ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยุทธการที่เดียนเบียนฟู"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
ลบลิงก์ที่ซ้ำซ้อน wikidata
Dolkungbighead (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 64:
เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม ฝ่ายฝรั่งเศส ภายใต้การบังคับบัญชาของพันเอก[[คริสตีย็อง เดอ กัสทรี]] เริ่มเปลี่ยนที่มั่นให้กลายเป็นป้อมปราการ โดยจัดตั้งที่มั่นป้องกันจำนวนเจ็ดแห่ง ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่า แต่ละแห่งได้ชื่อตามอดีตภรรยาลับของเดอ กัสทรี แม้ว่าการกล่าวอ้างดังกล่าวอาจไม่เป็นความจริงก็ตาม ชื่อของที่มั่นทั้งเจ็ดเพียงเริ่มต้นด้วยพยัญชนะแปดตัวแรกเท่านั้น กองบัญชาการที่ได้รับการป้องกันอยู่ตรงกลาง "อูว์แก็ต" ตั้งอยู่ทางตะวันตก "โกลดีน" ตั้งอยู่ทางทิศใต้ และ "ดอมีนิก" ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ<ref name="Davidson, p. 199">Davidson, p. 199</ref> ที่มั่นอื่น ๆ มีชื่อว่า "อาน-มารี" ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ "เบอาทริส" ทางตะวันออกเฉียงเหนือ "กาบรีแยล" ทางเหนือ และ "อีซาแบล" อยู่ห่างออกไป 6 กิโลเมตรทางใต้ ซึ่งป้องกันลานบินสำรอง ทางเลือกของเดอ กัสทรี ในฐานะผู้บัญชาการทหารฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟู ในการศึกษาย้อนหลังพบว่าเลวมาก นาวาร์ได้เลือกเดอ กัสทรี ซึ่งเป็นนาย[[ทหารม้า]]ในประเพณีคริสต์ศตวรรษที่ 18<ref name="time">{{cite journal|date=1954-05-17|title=The Fall of Dienbienphu|journal=[[Time (magazine)|Time]] | url=http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,860710,00.html}}</ref> เพราะนาวาร์เห็นว่าเดียนเบียนฟูเป็นการรบแบบเคลื่อนที่ หากในความเป็นจริง เดียนเบียนฟูต้องการนายทหารที่สามารถปรับใช้การสงครามสนามเพลาะแบบสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อันซึ่งเดอ กัสทรีไม่มีความเหมาะสม<ref>Davidson, 199</ref>
 
การมาถึงของกองพลเวียดมินห์ที่ 316 กระตุ้นให้กอญีสั่งให้อพยพที่มั่นลายเจิวไปยังเดียนเบียนฟู ตรงตามที่ซ้าปได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งระหว่างทางไปเดียนเบียนฟูนั้น เวียดมินห์ได้ทำลายกองทหารฝรั่งเศสไปเสียมาก "จากทหารทั้งสิ้น 2,100 นายที่ออกจากลายเจิวเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม มีเพียง 185 นายเท่านั้นที่ไปถึงเดียนเบียนฟูเมื่อวันทีที่ 22 ธันวาคม ที่เหลือล้วนแต่ถูกฆ่า ถูกจับเป็นเชลยหรือละทิ้งหน้าที่"<ref>Davidson, 203</ref> กองกำลังเวียดมินห์ขนาดใหญ่ได้มาบรรจบกันที่เดียนเบียนฟูแล้ว
 
ฝรั่งเศสมอบหมายให้ทหาร 10,800 นาย ซึ่งเมื่อรวมกับกำลังหนุนแล้วพบว่ามีทั้งสิ้นเกือบ 16,000 นาย ป้องกันหุบเขาที่ได้รับผลจากมรสุมอันมีเนินป่าไม้ปกคลุมหนาแน่นที่ยังไม่ได้ป้องกันล้อมรอบ ปืนใหญ่เช่นเดียวกับรถถังเบาเอ็ม 24 ชัฟฟี 10 คัน และอากาศยานจำนวนมากได้รับมอบหมายไปยังที่มั่นดังกล่าว ที่มั่นนี้ประกอบด้วยทหารธรรมดาของฝรั่งเศส (ที่โดดเด่นคือ หน่วยพลร่มหัวกะทิและปืนใหญ่) [[กองทหารต่างด้าวของฝรั่งเศส]] ทหาร[[ตีราเยอร์]]ชาว[[แอลจีเรีย]]และ[[โมร็อกโก]] และทหารชาวอินโดจีนซึ่งถูกเกณฑ์มาจากในพื้นที่
 
เวียดมินห์ได้เคลื่อนทหารทั่วไป 50,000 นายเข้ามายังเนินเขาที่อยู่ล้อมรอบหุบเขานั้น รวมมี 5 กองพล ซึ่งรวมไปถึงกองพลหนักที่ 351 อันประกอบขึ้นด้วยปืนใหญ่หนักทั้งสิ้น<ref name="d223">Davidson, 223</ref> ปืนใหญ่และปืนต่อสู้อากาศยานซึ่งมีจำนวนเหนือว่ากว่าปืนใหญ่ฝรั่งเศสกว่าสี่ต่อหนึ่ง<ref name="d223"/> ได้ถูกเคลื่อนเข้ามายังตำแหน่งอำพรางที่สามารถมองเห็นหุบเขาได้ ฝ่ายฝรั่งเศสถูกเวียดมินห์ยิงด้วยปืนใหญ่เป็นครั้งคราวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1954 และหน่วยลาดตระเวนฝรั่งเศสพบเวียดมินห์ในทุกทิศทาง ยุทธการนี้เริ่มขึ้นโดยที่ฝรั่งเศสถูกโอบล้อมอย่างสมบูรณ์
 
== ทำเนียบกำลังรบ ==