ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อีซูซุ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 14:
}}
'''บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ จำกัด''' (いすゞ自動車株式会社:''Isuzu Jidōsha Kabushiki-gaisha''<sup>'''[[วิกิพีเดีย:ภาษาญี่ปุ่น|?]]'''</sup>; Isuzu Motors Ltd.) เป็นผู้ผลิตยานพาหนะส่วนบุคคล ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ และ รถบรรทุกของหนัก มีสำนักงานใหญ่ใน[[โตเกียว (เมือง)|โตเกียว]], [[ประเทศญี่ปุ่น]] ในปี [[พ.ศ. 2548]] อีซูซุ คือ ผู้ผลิตรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มากที่สุดในโลก โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่เมือง[[ฟูจิซะวะ]] และยังมีที่ [[จังหวัดโทะจิงิ]] และ [[จังหวัดฮกไกโด]] อีกด้วย
 
 
== ประวัติและการดำเนินการของอีซูซุในประเทศไทย ==
ในประเทศไทย ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุใน[[ประเทศไทย]]คือ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และมีบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุตามภูมิภาค ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และ มีโรงงานประกอบในประเทศไทย คือ อีซูซุ มอเตอร์ ( ประเทศไทย ) จำกัด โดยที่ตั้งของโรงงานจะอยู่ ที่ [[จังหวัดสมุทรปราการ]] และ [[จังหวัดฉะเชิงเทรา]] โดยเป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายรถอีซูซุ ชิ้นส่วนอะไหล่อีซูซุ และซ่อมบำรุงรถอีซูซุ รวมทั้งวางแผนงาน ธุรกิจในประเทศไทยเริ่มมีการดำเนินการตั้งแต่เมื่อ ผลิต[[พ.ศ. ภัณฑ์2500]] ส่วนใหญ่แล้วอีซูซุ จะประกอบด้วยรถกระบะ รถหัวลากรถบรรทุก รถบรรทุกและรองลงมาจะประกอบรถยนต์เอนกประสงค์ รถโดยสารSUV
โดยอีซูซุในประเทศไทยเริ่มมีการดำเนินการตั้งแต่ก่อน [[พ.ศ. 2500]] เริ่มจำหน่ายรถบรรทุกอีซูซุคันแรก ในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 ได้จัดตั้งสำนักงานขาย ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ เชิงสะพานหัวช้าง กรุงเทพมหานคร ในเดือนพฤศจิกายน [[พ.ศ. 2506]] บริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มต้นการประกอบรถยนต์อีซูซุ ภายในประเทศ ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2509 จึงก่อตั้ง บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นเพื่อประกอบรถยนต์อีซูซุ ในเดือนพฤศจิกายน [[พ.ศ. 2517]] สำนักงานขายและศูนย์บริการได้รับการบริหารใหม่เป็นบริษัทอิสระ ภายใต้ชื่อ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดยการร่วมทุนของ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท อีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น มีนาคม 2528 บริษัท ไทยออโต้เซลส์ จำกัด ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจด้านสินเชื่อรถยนต์กรกฎาคม 2530 บริษัท อีซูซุเอ็นยิ่นแมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับใบอนุญาตจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ผลิตเครื่องยนต์จำหน่าย ในปี[[พ.ศ. 2532]]ได้เปิดตัว[[อีซูซุ ฟาสเตอร์|อีซูซุ ฟาสเตอร์ แซด นิวสองพันห้าดีไอ]] (Isuzu Faster Z New 2500 Di) หรือในตระกูล อีซูซุ ทีเอฟอาร์ (isuzu tfr)ในปีพ.ศ. 2535ได้เปิดตัวรถเอนกประสงค์ที่มีพื้นฐานมาจากรถกระบะ[[อีซูซุ วิซาร์ด|อีซูซุ คาเมโอ]] (Isuzu Cameo) แต่ในช่วง [[พ.ศ. 2534]]-[[พ.ศ. 2540|2540]] อีซูซุได้ประกอบรถกระบะให้กับค่ายรถยนต์อื่น คือ ฮอนด้า (ตามโครงการแลกเปลี่ยนผลิตภัณท์)และ โอเปิล(ซึ่งจีเอมออกแบบและพัฒนาร่วมกันก่อนแล้วแต่สมัยนั้นรถของจีเอ็มในประเทศไทย ยังเป็น [[โอเปิล]] ไม่ใช่ [[เชฟโรเลต]]) เนื่องจากฮอนด้า และ จีเอ็ม(สมัยนั้นยังเป็นโอเปิล) ยังไม่มีรถกระบะเป็นแบรนด์ของตัวเอง แต่อยากจะมีส่วนร่วมในรถกระบะบ้าง จึงให้อีซูซุประกอบให้ โดยฮอนด้าใช้ชื่อว่า '''[[ฮอนด้า ทัวร์มาสเตอร์]]''' ส่วนโอเปิล(จีเอ็ม)ใช้ชื่อว่า '''[[โอเปิล แคมโป้]]''' แต่ยอดขายย่ำแย่มาก และในช่วง [[พ.ศ. 2539]]-[[พ.ศ. 2546|2546]] อีซูซุก็ยังไม่มีรถเก๋งเป็นแบรนด์ของตัวเอง จึงให้[[ฮอนด้า]]ประกอบให้ โดยให้ชื่อว่า '''[[อีซูซุ เวอร์เท็กซ์]]''' ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นแรกที่เป็น[[รถซีดาน]] หรือรถเก๋งรุ่นสุดท้ายแรกของอีซูซุประเทศไทย และใช้พรีเซนเตอร์ชื่อดังอย่าง [[ริชาร์ด เกียร์]] แต่กลับทำยอดขายได้ย่ำแย่แต่ก็ขายได้ดีกว่ากระบะของ[[ฮอนด้า]]และ[[โอเปิล]] โดยเลิกผลิตในปี [[พ.ศ. 2545]] ในเดือนมิถุนายน [[พ.ศ. 2540]] ด้วยความเชื่อถือและสนับสนุนจากประชาชนชาวไทย รถอีซูซุทุกรุ่นสามารถ บรรลุยอดจำหน่ายรวมถึง 1 ล้านคัน ในวันที่16 พฤษภาคม ปี [[พ.ศ. 2545]] ทางอีซูซุจึงได้เปิดตัวรถกระบะที่สมบูรณ์แบบที่สุดของอีซูซุเท่าที่เคยมีมา คือ [[อีซูซุ ดีแมคซ์]] ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่[[ประเทศไทย]] และอีก 2 ปีถัดมา ได้มีการเปิดตัว [[อีซูซุ มิว-เซเว่น]] ซึ่งเป็นรถเอนกประสงค์ที่ดัดแปลงจากรถกระบะ(พีพีวี)ในเดือนมีนาคม [[พ.ศ. 2550]] เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีทอง การดำเนินกิจการอีซูซุในประเทศไทย และฉลองยอดผลิต และยอดจำหน่ายอีซูซุทุกรุ่นครบ 2,000,000 คันล่าสุดในเดือนตุลาคมปี [[พ.ศ. 2554]] ได้มีการเปิดตัว [[อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด]] พร้อมกับ เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรม เกต์เวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นการรองรับการผลิตและความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน [[พ.ศ. 2555]]ได้เฉลิมฉลองยอดผลิตรถในไทยที่3,000,000คันพร้อมเปิดตัว[[อีซูซุ ดีแมคซ์|อีซูซุ ดีแมคซ์ เอ็กซีรีส์]]รุ่นพิเศษแต่งสปอร์ต และในเดือนพฤศจิกายนปี [[พ.ศ. 2556]]ได้เปิดตัวรถเอนกประสงค์[[อีซูซุ มิวเอกซ์]]รุ่นใหม่มาแทนมิวเซเวน
รถปิกอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4ล้อ และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ โดยมี เครือข่ายการจำหน่าย ศูนย์บริการ และอะไหล่เกือบ 300 แห่งทั่วประเทศ
 
ก่อตั้ง : 22 พฤศจิกายน 2517 จำนวนพนักงาน : 500 คน
=== รุ่นที่ผลิตอยู่ในปัจจุบันในประเทศไทย ===
* รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน [[อีซูซุ ดีแมคซ์]] (Isuzu D-Max)super titanium
* รถเอนกประสงค์ SUV [[อีซูซุ มิว-เซเว่น|อีซูซุ มิว-เซเว่น ช้อยส์]] (Isuzu MU-7 Choiz)
 
=== รุ่นที่เลิกผลิตไปแล้วในประเทศไทย ===
* รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน อีซูซุ ดีแมกซ์ (Isuzu D-Max) ปี 2545-2554
* รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน [[อีซูซุ ฟาสเตอร์|อีซูซุ ดราก้อน เพาเวอร์]] (Isuzu Dragon Power)
* รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน [[อีซูซุ ฟาสเตอร์|อีซูซุ ดราก้อน อายส์]] (Isuzu Dragon Eyes)
* รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน [[อีซูซุ ฟาสเตอร์|อีซูซุ ดราก้อน โกลด์]] (Isuzu Dragon Gold) หรือ อีซูซุ ทีเอฟอาร์ (isuzu tfr)
* รถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน [[อีซูซุ ฟาสเตอร์|อีซูซุ ฟาสเตอร์ แซด]] (Isuzu Faster Z)
* รถเอนกประสงค์ SUV [[อีซูซุ วิซาร์ด|อีซูซุ คาเมโอ]] (Isuzu Cameo)
* รถเอนกประสงค์ SUV [[อีซูซุ ทรูเปอร์]] (Isuzu Trooper)
* รถเอนกประสงค์ SUV [[อีซูซุ วิซาร์ด|อีซูซุ เวก้า]] (Isuzu Vega)
* รถยนต์นั่ง 4 ประตูขนาดเล็ก [[ฮอนด้า ซีวิค|อีซูซุ เวอร์เท็กซ์]] (Isuzu Vertex)
* รถยนต์นั่ง 4 ประตูขนาดกลาง [[อีซูซุ อาสก้า]] (isuzu aska)
 
== การครองความเป็นเจ้าแห่งรถกระบะในประเทศไทย ==
โดยอีซูซุในประเทศไทยเริ่มมีการดำเนินการตั้งแต่ก่อน [[พ.ศ. 2500]] เริ่มจำหน่ายรถบรรทุกอีซูซุคันแรก ในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 ได้จัดตั้งสำนักงานขาย ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ เชิงสะพานหัวช้าง กรุงเทพมหานคร ในเดือนพฤศจิกายน [[พ.ศ. 2506]] บริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มต้นการประกอบรถยนต์อีซูซุ ภายในประเทศ ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2509 จึงก่อตั้ง บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นเพื่อประกอบรถยนต์อีซูซุ ในเดือนพฤศจิกายน [[พ.ศ. 2517]] สำนักงานขายและศูนย์บริการได้รับการบริหารใหม่เป็นบริษัทอิสระ ภายใต้ชื่อ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดยการร่วมทุนของ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท อีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น มีนาคม 2528 บริษัท ไทยออโต้เซลส์ จำกัด ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจด้านสินเชื่อรถยนต์กรกฎาคม 2530 บริษัท อีซูซุเอ็นยิ่นแมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับใบอนุญาตจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ผลิตเครื่องยนต์จำหน่าย ในปี[[พ.ศ. 2532]]ได้เปิดตัว[[อีซูซุ ฟาสเตอร์|อีซูซุ ฟาสเตอร์ แซด นิวสองพันห้าดีไอ]] (Isuzu Faster Z New 2500 Di) หรือในตระกูล อีซูซุ ทีเอฟอาร์ (isuzu tfr)ในปีพ.ศ. 2535ได้เปิดตัวรถเอนกประสงค์ที่มีพื้นฐานมาจากรถกระบะ[[อีซูซุ วิซาร์ด|อีซูซุ คาเมโอ]] (Isuzu Cameo) ในช่วง [[พ.ศ. 2534]]-[[พ.ศ. 2540|2540]] อีซูซุได้ประกอบรถกระบะให้กับค่ายรถยนต์อื่น คือ ฮอนด้า (ตามโครงการแลกเปลี่ยนผลิตภัณท์)และ โอเปิล(ซึ่งจีเอมออกแบบและพัฒนาร่วมกันก่อนแล้วแต่สมัยนั้นรถของจีเอ็มในประเทศไทย ยังเป็น [[โอเปิล]] ไม่ใช่ [[เชฟโรเลต]]) เนื่องจากฮอนด้า และ จีเอ็ม(สมัยนั้นยังเป็นโอเปิล) ยังไม่มีรถกระบะเป็นแบรนด์ของตัวเอง แต่อยากจะมีส่วนร่วมในรถกระบะบ้าง จึงให้อีซูซุประกอบให้ โดยฮอนด้าใช้ชื่อว่า '''[[ฮอนด้า ทัวร์มาสเตอร์]]''' ส่วนโอเปิล(จีเอ็ม)ใช้ชื่อว่า '''[[โอเปิล แคมโป้]]''' แต่ยอดขายย่ำแย่มาก ในช่วง [[พ.ศ. 2539]]-[[พ.ศ. 2546|2546]] อีซูซุไม่มีรถเก๋งเป็นแบรนด์ของตัวเอง จึงให้[[ฮอนด้า]]ประกอบให้ โดยให้ชื่อว่า '''[[อีซูซุ เวอร์เท็กซ์]]''' ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นแรกที่เป็น[[รถซีดาน]] หรือรถเก๋งรุ่นสุดท้ายของอีซูซุประเทศไทย และใช้พรีเซนเตอร์ชื่อดังอย่าง [[ริชาร์ด เกียร์]] แต่กลับทำยอดขายได้ย่ำแย่แต่ก็ขายได้ดีกว่ากระบะของ[[ฮอนด้า]]และ[[โอเปิล]] โดยเลิกผลิตในปี [[พ.ศ. 2545]] ในเดือนมิถุนายน [[พ.ศ. 2540]] ด้วยความเชื่อถือและสนับสนุนจากประชาชนชาวไทย รถอีซูซุทุกรุ่นสามารถ บรรลุยอดจำหน่ายรวมถึง 1 ล้านคัน ในวันที่16 พฤษภาคม ปี [[พ.ศ. 2545]] ทางอีซูซุจึงได้เปิดตัวรถกระบะที่สมบูรณ์แบบที่สุดของอีซูซุเท่าที่เคยมีมา คือ [[อีซูซุ ดีแมคซ์]] ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่[[ประเทศไทย]] และอีก 2 ปีถัดมา ได้มีการเปิดตัว [[อีซูซุ มิว-เซเว่น]] ซึ่งเป็นรถเอนกประสงค์ที่ดัดแปลงจากรถกระบะ(พีพีวี)ในเดือนมีนาคม [[พ.ศ. 2550]] เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีทอง การดำเนินกิจการอีซูซุในประเทศไทย และฉลองยอดผลิต และยอดจำหน่ายอีซูซุทุกรุ่นครบ 2,000,000 คันในเดือนตุลาคมปี [[พ.ศ. 2554]] ได้มีการเปิดตัว [[อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด]] พร้อมกับ เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรม เกต์เวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นการรองรับการผลิตและความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน [[พ.ศ. 2555]]ได้เฉลิมฉลองยอดผลิตรถในไทยที่3,000,000คันพร้อมเปิดตัว[[อีซูซุ ดีแมคซ์|อีซูซุ ดีแมคซ์ เอ็กซีรีส์]]รุ่นพิเศษแต่งสปอร์ต และในเดือนพฤศจิกายนปี [[พ.ศ. 2556]]ได้เปิดตัวรถเอนกประสงค์[[อีซูซุ มิวเอกซ์]]รุ่นใหม่มาแทนมิวเซเวน
อีซูซุ ครองความเป็นเจ้าตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 19 ปี สาเหตุที่สำคัญเป็นเพราะอีซูซุ เข้าใจตลาดรถกระบะเมืองไทย และทำตลาดได้ตรงตามความต้องการของคนไทยมากที่สุด จุดที่ทำให้ รถกระบะอีซูซุ ครองความเป็นผู้นำในตลาดนี้มายาวนาน เป็นเพราะ
# เน้นเครื่องยนต์ที่ทนทาน ในขณะที่ยี่ห้ออื่นไปเน้นด้านพลัง จนถึงระยะเวลาหนึ่ง อีซูซุจึงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เครื่องยนต์ของกระบะอีซูซุทนทานมาก ทำให้ประหยัดเงินในการซ่อมบำรุงต่างกับยี่ห้ออื่นมาก
# เน้นเรื่องความประหยัดน้ำมันมาโดยตลอด แม้ในขณะที่เปิดตัวรุ่นแรก ราคาน้ำมันไม่ได้แพงมากเหมือนสมัยปัจจุบัน แต่อีซูซุ กลับเน้นการประหยัดน้ำมัน ในขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ ไปเน้นเรื่องความเร็วและความแรง
# มักเป็นผู้ริเริ่มในด้านตลาดรถยนต์กลุ่มนี้
# เป็นกระบะเจ้าแรกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล หัวฉีด ไดเร็คอินเจ็คชั่น หรือ Di
# เป็นกระบะเจ้าแรกที่ทำแค็บ (ประมาณช่วงปี [[พ.ศ. 2528]])
# เป็นกระบะเจ้าแรกที่เอาเกียร์อัตโนมัติมาใช้ เพื่อความสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่
# เป็นกระบะเจ้าแรกที่เอาเทอร์โบมาใช้
# เป็นกระบะเจ้าแรกที่ทำกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูงจากโรงงาน (isuzu d-max hi-lander)
# ศูนย์บริการที่มีมากกว่าเจ้าอื่นๆ
# ราคาอะไหล่ไม่แพง และใช้ได้ทนทาน นาน
จนมาถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เป็นสาหตุสำคัญที่ทำให้ กระบะอีซูซุ ไม่ได้ครองเจ้าตลาดอีกในเวลาต่อมาคือ
# การร่วมมือกับ GM ออกกระบะรุ่นดีแมกซ์ออกมา ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งของอีซูซุ ที่ไม่ชอบหน้าตาดีแมกซ์ แต่ยังชื่นชอบระบบเครื่องยนต์และช่วงล่างของอีซูซุ หันไปซื้อกระบะของ GM แทน
# การเริ่มถูกคู่แข่งลงทุนไม่อั้น โดยเป็นผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ แทน เช่นการใช้เครื่องยนต์คอมมอนเรล การติดตั้งก๊าซซีเอ็นจีจากโรงงาน ที่อีซูซุ ไม่ตัดสินใจทำก่อน
# ดีแมคซ์คอมมอนเรล มีปัญหามากมาย เช่นคลัทช์ดัง น้ำมันเครื่องหาย ปัญหา SCV วาล์ว
# การใช้คัทซี 3 ท่อน ทำให้ลูกค้าที่ไม่เข้าใจ ลังเล เพราะไม่มั่นใจ
# โทนสีภายในของอีซูซุ ดูไม่ทันสมัย ในขณะที่เจ้าอื่น ไปใช้โทนสีครีม สีเบจ แต่อีซูซุยังใช้โทนสีเทา หรือสีดำ
# การขายไม่รวมแอร์ ทำให้ลูกค้าใหม่ๆที่จะหันมาซื้อ เกิดฉุกคิดเปรียบเทียบ กับกระบะยี่ห้ออื่น ที่ไม่คิดราคาเพิ่มค่าแอร์
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/อีซูซุ"