ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 25:
}}
 
'''หม่อม เจ้าศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา (นามเดิม เจ้าศรีพรหมา ณ น่าน) ''' เกิดเมื่อวันที่ [[19 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2431]] พระธิดาใน[[พระเจ้าสุริยะพงศ์ผริตเดช]] เจ้าประเทศราชผู้ครองนคร[[น่าน]] กับหม่อมศรีคำ (ชาว[[เวียงจันทน์]]) เป็นพระชายาใน[[หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร]] ทั้งสองท่านได้ออกหนังสือ “กสิกร” มีนักวิชาการ /ผู้รู้ เสนอบทความต่างๆ เกี่ยวกับการเกษตรมากมาย ยังมีคอลัมน์เกี่ยวกับการทำอาหาร และการถนอมอาหาร โดยหม่อม เจ้าศรีพรหมา เช่น การคั้นน้ำผลไม้ การหมักดอง การทำ[[แฮม]] และ[[เบคอน]] เป็นต้น
 
== ประวัติ ==
เจ้าศรีพรหมาเกิดเมื่อวันที่ [[19 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2431]] มีพระนามเดิมว่า ''เจ้าศรี'' เป็นพระธิดาใน[[พระเจ้าสุริยะพงศ์ผริตเดช]] เจ้าประเทศราชผู้ครองนคร[[น่าน]] กับหม่อมศรีคำ (ชาว[[เวียงจันทน์]]) มีเชษฐาและภคินีร่วมพระมารดา 5 องค์ เป็นโอรส 3 องค์ (สิ้นชนม์ชีพหมด) ธิดา 2 องค์ คือ เจ้าบัวแก้ว ณ น่าน และเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน (ซึ่งเป็นองค์สุดท้อง)
 
[[พระยามหิบาลบริรักษ์]] (สวัสดิ์ ภูมิรักษ์) และคุณหญิงอุ๊น ภริยา ได้ทูลขอเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน เป็นบุตรบุญธรรมเมื่อชันษาได้ 3 ปีเศษ ตามพระบิดาและมารดาบุญธรรมไปกรุงเทพ เข้าศึกษาที่[[โรงเรียนสุนันทาลัย]] เป็นเวลา 5 เดือน และ[[โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง]] (โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย) 8 เดือน
 
ปี [[พ.ศ. 2442]] พระยามหิบาลฯ และภริยา ต้องเดินทางไปรับราชการที่[[ประเทศรัสเซีย]] จึงต้องถวายตัวเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน ไว้ในพระอุปการะ[[สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ]] ใน[[รัชกาลที่ 5]] เจ้าศรีพรหมา ณ น่าน จึงใช้ชีวิตและเรียนหนังสืออยู่ในวังกับเจ้านายในพระบรมราชวงศ์ เป็นเวลา 3 ปี ต่อจากนั้นจึงตามพระยามหิบาลฯ และครอบครัวไปอยู่ที่ประเทศรัสเซีย และ[[ประเทศอังกฤษ]] ตามลำดับ หลังจากกลับจากต่างประเทศ ก็กลับเข้ารับราชการ ในพระราชสำนักของสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ในหน้าที่[[นางสนองพระโอษฐ์]] ในบางครั้งยังทำหน้าที่เป็น[[ล่าม]]ติดต่อกับชาวต่างประเทศ
 
มีเรื่องเล่าว่า "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน ทรงพึงพอพระราชหฤทัย ถึงกับทรงออกพระโอษฐ์ ตรัสขอเจ้าศรีพรหมาด้วยพระองค์เอง ให้รับราชการในตำแหน่ง[[เจ้าจอม]] เจ้าศรีพรหมาได้กราบบังคมทูลพระกรุณาปฏิเสธเป็น[[ภาษาอังกฤษ]]ว่า ท่านเคารพพระองค์ท่าน ในฐานะพระเจ้าอยู่หัว แต่มิได้รักใคร่พระองค์ในทางชู้สาว"<ref>[http://www.romanticgals.com/modules.php?name=News&file=print&sid=18 เจ้าศรีพรหมา]</ref> ในกราบบังคมทูลปฏิเสธ โดยเลี่ยงไม่ใช้[[ภาษาไทย]] แต่กลับใช้ภาษาอังกฤษ" เป็นการง่ายต่อการกราบบังคมทูลปฏิเสธ และไม่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัชกาลที่ 5 ก็ทรงเมตตาให้เป็นไปตามอัธยาศัย เรื่องความกล้าของเจ้าศรีพรหมาครั้งนี้ และพระมหากรุณาของรัชกาลที่ 5 ที่มีต่อเจ้าศรีพรหมาเสมอมา มิทรงได้ถือโทษ ยังพระราชทานเมตตาต่อเจ้าศรีพรหมาเสมอมาตราบจนเสด็จสวรรคต