}}
'''คาเฟอีนกาเฟอีน''' ({{lang-enfr|caffeinecaféine}}) เป็นสารแซนทีน[[อัลคาลอยด์]] ซึ่งสามารถพบได้ในอาหารหลายชนิดได้แก่ เมล็ด[[กาแฟ]], [[ชา]], โคล่า คาเฟอีนกาเฟอีนถือว่าเป็น[[ยากำจัดศัตรูพืช]]โดยธรรมชาติ เพราะมันออกฤทธิ์ทำให้[[อัมพาต]] และสามารถฆ่าแมลงบางชนิดได้ คาเฟอีนกาเฟอีนยังมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวและลด[[ความง่วง]]ได้ เครื่องดื่มหลายชนิดมีคาเฟอีนกาเฟอีนเป็นส่วนผสม เช่นใน[[กาแฟ]] [[น้ำชา]] [[น้ำอัดลม]] รวมทั้ง[[เครื่องดื่มชูกำลัง]] ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คาเฟอีนกาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นประสาทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
== แหล่งของคาเฟอีนกาเฟอีน ==
เมล็ด[[กาแฟ]]จัดเป็นพืชที่เป็นแหล่งของคาเฟอีนกาเฟอีนที่ใหญ่ที่สุด ปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักสองประการ คือชนิดของเมล็ด[[กาแฟ]]ที่เป็นแหล่งผลิต และกรรมวิธีในการเตรียม[[กาแฟ]] เช่น เมล็ด[[กาแฟ]]ที่คั่วจนเป็นสีเข้มจะมีปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนน้อยกว่าเมล็ดที่คั่วไม่นาน เนื่องจากคาเฟอีนกาเฟอีนสามารถสลายตัวไปได้ระหว่างการคั่ว และ[[กาแฟ]]พันธุ์[[อาราบิกา]]จะมีปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนน้อยกว่า[[กาแฟ]]พันธุ์[[โรบัสตา]] เป็นต้น โดยทั่วไปกาแฟ[[เอสเปรสโซ]]จากเมล็ด[[กาแฟ]]พันธุ์[[อาราบิกา]]จะมีคาเฟอีนกาเฟอีนประมาณ 40 มิลลิกรัม นอกจากนี้ในเมล็ด[[กาแฟ]]ยังพบอนุพันธุ์ของคาเฟอีนกาเฟอีน คือ[[ธีโอฟิลลิน]] (Theophyllin) ในปริมาณเล็กน้อยอีกด้วย
ใบ[[ชา]]ยังเป็นแหล่งของคาเฟอีนกาเฟอีนที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่ง พบว่าจะมีคาเฟอีนกาเฟอีนมากกว่า[[กาแฟ]]ในปริมาณเดียวกัน แต่วิธีชงดื่มของชานั้น ทำให้ปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนลดลงไปมาก แต่ชาจะมีปริมาณของ[[ธีโอฟิลลิน]]อยู่มาก และพบอนุพันธุ์อีกชนิดของคาเฟอีนกาเฟอีน คือ[[ธีโอโบรมีน]] (Theobromine) อยู่เล็กน้อยด้วย ชนิดของใบ[[ชา]]และกระบวนวิธีการเตรียมก็เป็นปัจจัยสำคัญของคาเฟอีนกาเฟอีนในน้ำ[[ชา]]เช่นเดียวกับใน[[กาแฟ]] เช่นใน[[ชาดำ]]และ[[ชาอูหลง]]จะมีคาเฟอีนกาเฟอีนมากกว่าในชาชนิดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สีของน้ำชาไม่ได้เป็นลักษณะบ่งชี้ถึงปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนในน้ำชา เช่นใน[[ชาเขียว]][[ญี่ปุ่น]]ซึ่งจะมีปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนสูงกว่า[[ชาดำ]]บางชนิด
[[ช็อคโกแลต]]ซึ่งผลิตมาจากเมล็ด[[โกโก้]]ก็เป็นแหล่งของคาเฟอีนกาเฟอีนเช่นเดียวกัน แต่ในปริมาณที่น้อยกว่าเมล็ดกาแฟและใบชา แต่เนื่องจากในเมล็ด[[โกโก้]]มีสาร[[ธีโอฟิลลิน]]และ[[ธีโอโบรมีน]]อยู่มาก จึงมีฤทธิ์อ่อนๆในการกระตุ้นประสาท อย่างไรก็ตาม ปริมาณของสารดังกล่าวนี้ก็ยังน้อยเกินไปที่จะให้เกิดผลกระตุ้นประสาทเช่นเดียวกับ[[กาแฟ]]ในปริมาณที่เท่ากัน
[[น้ำอัดลม]]และ[[เครื่องดื่มชูกำลัง]]เป็นเครื่องดื่มที่พบคาเฟอีนกาเฟอีนได้มากเช่นเดียวกัน [[น้ำอัดลม]]ทั่วไปจะมีคาเฟอีนกาเฟอีนประมาณ 10-50 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ขณะที่[[เครื่องดื่มชูกำลัง]] เช่น[[กระทิงแดง]] จะมีคาเฟอีนกาเฟอีนอยู่มากถึง 80 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค คาเฟอีนกาเฟอีนที่ผสมอยู่ในเครื่องดื่มเหล่านี้อาจมาจากพืชที่เป็นแหล่งผลิต แต่ส่วนใหญ่จะได้จากคาเฟอีนกาเฟอีนที่สกัดออกระหว่างการผลิต[[กาแฟพร่องคาเฟอีนกาเฟอีน]] (decaffeinated coffee)
== สถานะทางเคมี ==
คาเฟอีนกาเฟอีน เป็นสาร[[อัลคาลอยด์]]ซึ่งจัดอยู่ในตระกูล[[เมทิลแซนทีน]] ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกันกับสารประกอบ[[ธีโอฟิลลิน]] และ [[ธีโอโบรมีน]] ในสถานะบริสุทธิ์ จะมีสีขาวเป็นผง และมีรสขมจัด สูตรทางเคมีคือ [[คาร์บอน|C]]<sub>8</sub>[[ไฮโดรเจน|H]]<sub>10</sub>[[ไนโตรเจน|N]]<sub>4</sub>[[ออกซิเจน|O]]<sub>2</sub>,
== เมแทบอลิซึมและเภสัชวิทยา ==
คาเฟอีนกาเฟอีนจัดเป็น[[สารกระตุ้น]][[ระบบประสาทส่วนกลาง]]และ[[เมแทบอลิซึม]]หรือกลไกการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย <ref> {{cite journal | last = Nehlig | first = A | coauthors = Daval JL, Debry G | title = Caffeine and the central nervous system: Mechanisms of action, biochemical, metabolic, and psychostimulant effects | journal = Brain Res Brain Res Rev | volume = 17 | issue = 2 | pages = 139-70 | date = 1992 May-Aug | id = PMID 1356551 }}</ref>เพื่อลดความง่วง ความเหนื่อยล้า และจะส่งผลกระตุ้นเส้นประสาท โดยมีการปล่อย[[โปแตสเซียม]]และ[[แคลเซียม]] เข้าสู่เซลล์ประสาท เพิ่มการตื่นตัวของร่างกาย โดยใน[[ระบบประสาท]] คาเฟอีนกาเฟอีนจะไปกระตุ้นการทำงานในระดับสูงของ[[สมอง]] เพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ทำให้กลไกการคิดรวดเร็วและมีสมาธิมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ร่างกายมีกระบวนการต่างๆในการแปรรูปคาเฟอีนกาเฟอีนที่ได้รับมาเป็นสารอนุพันธุ์ชนิดอื่นซึ่งมีฤทธิ์ต่างๆกัน ซึ่งกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป
=== เมแทบอลิซึม ===
[[ไฟล์:Caffeine metabolites.svg|thumb|right|350px|คาเฟอีนกาเฟอีนถูกแปรสภาพโดนเอนไซม์ในตับ ได้เป็นอนุพันธุ์ของคาเฟอีนกาเฟอีนสามชนิด คือ
[[พาราแซนทีน]] (84%), [[ธีโอโบรมีน]] (12%), and [[ธีโอฟิลลิน]] (4%)]]
คาเฟอีนกาเฟอีนจะถูกดูดซึมที่[[กระเพาะอาหาร]]และ[[ลำไส้เล็ก]]ภายใน 45 นาทีหลังจากการบริโภค หลังจากนั้นจะถูกนำเข้ากระแสเลือดและลำเลียงไปทั่วร่างกาย [[ครึ่งชีวิต]]ของคาเฟอีนกาเฟอีนในร่างกาย หรือเวลาที่ร่างกายใช้ในการกำจัดคาเฟอีนกาเฟอีนในปริมาณครึ่งหนึ่งของที่บริโภค จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลโดยมีปัจจัยต่างๆ เช่นอายุ ระดับการทำงานของ[[ตับ]] ภาวะตั้งครรภ์และการใช้ยาอื่นร่วมด้วย ในผู้ใหญ่ปกติจะมีครึ่งชีวิตของคาเฟอีนกาเฟอีนประมาณ 3-4 ชั่วโมง ในขณะที่หญิงที่ทาน[[ยาคุมกำเนิด]]และหญิงตั้งครรภ์อาจมีครึ่งชีวิตของคาเฟอีนกาเฟอีนประมาณ 5-10 ชั่วโมง <ref> {{cite journal | last = Meyer | first = FP | coauthors = Canzler E, Giers H, Walther H. | title = Time course of inhibition of caffeine elimination in response to the oral depot contraceptive agent Deposiston. Hormonal contraceptives and caffeine elimination | journal = Zentralbl Gynakol | volume = 113 | issue = 6 | pages = 297-302 | date = 1991 | id = PMID 2058339 }}</ref> และ 9-11 ชั่วโมง .<ref> {{cite journal | last = Ortweiler | first = W | coauthors = Simon HU, Splinter FK, Peiker G, Siegert C, Traeger A. | title = Determination of caffeine and metamizole elimination in pregnancy and after delivery as an in vivo method for characterization of various cytochrome p-450 dependent biotransformation reactions | journal = Biomed Biochim Acta. | volume = 44 | issue = 7-8 | pages = 1189-99 | date = 1985 | id = PMID 4084271 }}</ref> ตามลำดับ ในผู้ป่วย[[โรคตับ]]ระยะรุนแรง อาจมีการสะสมของคาเฟอีนกาเฟอีนในร่างกายได้นานถึง 96 ชั่วโมง.<ref> {{cite journal | last = Bolton, Ph.D. | first = Sanford | coauthors = Gary Null, M.S. | title = Caffeine: Psychological Effects, Use and Abuse | journal = Orthomolecular Psychiatry | volume = 10 | issue = 3 | pages = 202-211 | date = 1981 | url = http://www.orthomolecular.org/library/jom/1981/pdf/1981-v10n03-p202.pdf | accessdate = 2010-07-02 }}</ref> สำหรับในทารกและเด็กจะมีครึ่งชีวิตของคาเฟอีนกาเฟอีนที่นานกว่าผู้ใหญ่ พบว่าในทารกแรกเกิดจะมีครึ่งชีวิตของคาเฟอีนกาเฟอีนประมาณ 30 ชั่วโมง
คาเฟอีนกาเฟอีนจะถูกเปลี่ยนแปลงสภาพที่[[ตับ]] โดยอาศัยการทำงานของ[[เอนไซม์]] [[ไซโตโครม พี 450 ออกซิเดส]] (Cytochrome P450 oxidase) ซึ่งเอนไซม์นี้จะเปลี่ยนคาเฟอีนกาเฟอีนให้เป็นอนุพันธุ์สามชนิด <ref>
{{cite web | title = Caffeine | publisher = The Pharmacogenetics and Pharmacogenomics Knowledge Base | url = http://www.pharmgkb.org/do/serve?objId=464&objCls=DrugProperties#biotransformationData | accessdate = 2006-08-14 }}</ref> คือ
* [[พาราแซนทีน]] (Paraxanthine) มีผลในการสลาย[[ไขมัน]] เพิ่มปริมาณของ[[กลีเซอรอล]]และ[[กรดไขมัน]]ในกระแสเลือด
=== การออกฤทธิ์ ===
เนื่องจากคาเฟอีนกาเฟอีนเป็นสารในกลุ่ม[[แซนทีน]][[แอลคาลอยด์]]ที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับ[[แอดิโนซีน]] (Adenosine) ซึ่งเป็น[[สารสื่อประสาท]]ชนิดหนึ่งใน[[สมอง]] โมเลกุลของคาเฟอีนกาเฟอีนจึงสามารถจับกับ[[ตัวรับแอดิโนซีน]] (adenosine receptor) ใน[[สมอง]]และยับยั้งการทำงานของ[[แอดิโนซีน]]ได้ <ref> {{cite journal | last = Fisone G | first = G | coauthors = Borgkvist A, Usiello A | title = Caffeine as a psychomotor stimulant: mechanism of action | journal = Cell Mol Life Sci | volume = 61 | issue = 7-8 | pages = 857-72 | date = 2004 Apr | id = PMID 15095008 | url = http://www.springerlink.com/content/605nwu366ay2c6xt/ }}</ref> ผลโดยรวมคือทำให้มีการเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาท[[โดปามีน]] (dopamine) ซึ่งทำให้สมองเกิดการตื่นตัว นอกจากนี้พบว่าอาจจะมีการเพิ่มปริมาณของ[[ซีโรโทนิน]] (serotonin) ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ของผู้บริโภค ทำให้รู้สึกพึงพอใจและมีความสุขมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาเฟอีนกาเฟอีนมิได้ลดความต้องการนอนหลับของสมอง เพียงแต่ลดความรู้สึกเหนื่อยล้าลงเท่านั้น
อย่างไรก็ดี สมองจะมีการตอบสนองต่อคาเฟอีนกาเฟอีนโดยการเพิ่มปริมาณของ[[ตัวรับแอดิโนซีน]] ทำให้ฤทธิ์ของคาเฟอีนกาเฟอีนในการบริโภคครั้งต่อไปลดลง เราเรียกภาวะนี้ว่าภาวะทนต่อคาเฟอีนกาเฟอีน (caffeine tolerance)และทำให้ผู้บริโภคต้องการคาเฟอีนกาเฟอีนมากขึ้นเพื่อให้เกิดผลต่อร่างกาย ผลอีกประการที่เกิดจากการที่สมองเพิ่มปริมาณของ[[ตัวรับแอดิโนซีน]] นั่นคือทำให้ร่างกายไวต่อปริมาณ[[แอดิโนซีน]]ที่ผลิตตามปกติมากขึ้น <ref name="PMID 3003150"> {{cite journal | last = Green | first = RM | coauthors = Stiles GL | title = Chronic caffeine ingestion sensitizes the A1 adenosine receptor-adenylate cyclase system in rat cerebral cortex | journal = J Clin Invest | volume = 77 | issue = 1 | pages = 222-227 | date = Jan 1986 | url = http://www.ncbi.nlm.nih.gov/entrez/query.fcgi?cmd=Retrieve&db=PubMed&list_uids=3003150|id = PMID 3003150 }}</ref>เมื่อหยุดการบริโภคคาเฟอีนกาเฟอีนในทันที จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคืออาการ[[ปวดศีรษะ]]และรู้สึก[[คลื่นไส้]][[อาเจียน]] ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อแอดิโนซีนมากเกินไปนั่นเอง นอกจากนี้ ในผู้ที่หยุดบริโภคคาเฟอีนกาเฟอีนจะทำให้ปริมาณของ[[โดปามีน]]และ[[ซีโรโทนิน]]ลดลงในทันที ส่งผลให้สูญเสียสมาธิและความตั้งใจ รวมทั้งอาจเกิดอาการ[[ซึมเศร้า]]อย่างอ่อนๆได้ อาการดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นประมาณ 12-24 ชั่วโมงหลังจากการหยุดบริโภคคาเฟอีนกาเฟอีน แต่จะหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน อาการของการอดคาเฟอีนกาเฟอีนดังกล่าวสามารถบรรเทาได้โดยการใช้ยา[[แอสไพริน]] หรือการได้รับคาเฟอีนกาเฟอีนในปริมาณน้อย<ref> {{cite journal | last = Sawynok | first = J | title = Pharmacological rationale for the clinical use of caffeine. | journal = Drugs | volume = 49 | issue = 1 | pages = 37-50 | date = Jan 1995 | id = PMID 7705215 | accessdate = 2006-08-14 }}</ref>
== ภาวะเสพติดคาเฟอีนกาเฟอีน และภาวะพิษคาเฟอีนกาเฟอีน ==
การบริโภคคาเฟอีนกาเฟอีนปริมาณมากเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะเสพติดคาเฟอีนกาเฟอีน (caffeinism) ซึ่งจะปรากฏอาการต่างๆทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เช่น กระสับกระส่าย วิตกกังวล กล้ามเนื้อกระตุก นอนไม่หลับ ใจสั่น เป็นต้น <ref name="EofMD"> {{cite web | title = Caffeine-related disorders | publisher = Encyclopedia of Mental Disorders | url = http://www.minddisorders.com/Br-Del/Caffeine-related-disorders.html|accessdate = 2006-08-14 }}</ref> นอกจากนี้การบริโภคคาเฟอีนกาเฟอีนเป็นเวลานานอาจทำให้เกิด[[แผลในกระเพาะอาหาร]] [[ลำไส้เล็กอักเสบ]] และ[[โรคน้ำย่อยไหลย้อนกลับ]] (gastroesophageal reflux disease) <ref> {{cite web | title = Gastroesophageal Reflux Disease (GERD) | publisher = Cedars-Sinai | url = http://www.csmc.edu/pf_5543.html | accessdate = 2006-08-14 }}</ref>
ในผู้ที่บริโภคคาเฟอีนกาเฟอีนปริมาณมากๆในเวลาเดียว (มากกว่า 400 มิลลิกรัม) อาจทำให้[[ระบบประสาทส่วนกลาง]]ถูกกระตุ้นมากเกินไป ภาวะนี้เรียกว่าภาวะพิษคาเฟอีนกาเฟอีน (caffeine intoxication) ซึ่งจะทำให้เกิดอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ความคิดและการพูดสับสน หน้าแดง ปัสสาวะมากผิดปกติ ปวดท้อง หัวใจเต้นแรง ในกรณีที่ได้รับในปริมาณสูงมาก (150-200 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักร่างกาย 1 กิโลกรัม) อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ <ref> {{cite journal | last = Mrvos | first = RM | coauthors = Reilly PE, Dean BS, Krenzelok EP | title = Massive caffeine ingestion resulting in death | journal = Vet Hum Toxicol | volume = 31 | issue = 6 | pages = 571-2 | date = Dec 1989 | id = PMID 2617841 }}</ref>การรักษาผู้ที่เกิดภาวะพิษคาเฟอีนกาเฟอีนโดยทั่วไปจะเป็นการรักษาตามอาการที่เกิด แต่หากผู้ป่วยมีปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนในเลือดสูงมาก อาจต้องได้รับ[[การล้างท้อง]]หรือ[[ฟอกเลือด]]
<!--ส่วนนี้ไม่เป็นสารานุกรม ควรเรียบเรียงใหม่
ปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนเท่าไหร่จึงจะปลอดภัย
สภาพร่างกายของแต่ละบุคคลมี ความไวต่อปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนแตกต่างกัน การดื่มกาแฟ 1 ถ้วยเท่านั้นอาจทำให้คนที่ไวต่อคาเฟอีนกาเฟอีนมีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ แต่ไม่มีผลกับอีกคนหนึ่งที่มีความทนทานมากกว่า
อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้กำหนดปริมาณคาเฟอีนกาเฟอีนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพไว้คือ ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบได้กับการดื่มกาแฟไม่เกิน 3 ถ้วยต่อวันนั่นเอง
แล้วจะดื่มกาแฟอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเกิดผลเสียน้อยที่สุด
2. หากมีอาการนอนหลับยาก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในช่วงบ่ายหรือช่วงหัวค่ำ
3. ไม่ควรดื่มกาแฟขณะท้องว่าง เนื่องจากคาเฟอีนกาเฟอีนจะเร่งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
4. ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อหักโหมทำงาน และอดนอนติดต่อกันหลายๆ คืน แม้ว่าคาเฟอีนกาเฟอีนจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวก็จริง แต่สมองต้องการเวลาพักผ่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้
5. หากคุณเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรทานอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซี่ยมเพิ่มเติม เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย คะน้า บร็อกโคลี่ เป็นต้น เพื่อทดแทนแคลเซี่ยมที่สูญเสียไปกับปัสสาวะ และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน หรืออาจปรับเปลี่ยนโดยการชงกาแฟใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น
6. ควรทานผักผลไม้อย่างเพียงพอทุกวัน เนื่องจากในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ จะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น วิตามินซี อี และเบต้าแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แครอต ผักใบเขียว ฝรั่ง ส้มเขียนหวาน เป็นต้น จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายได้
7. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากฤทธิ์ในการขับปัสสาวะของคาเฟอีนกาเฟอีน และนอกจากนี้ยังช่วยป้องกันคราบกาแฟที่เป็นสาเหตุทำให้ฟันเหลืองอีกด้วย-->
== อ้างอิง ==
|