ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดพระแม่สกลสงเคราะห์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
บริการเปลี่ยนหมวดหมู่อัตโนมัติด้วยบอต
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ใช้ปีคศ}}
 
'''วัดพระแม่สกลสงเคราะห์''' ([[ภาษาละติน{{lang-la|ละติน]]: Beata Maria Virginis Omnis Gratiae Mediatricis}}; {{lang-en|The Blessed Virgin Mary The Mediatrix of all Graces Church}}) เป็น[[โบสถ์ (คริสต์ศาสนา)|โบสถ์]][[คริสต์ศาสนา]] ในนิกาย[[โรมันคาทอลิก]] ขนาดใหญ่ที่สุดในเขต[[อำเภอบางบัวทอง]] [[จังหวัดนนทบุรี]] ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 179 หมู่ 5 [[ตำบลโสนลอย]] บนที่ดินบริเวณหลัง[[ตลาดสด]][[เทศบาลเมืองบางบัวทอง]] ริม[[คลองขุนพระพิมลราชา]] ใกล้กับ[[ถนนกาญจนาภิเษก]] มีพิธีเสกวัดเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ [[20 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1927]] (พ.ศ. 2470) โดยมีการจัดสร้างอาคารวัดขึ้นใหม่อีก 2 ครั้ง ในรอบ 65 ปี ทั้งนี้ วัดพระแม่สกลสงเคราะห์หลังปัจจุบัน มีพิธีเสกเมื่อวันที่ [[16 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 1992]] (พ.ศ. 2535) ปัจจุบัน (ตั้งแต่ [[13 พฤษภาคม]] [[ค.ศ. 2009]]) มีคุณพ่อยอห์น บัปติสตา บุญเสริม เนื่องพลี ดำรงตำแหน่ง[[บาทหลวงอธิการโบสถ์]]เจ้าอาวาสวัด
 
== ประวัติ ==
''วัดพระแม่สกลสงเคราะห์ บางบัวทอง'' ถือกำเนิดขึ้น จากดำริของคุณพ่อบรัวซาร์ ที่เห็นว่ามี[[คริสตัง]] (คริสตศาสนิกชนในนิกายโรมันคาทอลิก) จำนวนหนึ่ง ย้ายถิ่นฐานจากย่าน[[สามเสน]] ใน[[จังหวัดพระนคร]] เข้ามาทำงานที่เมืองบางบัวทองแห่งนี้ ซึ่งสถานที่ประกอบศาสนพิธี ก็มีความจำเป็นกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ โดยในช่วงเวลานั้น พวกเขาได้รับ[[ศีลล้างบาป]]จากคุณพ่อแฟร์เลย์ ซึ่งเดินทางเข้ามาที่บางบัวทองอยู่บ้าง และต้องอาศัยการพายเรือไปร่วมศาสนพิธีสำคัญต่างๆต่าง ๆ ถึง[[วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์]] ที่สามเสน ที่มีระยะทางไกล และเดินทางยากลำบากอย่างมาก
 
เมื่อปี [[ค.ศ. 1924]] คุณพ่อบรัวซาร์จึงซื้อที่ดิน แปลงซึ่งเป็นวัดพระแม่สกลสงเคราะห์ในปัจจุบัน พร้อมกับ[[ห้องแถว]]หลังหนึ่ง ในตลาดสดเทศบาลเมืองบางบัวทอง เพื่อใช้เป็นสถานที่ชั่วคราว ในการประกอบศาสนพิธี รวมถึงเป็นสถานที่อบรมวิชาคำสอน ให้แก่เยาวชนคริสตัง จึงนับว่าคุณพ่อบรัวซาร์เป็นเจ้าอาวาสอธิการองค์แรก ของวัดโบสถ์บางบัวทอง พร้อมกันนั้น คุณพ่อบรัวซาร์ก็ดำเนินการเปิดโรงเรียน ให้ชื่อว่า ''แม่พระสกลสงเคราะห์'' ซึ่งอยู่ในความดูแลของภคินีพระหฤทัย โดยให้เด็กชายเรียนที่ห้องแถว และแยกนักเรียนหญิงมาเรียนในอาคารไม้ ที่สร้างขึ้นเป็นหลังแรกบนที่ดินดังกล่าว นับเป็นโรงเรียนเด็กหญิงแห่งแรกในเมืองบางบัวทอง ต่อมาภายหลัง จึงย้ายนักเรียนชายเข้ามาเรียนในที่ดินของวัดด้วยกัน และในปีต่อมา ([[ค.ศ. 1925]]) คุณพ่อบรัวซาร์ก็เตรียมการซื้อไม้สำหรับการสร้างวัดไว้พร้อมแล้ว แต่ในเดือน[[มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1926]] คุณพ่อก็ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาส อธิการโบสถ์ที่วัดโบสถ์บ้านปลายนา จึงยังไม่ทันจะดำเนินการจัดสร้างวัดบางบัวทอง
 
จากนั้น คุณพ่อตาปี เจ้าอาวาสวัดอธิการโบสถ์สามเสนในขณะนั้น จึงเข้าดำเนินการจัดสร้างอาคารไม้สองชั้น หันหน้าไปทาง[[ทิศตะวันออก]] พื้น[[ไม้สัก]]ยกสูง หล่อเสาปูนขึ้นเพื่อตอกเป็นตอม่อ มีระเบียงสามด้านโดยรอบอาคาร ชั้นล่างเป็นห้องเรียนส่วนขยาย เพิ่มเติมจากอาคารเรียนเดิม ส่วนชั้นบนเป็นวัด โดยมี[[บันได]]ทอดอยู่ทางขวาของอาคาร ส่วน[[หอระฆัง]]ตั้งขึ้นต่างหาก บริเวณซ้ายมือของอาคาร จนกระทั่งก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ประกอบพิธีเสกวัดโบสถ์หลังแรกนี้ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1927 โดยมี พระสังฆราชมุขนายก เรอเน แปร์รอสแปร์โร เป็นประธานสงฆ์บาทหลวง และมอบไว้ในความอุปถัมภ์ ของแม่พระสกลสงเคราะห์ ตามที่คุณพ่อบรัวซาร์ เจ้าอาวาสอธิการโบสถ์องค์แรก ตั้งความปรารถนาไว้ นอกจากนี้ คุณพ่อตาปี ยังดำเนินการเปลี่ยนชื่อวัดและโรงเรียนเป็น ''พระแม่สกลสงเคราะห์'' ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบัน, จัดสร้างบ้านพักพระสงฆ์บาทหลวง ตลอดจนซื้อที่นาในบริเวณใกล้เคียงไว้เป็นของวัดโบสถ์ โดยให้คริสตังชาวจีนเช่าทำสวน ส่งผลให้สัตบุรุษ (คริสตัง) ของวัดโบสถ์บางบัวทอง รวมถึงจำนวนนักเรียน ก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาต่อมา
 
แต่ทว่า ในกลางดึกคืนหนึ่ง ของเดือน[[มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1931]] วัดโบสถ์บางบัวทองหลังแรกนี้ ก็เกิดเหตุ[[เพลิงไหม้]]จนเสียหายไปทั้งหมด คุณพ่อตาปีจึงกล่าวเปรียบเปรยถึงเหตุการณ์นี้ ตามพระวาจาของพระเจ้าว่า ''ผู้หว่านข้าวรดนาด้วยน้ำตา'' พร้อมทั้งจัดสร้างวัดโบสถ์หลังที่สองขึ้น ในปีต่อมา ([[ค.ศ. 1932]]) จนเสร็จสมบูรณ์ และประกอบพิธีเสกวัดโบสถ์หลังนี้ ในเดือน[[มกราคม]] [[ค.ศ. 1933]] โดยคุณพ่อตาปี ยังมอบหมายให้ คุณพ่อหลุยส์ สง่า สังขรัตน์ ปลัดประจำวัดรองอธิการโบสถ์สามเสน มาดูแลวัดแทนในบางโอกาส จนถึงปี [[ค.ศ. 1940]] คุณพ่อตาปีจึงมอบหมายให้คุณพ่อหลุยส์ เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอธิการโบสถ์บางบัวทองเป็นการถาวร หลังจากที่คุณพ่อตาปี ดำรงตำแหน่งอยู่ถึง 14 ปี ดังนั้น วัดโบสถ์พระแม่สกลสงเคราะห์ จึงปกครองตนเองอย่างเป็นอิสระ มิได้ขึ้นตรงกับวัดโบสถ์สามเสนนับแต่นั้น โดยคุณพ่อหลุยส์ ดำเนินการจัดสร้างบ้านพักพระสงฆ์บาทหลวงหลังใหม่ เป็นอาคารไม้สองชั้น บริเวณด้านหน้าวัดโบสถ์
 
[[ไฟล์:PM_Logo.png|130px|thumb|ตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนฯ ในปัจจุบัน]]
 
ในปี [[ค.ศ. 1950]] คุณพ่อยอห์น บัปติสตา กิมฮั้ง แซ่เล้า ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์องค์ต่อมา โดยดำเนินการจัดสร้างอาคารเรียนสองชั้น ปรับปรุงบริเวณที่ดินของวัดโบสถ์ เพื่อปลูก[[ต้นไม้]]ต่างๆ อาทิ [[มะม่วง]] และ[[มะพร้าว]] เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ คุณพ่อยอห์น บัปติสตา ยังส่งเสริมให้ลูกๆ ในวัด มีโอกาสฝึกขับร้องเพลงเกรกอเรียน อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ระหว่างบทเทศน์ใน[[พิธีมิสซา]] โดยมีทั้งบทร้อง[[ภาษาไทย]] และ[[ภาษาจีน]] คุณพ่อยอห์น บัปติสตา เป็นเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์อยู่ถึง 18 ปี จนกระทั่งปี [[ค.ศ. 1965]] ก็ต้องย้ายไปประจำที่วัดโบสถ์อื่น โดยมีคุณพ่อกาเบรียล โรเชอโร เข้ารับตำแหน่งสืบแทน ขณะนั้น อาคารเรียนในโรงเรียนของวัดโบสถ์ มีเพียงอาคารไม้สองชั้นเพียงหลังเดียว มีห้องเรียนที่ใช้การได้เพียง 8 ห้องเท่านั้น คุณพ่อโรเชอโรจึงระดมทุนสนับสนุน เพื่อดำเนินการต่อเติมอาคารไม้เดิม ให้แล้วเสร็จอีก 2 ห้องเรียน พร้อมทั้งจัดสร้างอาคารชั้นเดียว แนวขนานกับวัดโบสถ์ทาง[[ทิศเหนือ]] อีก 5 ห้องเรียน รวมถึงมีคำขอเข้าอยู่ภายใต้การดูแลของภคินีคณะเซนต์ปอลเดอชาตร์ด้วยล เดอ ชาตร์ด้วย เป็นผลให้มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นทุกปี
 
คุณพ่อโรเชอโรยังขอเจรจา ให้ผู้เช่าที่ดินของวัดหลายราย ย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อจัดสร้างถนน[[คอนกรีต]]มาตรฐาน ขนาด 8 เมตร จากตลาดสดเทศบาลเมืองบางบัวทอง เข้ามาถึงบริเวณวัดโบสถ์ ซึ่งนำความเจริญเข้ามาสู่วัดเป็นอันมาก แต่ทว่าเหลืองบที่เพียงพอสำหรับการสร้างเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ซ้ำร้ายคุณพ่อโรเชอโรยังประสบอุบัติเหตุ ตกจากหน้าต่างห้องนอนลงมาที่ชั้นล่าง จนถึงแก่มรณภาพมรณกรรม ที่[[โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์]] เมื่อปี [[ค.ศ. 1971]] คุณพ่อมิกาแอล อดุลย์ คูรัตน์ จึงเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอธิการโบสถ์บางบัวทองต่อมา ท่านมีดำริในการส่งเสริม ให้เด็กและเยาวชนคริสตังของวัดโบสถ์ เข้าร่วมกิจกรรมปรับปรุงบริเวณวัดโบสถ์และโรงเรียน ให้สะอาดและสวยงามยิ่งขึ้น รวมถึงดำเนินการจัดสร้างกำแพงคอนกรีตหน้าวัดโบสถ์ เพื่อทดแทนรั้วไม้ของเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ตลอดจนความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และตรงไปตรงมา ของคุณพ่อมิกาแอล ซึ่งเป็นที่ยกย่องนับถืออย่างยิ่ง ของสัตบุรุษชาววัดบางบัวทอง นอกจากนี้ ยังฝึกหัดให้เด็กๆ ขับร้องเพลงให้ไพเราะด้วย
 
ต่อมา คุณพ่อยอแซฟ วิจิตร ลิขิตธรรม ก็เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์ ต่อจากคุณพ่อมิกาแอล เมื่อปี [[ค.ศ. 1973]] โดยคุณพ่อยอแซฟ เป็นผู้นำให้วัดมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมภายนอก เช่นสัตบุรุษต่างวัด หรือพี่น้องต่างศาสนา ที่กว้างไกลยิ่งขึ้น รวมถึงสนับสนุนการสร้างแผ่นคอนกรีต สำหรับปูถนนผ่านบ้านพักคริสตัง และสวนผักต่างๆ รอบบริเวณวัดโบสถ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมพิธีมิสซา แก่เหล่าสัตบุรุษวัดบางบัวทองทั้งหลาย ต่อมาในวันที่ [[10 พฤษภาคม]] [[ค.ศ. 1981]] มีพิธีวางศิลาฤกษ์ ''ศาลาแม่พระ'' ซึ่งคุณพ่อปอล ถาวร กิจสกุล เจ้าอาวาสองค์ที่ 11 มีดำริให้จัดสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่สวดศพ ตลอดจนเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ ของวัดโบสถ์และโรงเรียน ซึ่งแล้วเสร็จในสมัยของ คุณพ่อยอแซฟ บรรจบ โสภณ เป็นเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์ เมื่อวันที่ [[8 กันยายน]] ปีเดียวกัน ท่านเป็นผู้วางกำหนดเขตธรณีสงฆ์โบสถ์ให้ชัดเจน และเตรียมการสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ จากนั้น เมื่อคุณพ่อยอห์น ไพริน เกิดสมุทร เป็นเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์ ราวปี [[ค.ศ. 1986]] ท่านมีดำริให้ฟื้นพิธีแห่แม่พระ ในทุก[[วันเสาร์]]ต้นเดือนขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งดำเนินการปรับปรุงบริเวณวัดโบสถ์ให้สวยงามมากขึ้น
 
ยุคพัฒนาวัดโบสถ์และโรงเรียนอย่างเต็มรูปแบบ เกิดขึ้นในสมัยที่ คุณพ่อเปโตร สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์ เมื่อปี [[ค.ศ. 1987]] โดยท่านมีโครงการจัดสร้างอาคารเรียนประถมศึกษา-มัธยมศึกษา 1 หลัง และอาคารเรียนระดับอนุบาลอีก 1 หลัง โรงอาหาร พัฒนาวัดโบสถ์ สุสาน ศาลาสวดศพ ตลอดจนจัดสร้างโรงเลี้ยงขึ้นที่ข้างศาลาสวดศพอีกด้วย ซึ่งเริ่มจากถมที่ดิน ขุดบ่อน้ำ จัดร่องสวน ในบริเวณโดยรอบวัดโบสถ์และโรงเรียน แล้วจึงเริ่มดำเนินการจัดสร้าง อาคารเรียนคอนกรีตเสริมเหล็กหลังแรกของโรงเรียน สูง 5 ชั้น สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น เมื่อเดือน[[สิงหาคม]] [[ค.ศ. 1989]] จนกระทั่งแล้วเสร็จ เปิดใช้อย่างไม่เป็นทางการ ในปีการศึกษา 2533 ([[ค.ศ. 1990]]) จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการจัดสร้างสุสานขึ้นใหม่ ในราวปลายปีเดียวกัน พร้อมกันนั้น ได้ดำเนินการสร้างเขื่อนริมคลองขุนพระพิมลราชา ตั้งแต่บริเวณหน้าวัด ไปจรดกับที่ดิน ซึ่งมาสเตอร์สะอาด ธรรมภิรักษ์เช่าไว้ จนเสร็จสิ้นในยุคนี้เช่นกัน
 
ช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ บรรดาผู้เช่าที่ดินบริเวณหลังวัดโบสถ์เพื่อทำสวน ต่างก็คืนสิทธิการเช่ากลับคืนแก่ทางวัดโบสถ์ เพื่อดำเนินการถมที่ดิน ปรับปรุงเป็นหมู่บ้านคริสตัง โดยราวกลางเดือนมกราคม ค.ศ. 1990 มีการประชุมกับผู้เช่าเหล่านั้น ซึ่งส่วนมากเป็นลูกวัดลูกโบสถ์ ที่จำเป็นต้องย้ายออกจากที่เช่าเดิม ไปยังที่ดินซึ่งจัดเตรียมไว้ จากนั้น ราวต้นเดือนมีนาคม ปีเดียวกัน จึงเริ่มการรื้อถอนเพื่อนำไปปลูกบนที่ดินซึ่งได้รับการจัดสรร ต่อมา เมื่อเดือนเมษายน ก็เริ่มดำเนินการย้ายสุสานเดิม ซึ่งอยู่บริเวณหลังวัดโบสถ์ ไปยังสุสานแห่งใหม่ บริเวณติดกับหมู่บ้านคริสตัง โดยบริเวณเดิมปรับปรุงเป็นสนามบาสเกตบอล ถัดจากนั้น จึงเริ่มจัดสร้างอาคารเรียนคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 4 ชั้น เป็นรูปเกือกม้า บริเวณถัดจากอาคารโรงอาหาร สำหรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล
 
สืบเนื่องจากพิธีฉลองวัดโบสถ์พระแม่สกลสงเคราะห์ ในโอกาสครบรอบ 50 ปี เมื่อเดือน[[พฤษภาคม]] ค.ศ. 1990 ซึ่งพระอัครสังฆราชอาร์ชบิชอป เรนาโต มาร์ติโนมาร์ตีโน ผู้แทนถาวรแห่ง[[รัฐวาติกันสันตะสำนัก]]ประจำ[[สหประชาชาติ]]ในขณะนั้น เดินทางมาร่วมงาน พร้อมทั้งแสดงความปรารถนากับ พระคาร์ดินัล [[ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู|พระคาร์ดินัล ไมเกิล มีชัย กิจบุญชู]] ว่าสมควรดำเนินการจัดสร้างวัดโบสถ์หลังใหม่ ให้แก่คริสตังชาวบางบัวทอง ดังนั้น เมื่อมีพิธีวางศิลาฤกษ์วัดโบสถ์หลังใหม่ เมื่อวันที่ [[14 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1991]] พระอัครสังฆราชอาร์ชบิชอป เรนาโต มาร์ติโนมาร์ตีโน จึงให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานสงฆ์บาทหลวง เพื่อร่วมขอบพระคุณพระเป็นเจ้า ในวโรกาสดังกล่าว พร้อมกันนี้ ท่านให้เกียรติประกอบพิธีเปิดอาคารเรียน ระดับชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา อย่างเป็นทางการด้วย ทั้งนี้ ในปีนั้นเอง คุณพ่อเปโตร ก็หมดวาระในตำแหน่งที่วัดโบสถ์บางบัวทองลง และมี คุณพ่อยอแซฟ ทวีศักดิ์ กิจเจริญ ซึ่งเพิ่งจบการศึกษาจากประเทศอิตาลี เข้ารับเป็นเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์สืบมา และเริ่มการพัฒนาวัดและโรงเรียน ต่อเนื่องจากที่คุณพ่อเปโตรดำเนินการไว้ทันที รวมถึงบ้านพักพระสงฆ์บาทหลวง และภคินี จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วน ในราวกลางปี ค.ศ. 1992 พร้อมทั้งได้มีพิธีเสกวัดหลังปัจจุบัน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ปีเดียวกัน
 
== รายนามบาทหลวงเจ้าอาวาสอธิการโบสถ์ ==
# คุณพ่อบรัวซาร์ ([[ค.ศ. 1924]]-[[ค.ศ. 1926]])
# คุณพ่อตาปี (ค.ศ. 1926-[[ค.ศ. 1940]])