ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟอรามินิเฟอรา"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
{{ตรวจลิขสิทธิ์}}
Oeder Foraminifera
'''สัณฐานวิทยา (morphology)'''
ในส่วนที่เป็นเนื้อ เรียก Cytoplasm ส่วนที่อยู่ด้านนอกเรียก Ectoplasm ส่วนที่อยู่ด้านในเรียก Endoplasm ซึ่งภายในจะมี nuclei อยู่
'''Ectoplasm :''' ทำหน้าที่สร้างส่วนที่แข็ง ปกคลุมส่วนที่ถูกสร้าง ของแข็งส่วนที่สร้างขึ้นมาเรียกว่า Test ซึ่งประกอบด้วย SiO2, Chitin, CaCo3, FeS2
'''Cytoplasm :''' ใน Foraminifera บางทียื่นออกมานอก Test เรียกส่วนนี้ว่า Pseudopodia ซึ่งช่วยในการเคลื่อนไหวและกินอาหาร
ขนาด : มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ < 1 มม. ถึง 190 มม.
ส่วนประกอบ : ส่วนประกอบที่แข็งแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ
# เกิดจากการสร้างที่มีสารอื่นทาปะปนกัน เช่น agglutinated test chamber แรกสุดเรียก proloculus , ที่ปลายสุดเป็นรูเปิดเรียกว่า aperture ภายในมี septa กั้นเป็นช่องเรียกว่า chamber, รอยต่อของ septa กับ inner wall เรียกว่า suture รูปร่างของ aperture มีหลายแบบ เช่น กลม รี มน, ส่วนที่เป็นฝาปิด aperture เรียกว่า lip ผิวของเปลือกถ้าเรียบ เรียกว่า imperforate, ผิวของเปลือกถ้ามีรูพรุน เรียกว่า perforate
▲'''รูปร่างของเปลือก (form of test)'''<br />
<gallery>
ไฟล์:Bigenerina_nodosariaUSF_small.jpg|'''Agglutinated'''
เส้น 30 ⟶ 29:
<ref>http://oceanworld.tamu.edu/students/forams/forams_test_construction.htm</ref>
</gallery>
'''นิเวศวิทยา (Ecology)'''
ฟอรามินิเฟอราส่วนมากอาศัยในสภาพแวดล้อมตามก้นทะเล (Bentonic environment) แต่มีฟอรามินิเฟอราบางพวกที่อาศัยอย่างอิสระเหนือท้องทะเล หรือตามผิวตะกอนในขณะที่บางพวกจะใช้ pseudopodia หรือ calcareous secretion เกาะติดกับหิน เปลือกหอยและสาหร่ายทะเล ฟอรามินิเฟอราส่วนมากอาศัยอยู่ในน้ำทะเลที่มีความเค็ม แต่จะพบฟอรามินิเฟอราที่อาศัยอยู่ในน้ำกร่อยตามชายฝั่งทะเล พวกที่มีเปลือกแบบ porcellaneous จะเป็นพวกที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบ hyperhaline เช่น lagoons ที่มีค่าความเค็มมากกว่า 35 ppm ส่วนพวกที่มีเปลือกเป็นแบบ agglutinates และ hyalines จะชอบน้ำที่มีความเค็มน้อย เช่น น้ำกร่อยตาม lagoons และ estuaries นอกจากนี้แล้วยังสามารถพบในสภาพแวดล้อมอื่นๆ ได้อีก
ฟอรามินิเฟอรายังสามารถใช้เป็นตัวบอกความลึกของน้ำได้อีกด้วย เนื่องจากชนิดของมันขึ้นกับอุณหภูมิ ปริมาณออกซิเจน แสงสว่าง และอื่นๆ โดยทั่วไปพวกที่มีเปลือกแบบ porcellaneous จะอาศัยบริเวณน้ำตื่น ในขณะที่พวกอื่นๆ จะอาศัยในบริเวณที่น้ำลึกกว่า พวกที่มีเปลือกแบบ agglutinated จะอาศัยบริเวณที่มีน้ำลึกระหว่าง 4,000 - 5,000 เมตร
การกระจายตัวทางธรณีวิทยา (Geological distribution)
เชื่อกันว่าฟอรามินิเฟอรามีมาตั้งแต่สมัยแคมเบรียนแต่ไม่พบซากดึกดำบรรพ์นักธรณีวิทยาเริ่มพบซากดึกดำบรรพ์ในหินปูนยุคออร์โดวิเชียน ไซลูเรียน และดีโวเนียน ในยุคเพอร์เมียนและคาร์บอนิเฟอรัสพบมากและมีรูปร่างต่างกันค่อนข้างมาก ยุคไทรแอสซิกพบมากเช่นกัน แต่ยังไม่มากเท่าเพอร์เมียนและคาร์บอนิเฟอรัส ส่วนยุคจูแรสซิกพบมาก และไปมากที่สุดในยุคครีเทเชียส ซึ่งฟอรามินิเฟอราในยุคนี้ถือว่าเป็นต้นตระกูลของฟอรามินิเฟอราในยุคปัจจุบัน
ฟอรามินิเฟอราเป็นซากดึกดำบรรพ์ดัชนีที่ใช้ในการศึกษาเปรียบเทียบชั้นหิน ใช้ในการหาแหล่งน้ำมัน จากหลักฐานเชื่อกันว่าฟอรามินิเฟอราเป็นสัตว์ที่มีชีวิตโดยการล่องลอยไปตามผิวน้ำ เมื่อตายไปก็จะตกทับถมเป็นตะกอนที่เรียกว่า foraminifera ooze ซึ่งเชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของน้ำมัน
ถ้าพบซากดึกดำบรรพ์ฟอรามินิเฟอราที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ 5 – 20 มม. แสดงว่าฟอรามินิเฟอราพวกนี้เกิดในทะเลเขตอบอุ่นและเปลือกเป็นแบบ calcareous test ส่วนฟอรามินิเฟอราที่เป็น arenaceous test จะเป็นพวกที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำเย็น
== อ้างอิง ==
|