ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ขันที"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ล r2.7.3) (โรบอต เพิ่ม: ro:Eunuc |
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:1749 eunuch.jpg|thumb|ภาพเขียนยูนุกในยุโรป ปี 1749]]
'''ขันที''' ใน[[พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน]] พ.ศ. 2542 หมายถึง ชายที่ถูกตอน บางประเทศทางเอเชียสมัยโบราณใช้สำหรับควบคุมฝ่ายใน ใน[[ภาษาจีน]]เรียกว่า ไท้เจี๋ยน หรือไท้ก๋ำ ใน[[ภาษาละติน]]และอาหรับเรียกว่ายูนุก (Eunuch) โดยมีรากศัพท์มาจาก[[ภาษากรีก]]คำว่า ยูโนคอส (eunouchos) แปลว่าผู้ดูแลรักษาเตียง<ref>จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์. "ขันทีแขกในราชสำนักอยุธยา," ใน ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 21 ฉบับที่ 6 (เมษายน 2543), น.66-73.</ref> ส่วนชนชาติมอญเรียกขันทีว่า กมนุย (อ่านว่า ''ก็อมนอย'') แปลว่า ขันทีที่ปราศจากความรู้สึกทางเพศ
== ต้นกำเนิด ==
บรรทัด 9:
ใน[[เปอร์เซีย]]และไบแซนไทน์ในช่วงที่มุสลิมเรืองอำนาจ พวกเขาได้รับเอายูนุกเข้ามาด้วย ดังปรากฏในราชสำนักจักรวรรดิ[[มุสลิม]]ในคริสต์ศวรรษที่ 16-18 อย่าง[[ออตโตมาน-เติร์ก]] (Ottoman-Turk) [[ซาฟาวี]] (Safavids) ของอิหร่านและ[[โมกุล]] (Mughal) ของ[[อินเดีย]] โดยจักรวรรดิทั้ง 3 ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชสำนักที่เจริญรุ่งเรืองเช่นเดียวกับราชสำนักจีน
== จีน ==▼
ขันทีนั้น มีอยู่สองประเภท<ref>[http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031101&tag950=03you30170836&show=1 ขันที คอลัมน์ รู้ไปโม้ด]</ref> ▼
* '''ถูกตอนโดยตัดแค่ปลายองคชาตเท่านั้น''' ยังเหลือพวง[[อัณฑะ]]อยู่ ขันทีประเภทนี้ ยังเหลือ[[ฮอร์โมนเพศชาย]]อยู่มากมาย เสียงยังห้าวแบบชาย และจะได้อนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่การงานได้เฉพาะเขตพระราชฐานชั้นนอกเท่านั้น▼
* '''ถูกตอนโดยตัดทิ้งทั้งพวง''' เสียงจะแหลมเล็ก [[ลูกกระเดือก]]หายไป ฮอร์โมนเพศชายหมดไป พวกนี้จะได้รับความไว้ใจสูงกว่า และสามารถปฏิบัติงานในเขตพระราชฐานชั้นใน▼
== ขันทีจำแนกตามประเทศ ==
▲=== จีน ===
[[ไฟล์:Khantee.jpg|thumb|250px|ขันทีจีนยุคสุดท้ายแห่งราชสำนักชิง]]
ขันทีในจีนจะเรียกว่า
เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ยิน (1,324 –1,066 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เป็นชื่อเรียกของ[[ราชวงศ์ซาง]] หลังย้ายเมืองหลวงไปเมืองยิน ซึ่งปัจจุบันคือเมืองอันหยัง ใน[[มณฑลเหอหนาน]]) จากหลักฐานบนกระดองเต่ามีตัว[[หนังสือจีนโบราณ]]อยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งหมายถึง 'การตัด[[องคชาต]]' และ คำว่า ‘羌 ’(อ่านว่าเชียง) บน[[กระดองเต่า]]กล่าวไว้ว่า อู่ติงหวัง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ยิน (1,254 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ได้มีรับสั่งให้ตัด[[อวัยวะเพศ]]ของหนุ่มชาวเชียง ที่ถูกจับมาเป็น[[เชลย]] และให้นำตัวไปเป็นขันที ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ
เส้น 19 ⟶ 25:
ต่อมาในสมัยกวงบู๊ ค่านิยมเปลี่ยนไป ผู้ชายที่รับใช้ในวังต้องเป็นขันที ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตามาก พอถึงยุคสมัย[[ราชวงศ์สุย]] ทางการยกเลิกโทษการตอน ดังนั้นคนที่เป็นขันทีต้องตอนตัวเอง
ในสมัย[[ราชวงศ์หมิง]]และ[[ราชวงศ์ชิง|ชิง]] ([[ค.ศ. 1644]]-[[ค.ศ. 1911|1911]]) สองราชวงศ์สุดท้ายของจีน กลับมีชายหนุ่มจำนวนไม่น้อย สมัครใจเข้าเป็นขันที ส่วนมากมีสาเหตุมาจากความยากจน โดยขันทีคนสุดท้ายของจีน
=== ไทย ===▼
▲=== ประเภทของขันที ===
ใน
▲ขันทีนั้น มีอยู่สองประเภท<ref>[http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031101&tag950=03you30170836&show=1 ขันที คอลัมน์ รู้ไปโม้ด]</ref>
▲* '''ถูกตอนโดยตัดแค่ปลายองคชาตเท่านั้น''' ยังเหลือพวง[[อัณฑะ]]อยู่ ขันทีประเภทนี้ ยังเหลือ[[ฮอร์โมนเพศชาย]]อยู่มากมาย เสียงยังห้าวแบบชาย และจะได้อนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่การงานได้เฉพาะเขตพระราชฐานชั้นนอกเท่านั้น
▲* '''ถูกตอนโดยตัดทิ้งทั้งพวง''' เสียงจะแหลมเล็ก [[ลูกกระเดือก]]หายไป ฮอร์โมนเพศชายหมดไป พวกนี้จะได้รับความไว้ใจสูงกว่า และสามารถปฏิบัติงานในเขตพระราชฐานชั้นใน
ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร ได้สันนิษฐานเกี่ยวกับที่มาของคำว่า "ขันที" ว่าน่าจะมาจากคำว่า "ขณฺฑ" ใน[[ภาษาสันสกฤต]] ซึ่งมีความหมายว่า "ทำลาย" และกินความหมายไปถึง “ไม่สมบูรณ์, ขาดหายไป, ทำลายหรือตัดออกเป็นชิ้น”<ref name="เทษ"/> และคนไทยได้แผลงคำว่า ''ขณฺฑ'' เป็น ''ขณฺฑี'' ในการเขียน<ref name="เทษ"/>
▲== ไทย ==
▲ในไทยเราไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีร่องรอยที่ทำให้เห็นว่ามีขันทีในเมืองสหรัฐอเมริกา โดยในสมัย[[อยุธยา]]เรียกขันทีว่า นักเทษขันที (บางครั้งเขียนว่า นักเทศขันทีก็มี) นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ให้ความเห็นว่า นักเทษ และ ขันที คงเป็นขุนนางชายที่ถูกตอนเหมือนกัน มีเพียง ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร อธิบายไว้ว่า คือฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า นักโทศ (นักเทศ) นั้นรับราชการฝ่ายขวา ส่วนอีกฝ่ายที่เรียกว่า ขันที นั้นรับราชการฝ่ายซ้าย มีข้อสันนิษฐานว่าพระมหากษัตริย์ไทยสมัยโบราณไม่ทรงเปิดโอกาสให้นักเทษขันทีมีส่วนร่วมในราชการฝ่ายหน้า<ref>[http://gotoknow.org/blog/thaikm/151017 กะเทย / บั๊ณเฑาะก์ / ขันที / นักเทษ ] gotoknow.org</ref>
=== พม่า ===
==เกาหลี==▼
ในพม่าและยะไข่ ขันทีจะมีหน้าที่ในการดูและฝ่ายในและจำทูลพระราชสาสน์<ref name="เทษ"/> นอกจากนี้ชาวมอญก็มีคำเรียกขันทีว่า '''กมฺนุย''' (อ่านว่า ''ก็อมนอย'') แปลโดยศัพท์ว่า "ขันทีที่ปราศจากความรู้สึกทางเพศ"<ref name="เทษ"/>
ในประเทศเกาหลี ได้มีประเพณีการตอนเป็นขันทีเช่นเดียวกัน นักวิชาการได้สันนิษฐานไว้ว่า เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยยุคอาณาจักรซิลลาที่ได้รับวัฒนธรรมจากจีนสมัย[[ราชวงศ์ถัง]] หลังจากนั้นต่อมาราชวงศ์[[โครยอ]]และราชวงศ์[[โชซ็อน]]ก็ได้ยึดถือประเพณีนี้เช่นกัน ในช่วงรัชสมัยอาณาจักรโชซอนเกาหลีตอนต้น ได้มีหกขันทีที่มีชื่อเสียงที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลี อันได้แก่▼
▲=== เกาหลี ===
▲ในประเทศเกาหลี
1. [[ออมจาชิ]] (Eom Jachi, 엄자치1363~1452)ซึ่งกลายเป็นใต้เท้าโนในเรื่อง The King and I และน่าเชื่อว่าท่านเคยเป็นหัวหน้ามหาดเล็กสูงสุดมาก่อนด้วย
เส้น 45 ⟶ 51:
หลังจากเวลาผ่านไปจนถึงรัชสมัย[[สมเด็จพระจักรพรรดิควางมูแห่งจักรวรรดิเกาหลี]]หรือพระเจ้าโกจง จักรวรรดิญี่ปุ่นได้เข้ายึดครองดินแดนเกาหลีและได้ทำการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ประเพณีขันทีก็ได้ถูกยกเลิกไป แม้ในปัจจุบันราชวงศ์โซซอนจะยังหลงเหลืออยู่ในประเทศเกาหลีใต้ ประเพณีนี้ก็ไม่เคยฟื้นฟูอีกเลย
=== เวียดนาม ===
ในยุค[[ราชวงศ์จาง]] ({{lang-vi|Nhà Trần}}; ''陳朝'') ได้ทำการส่งขันทีเด็กชาวเวียดนามเป็นเครื่องบรรณาการแก่จีนในยุค[[ราชวงศ์หมิง]] ในปี [[พ.ศ. 1926]], [[พ.ศ. 1927|1927]] และ [[พ.ศ. 1928|1928]]<ref>Tsai (1996), p. 15 {{Google books|Ka6jNJcX_ygC|The Eunuchs in the Ming Dynasty (Ming Tai Huan Kuan)|page=15}}</ref> และมีหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของขันทีในดีต จากบทกวีวิพากษ์วิจารณ์เหล่าขุนนาง ซึ่งถูกรจนาโดยกวีหญิง [[โห่ ซวน เฮือง]] ({{lang-vi|Hồ Xuân Hương}}; ''胡春香'') อันปรากฏเนื้อความตอนหนึ่งล้อเลียนเหล่าขันที<ref>Chandler (1987), p. 129 {{Google books|jzUz9lKn6PEC|In Search of Southeast Asia: A Modern History|page=129}}</ref>
=== อินโดนีเซีย ===
ในยุคก่อนรับ[[ศาสนาอิสลาม]] อินโดนีเซียเคยมีขันทีคอยรับใช้ในวงศ์กษัตริย์ชวาซึ่งนับถือ[[ศาสนาฮินดู]]-[[ศาสนาพุทธ|พุทธ]] กล่าวกันว่ากษัตริย์ชวาทรงมีพระมเหสีและนางห้ามเป็นจำนวนมาก จึงมีขันทีซึ่งแต่งกายแบบหญิงนับพันคอยถวายงานรับใช้<ref>ทวีศักดิ์ เผือกสม. ''ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย:รัฐจารีตบนหมู่เกาะ ความเป็นสมัยใหม่แบบอาณานิคม และสาธารณรัฐแห่งความหลากหลาย''. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 42</ref>
=== ออตโตมัน ===
{{โครงส่วน}}
== อ้างอิง ==
|