ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มังฆ้องนรธา"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
'''มังฆ้องนรธา''' ({{lang-en|Minkhaung Nawrahta}}; {{lang-my|မင်းခေါင် နော်ရထာ}}; ประมาณ ค.ศ. 1714 - 5 ธันวาคม ค.ศ. 1760<ref name=app-184>{{cite book | last=Phayre | first=Lt. Gen. Sir Arthur P. | title=History of Burma | year=1883 | edition=1967 | publisher=Susil Gupta | location=London | pages=184-185}}</ref>) เป็นแม่ทัพแห่งกองทัพพม่าแห่ง[[ราชวงศ์คองบอง]]สมัย[[พระเจ้าอลองพญา]] เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้คุมทหารกองหลังระหว่าง[[สงครามพระเจ้าอลองพญา]] ในราชอาณาจักรอยุธยา ขณะที่กองทัพพม่าเร่งรุดเดินทางเพื่อนำพระเจ้าอลองพญากลับประเทศ แม่ทัพคนดังกล่าว ซึ่งได้รับความเคารพนับถือจากทหารใต้บังคับบัญชา ได้ก่อกบฏต่อ[[พระเจ้ามังลอก]] พระมหากษัตริย์พระองค์ถัดจากพระเจ้าอลองพญา เชื่อกันว่าถูกประหารชีวิตโดยพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ผู้ซึ่งมีประวัติปฏิปักษ์ต่อกันมานาน แม่ทัพ
== ชีวิตช่วงต้น ==
บรรทัด 11:
พระเจ้าอลองพญาทรงเจาะจงเลือกพระสหายในวัยเยาว์คนนี้เป็นผู้บัญชาการทหารกองหลัง ซึ่งเป็น "สุดยอดของกองทัพ ประกอบด้วยทหารม้า 500 นาย และทหารเดินเท้า 6,000 นาย ทั้งหมดมีปืนคาบศิลา"<ref name=geh-242/> เขาสั่งให้ทหารเหล่านี้กระจายตัวออกไป และอีกสองวันต่อมา เมื่อกรุงศรีอยุธยาทราบว่าทัพหลวงพม่าได้ยกกลับไปแล้ว จึงได้ส่งกองทัพออกไล่ติดตาม ทหารของเขาเฝ้ามองวงล้อมที่ค่อย ๆ บีบเข้ามา โดยกลัวว่าจะถูกตัดออกจากส่วนที่เหลือของกองทัพ จึงร้องขอให้ถอยหลังไปมากกว่านี้ แต่เขากล่าวว่า "สหาย ความปลอดภัยของพระเจ้าอยู่หัวของเราอยู่ในการรักษาของพวกเรา ขอพวกเราอย่าถอยไปมากกว่านี้ด้วยเสียงของปืนจะรบกวนการบรรทมของพระองค์ท่าน" และด้วยความเป็นผู้นำนี้เอง ทำให้กองทัพพม่าสามารถล่าถอยได้อย่างเป็นระเบียบ และสามารถรวบรวมผู้ที่พลัดหลงไปได้ตลอดทาง<ref name=geh-242/>
== ก่อ
พระเจ้าอลองพญาเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1760 และพระราชโอรส [[พระเจ้ามังลอก]] ก็ทรงได้สืบราชบัลลังก์ต่อ พระราชโอรสองค์ที่สองของพระเจ้าอลองพญา [[พระเจ้ามังระ|เจ้าชายมังระ]] ได้ทรงพยายามที่จะแย่งชิงราชบัลลังก์จากพระเชษฐาแต่ไม่สำเร็จ พระเจ้ามังลอกทรงให้อภัยต่อพระอนุชาด้วยการร้องขอจากพระราชมารดา แต่พระองค์ก็ทรงเกรงว่ากบฏอื่น ๆ จะตามมาอีก พระองค์ทรงเรียกแม่ทัพสองคนที่พระองค์ไม่ทรงชอบออกมาพบ และขณะที่แม่ทัพทั้งสองไม่ได้สงสัยอะไรนั้น พระองค์ได้ทรงประหารชีวิตทั้งสองโดยไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสองเห็นพระองค์เลย ทำให้ทางกองทัพโกรธจัด<ref name=geh-244>Harvey, p. 244</ref>
มังฆ้องนรธาเองก็รู้สึกกังวลใจเช่นกัน เนื่องจากความเป็นปฏิปักษ์เก่า ๆ ระหว่างเขากับพระเจ้ามังลอก เขาจึงชะลอการเคลื่อนทัพของทัพหลังกลับไปยังชเวโบอย่างรอบคอบ จากนั้นพระเจ้ามังลอกได้มีพระบรมราชโองการจับกุมตัวเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมคบคิดของเจ้าชายมังระ แต่มังฆ้องนรธาก็รู้สึกมั่นใจว่าเขาจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งแม่ทัพ และอาจจะถูกประหารชีวิตด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เขาจึงก่อ
กองทัพของเขายึดครองอังวะเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1760<ref name=app-184/> ทหารของเขาสามารถขับไล่การโจมตีของทัพพระเจ้ามังลอกได้ทุกครั้ง จนกระทั่งเดือนธันวาคม เมืองเริ่มเกิดกันดารอาหาร โดยเห็นว่าการยอมจำนนนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม่ทัพ
มังฆ้องนรธายังได้รับความเคารพนับถือแม้กระทั่งจากศัตรู พระเจ้ามังลอก เมื่อศพของเขาถูกนำมาเบื้องหน้าพระองค์ พระเจ้ามังลอกก็ทรงโศกเศร้า และกล่าวว่า "ควรแล้วหรือที่พวกเจ้าจะสังหารชายผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้"<ref name=geh-246/>
|