บิดาของเขาก็กลายเป็นศาสตราจารย์ทางด้านธุรกิจที่[[มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย ซาแซคราเมนโต]] และครอบครัวของเขาตั้งรกรากใน[[แฟร์โอ๊คส์โอกส์]] และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งนิโคลัสเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษา เขาสำเร็จการศึกษาในปี 1984 จาก[[โรงเรียนเบลล่าวิสต้าไฮสกูลเบลลาวิสตาไฮสกูล]] จากนั้นเขาศึกษาต่อที่[[มหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม]] และได้รับทุนการศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ เขาจบการศึกษาด้านการเงินธุรกิจเป็นวิชาเอกด้วยเกียรตินิยมในปี 1988 นอกจากนี้เขายังได้พบกับภรรยาในอนาคตของเขา เคธี โคท์โคต ที่[[รัฐนิวแฮมป์เชียร์]] ในปีนั้น พวกเขาพบกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิและแต่งงานกันในวันที่ [[22 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1989]] และย้ายไปอยู่ที่เมือง[[เมืองแซคราเมนโต]]ในรัฐแคลิฟอร์เนีย<ref>{{cite web|title=Nicholas Sparks: The Official Website|url=http://www.nicholassparks.com|publisher=Willow Holdings INC}}</ref>
 
== อาชีพ ==
ขณะที่เขาอายุได้ 19 ปี<ref>"Your problem is that you're bored. You need to find something to do....Then she looked at me and said the words that would eventually change my life. 'Write a book.'... I was nineteen years old and had become an accidental author." From ''[[Three Weeks with My Brother]]'', pp. 183-184</ref> สปาร์คสปากส์ได้เริ่มเขียนนวนิยายชิ้นแรก (ซึ่งไม่เคยได้รับการตีพิมพ์) ชื่อว่า ''The Passing'' เขากลับไปอยู่บ้านในช่วงวันหยุดพักฤดูร้อนระหว่างปีหนึ่งจะขึ้นปีสองที่นอเตอร์เดม เขาเขียนนวนิยายขึ้นอีกเรื่องหนึ่งในปี ค.ศ. 1989 ชื่อว่า ''The Royal Murders'' ซึ่งไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เช่นกัน
 
หลังจบการศึกษา สปาร์คสปากส์ต้องตัดสินใจระหว่างหางานทำกับสำนักพิมพ์ต่างๆต่าง ๆ หรือเลือกที่จะเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่ทำทั้งสองอย่าง 3 ปีต่อมา เขาพยายามทำงานหลายอาชีพ เช่น งานประเมินอสังหาริมทรัพย์ พนักงานเสิร์ฟ งานขายสินค้าทันตกรรมทางโทรศัพท์ และเริ่มธุรกิจการผลิตของตัวเอง
 
ในปี 1990 สปาร์คสปากส์ได้ร่วมมือกับ [[บิลลี่ มิลส์]] เขียนเรื่อง ''Wokini: A Lakota Journey to Happiness and Self-Understanding''<ref name=Wokini>{{cite book|author=Billy Mills|author2=Nicholas Sparks |publisher=[[Hay House]]|isbn=978-1-56170-660-0|date=July 1999|page=176|title=Wokini: A Lakota Journey to Happiness and Self-Understanding}}</ref> หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์โดย[[สำนักพิมพ์แรนดอม เฮ้าส์]] และ [[เฮย์เฮ้าส์]] หนังสือเล่มนี้มียอดขายประมาณ 50,000 เล่ม ในปีแรกหลังจากวางแผง<ref>{{cite web |title=Nicholas Sparks |url=http://www.ferrum.edu/thanlon/profwrit/nicholassparksbio.htm |publisher=[[Ferrum College]] |accessdate=August 3, 2014}}</ref>
 
ในปี 1992 สปาร์คสปากส์ได้เริ่มทำงานเป็น[[ยา|ผู้จำหน่ายยา]] และในปี 1993 เขาได้ย้ายไปที่[[วอชิงตัน ดี.ซี.]] และที่นั้นเขาได้เขียนนวนิยายอีกเรื่องหนึ่งขึ้นในช่วงเวลาว่างของเขา ชื่อเรื่อง ''[[The Notebook]]''<ref>{{cite web | title= Biography for Nicholas Sparks | work= Book Browse |url=http://www.bookbrowse.com/biographies/index.cfm/author_number/310/nicholas-sparks|accessdate= March 26, 2006}}</ref> สองปีต่อมา มีตัวแทนที่ชื่อ เทเรซา ปาร์ค จากสำนักพิมพ์วรรณกรรมมาพบเขาเข้าและบอกว่าชื่นชอบนวนิยายเรื่อง ''The Notebook'' และเสนอที่จะเป็นตัวแทนให้กับเขา ในเดือนตุลาคม ปี 1995 ปารค์ก็วางเงินค้ำประกันจำนวน 1 ล้านเหรียญให้ก่อนล่วงหน้า สำหรับนวนิยายเรื่องนี้ เพื่อให้[[สำนักพิมพ์ไทม์ วอร์เนอร์ บุ๊ค กรุ๊ป]] ตีพิมพ์ นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ในเดือนตุลาคม 1996 และติดอับดับหนังสือขายดีของ[[นิวยอร์กไทมส์]]ในสัปดาห์แรกหลังจากวางแผง
 
จากการประสบความสำเร็จของนวนิยายเรื่องแรกของเขา เขาจึงย้ายมาอยู่ที่[[นิวเบิร์น]] หลังจากการตีพิมพ์หนังสือครั้งแรกประสบความสำเร็จ เขาจึงได้แต่งนวนิยายขายดีซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกอีกหลายเล่มและได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง: ''[[Message in a Bottle]]'' (1999), ''[[ก้าวสู่ฝันวันหัวใจพบรัก]] (A Walk to Remember)'' (2002), ''[[The Notebook]]'' (2004), ''[[Nights in Rodanthe]]'' (2008), ''[[รักจากใจจร (ภาพยนตร์)|รักจากใจจร]] (Dear John)'' (2010), ''[[บทเพลงรักสายใยนิรันดร์]] (The Last Song)'' (2010), ''[[ลิขิตฟ้าชะตารัก]] (The Lucky One)'' (2012), ''[[Safe Haven]]'' (2013), ''[[The Best of Me]]'' (2014), ''[[ระยะทางพิสูจน์รัก (ภาพยนตร์)|ระยะทางพิสูจน์รัก]] (The Longest Ride)'' (2015) และ ''[[The Choice]]'' (2016) อ้างอิงจากเว็บไซต์ของเขา สปาร์คส์สปากส์ได้ขายบทดัดแปลงภาพยนตร์เรื่อง ''True Believer'' และ ''At First Sight''<ref>{{cite web | title=Frequently Asked Questions about ''At First Sight'' | work=The Official Nicholas Sparks Web Site: The Novels | url= http://www.nicholassparks.com/Novels/AtFirstSight/FAQ.html | accessdate=2007}}</ref>
 
== ชีวิตส่วนตัวและการกุศล ==
บรรทัด 166:
{{wikiquote}}
* {{Official website|http://www.nicholassparks.com}}
* {{IMDb name|817023|นิโคลัส สปาร์คส์สปากส์}}
 
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2508]]