ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัฐบัญญัติมอบอำนาจ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
CocuBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.6.1) (โรบอต เพิ่ม: da:Bemyndigelsesloven
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 6:
 
== เบื้องหลัง ==
หลังจากการประกาศใช้[[กฤษฎีกาว่าด้วยเพลิงไหม้รัฐสภาไรช์สทัก]] ฮิตเลอร์ได้ใช้ข้ออ้างดังกล่าวในการจับกุมผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี นับเป็นการกำจัดบทบาททางการเมืองออกไปอย่างสิ้นเชิง
 
หลังจากการประกาศใช้[[กฤษฎีกาว่าด้วยเพลิงไหม้รัฐสภาไรช์สทัก]] ฮิตเลอร์ได้ใช้ข้ออ้างดังกล่าวในการจับกุมผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี นับเป็นการกำจัดบทบาททางการเมืองออกไปอย่างสิ้นเชิง
 
ถึงแม้ว่าพรรคนาซีจะได้รับคะแนนเสียงกว่าห้าล้านคะแนนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา แต่พรรคนาซีก็ไม่อาจเป็นพรรคที่ครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้ โดยอีกห้าสิบสองที่นั่งเป็นของพรรคประชาชนแห่งชาติเยอรมัน ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ฮิตเลอร์ได้เรียกประชุมกับคณะรัฐมนตรีของเขาในวันที่ [[15 มีนาคม]] เพื่อร่างบัญญัติการให้อำนาจ ซึ่งพรรคนาซีจะอาศัยอำนาจดังกล่าวเพื่อจะได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองอย่างสมบูรณ์โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภา และไม่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกต่อไป
เส้น 15 ⟶ 14:
รัฐบัญญัติดังกล่าวเป็นการมอบอำนาจให้ผ่านกฎหมายได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา เพราะรัฐบัญญัติดังกล่าวถือว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการประกาศใช้รัฐบัญญัติดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่สองในสาม และได้รับคะแนนเสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกสองในสามเช่นกัน
 
การลงจะลงคะแนนเสียงเห็นชอบกับรัฐบัญญัติมอบอำนาจ คาดว่า พรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนีและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนีจะลงคะแนนเสียงคัดค้าน เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งสองพรรคถูกจับกุมเป็นบางส่วน จากผลของกฤษฎีกาว่าด้วยเพลิงไหม้รัฐสภาไรช์สทัก พรรคนาซีคาดว่า ชนชั้นกลาง เศรษฐีเจ้าของที่ดินและผู้ได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจจะลงคะแนนเสียงสนับสนุนรัฐบัญญัติดังกล่าว เพราะกลุ่มบุคคลเหล่านี้น่าจะเบื่อหน่ายต่อความไม่มีเสถียรภาพของสาธารณรัฐไวมาร์ และไม่กล้าที่จะขัดขวางพวกเขา
 
ด้านฮิตเลอร์เชื่อว่า ด้วยการออกเสียงสนับสนุนจากพรรคกลางจะทำให้เขาได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่มากกว่าสองในสาม ดังนั้นฮิตเลอร์จึงเจรจากับหัวหน้าพรรคกลาง ลุดวิก คาส ซึ่งการเจรจายุติลงในวันที่ 22 มีนาคม โดยคาสตกลงที่จะลงคะแนนเสียงให้กับรัฐบัญญัติมอบอำนาจนี้ โดยแลกกับการปกป้องพลเมืองชาวคาทอลิก เสรีภาพในการศาสนา โรงเรียนสอนศาสนา และลูกจ้างซึ่งได้รับการว่าจ้างจากพรรคกลาง