ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การสังหารหมู่พอร์ตอาร์เทอร์ (ออสเตรเลีย)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
การสังหารหมู่ที่พอร์ตอาเทอร์(ออสเตรเลีย) ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น [[การสังหารหมู่ที่พอร์ตอาเท�
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
'''การสังหารหมู่ที่พอร์ตอาเทอร์''' เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญอันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ๓๕35 ราย และบาดเจ็บ ๓๗37 ราย เกิดขึ้นในวันที่ ๒๘[[28 เมษายน]] [[พ.ศ. ๒๕๓๙2539]] โดยนาย มาร์ติน บาแยนท์ ชายวัย ๒๘28 ปีจากเมืองนิวทาว์น โดยบริเวณเกิดเหตุส่วนใหญ่คือสวนประวัติศาสตร์[[พอร์ตอาเทอร์]] เขาถูกพิภาคษาพิพากษาว่าเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตถึง ๓๕35 ชีวิต<ref>{{Cite news |url=http://www.cnn.com/WORLD/9611/07/australia/ |title=Australian gunman laughs as he admits killing 35 |publisher=CNN News |date=1996-11-07}}</ref> และถูกจองจำตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาศได้รับการอภัยโทษ ปัจจุบัน ผู้ต้องหารายนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ ศูนญ์จองจำวิลเฟรด (Wilfred Lopes Centre) ใกล้กับเรือนจำริสดอน (Risdon Prison)<ref>[http://www.dhhs.tas.gov.au/agency/pro/correctionalhealth/wilfredlopes/ DHHS, Tasmania - The Agency - The Wilfred Lopes Centre - Homepage<!-- Bot generated title -->]</ref> เหตุการณ์ในครั้งนี้นับเป็นเหตุสะเทือนขวัญที่สุดในออสเตรเลีย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนขวัญของโลกในขณะนี้ด้วย
 
== ที่มา ==
 
นายมาร์ติน บาแยนท์ ได้รับมรดกก้อนใหญ่มาจากครอบครัวของเพื่อนเขา เฮเลน ฮาร์วี ที่ทิ้งสมบัติเอาไว้ให้เขา เขาใช้เงินเหล่านี้ในการท่องเที่ยวไปทั่วโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 เป็นที่ทราบว่าเขาเคยไปทั้ง [[สิงค์โปร์]], [[กรุงเทพ]], [[ลอนดอน]], สวีดเดน[[สวีเดน]], [[ลอส แอนเจลิสต์ลิส]], แฟรงเฟริท[[แฟรงก์เฟิร์ต]], [[โคเปนเฮเกน]], ซิดนีย[[ซิดนีย์]], [[โตเกียว]], [[โปแลนด์]] และ โอ๊คแลนด์[[โอคแลนด์]] บางที่ เขาเคยไปมากกว่าหนึ่งครั้งโดน โดยเฉพาะ[[สหราชอาณาจักร]] เขายังท่องเที่ยวๆท่องเที่ยวไปในรัฐต่างๆต่าง ๆ ของออสเตรเลียด้วย ในหลายครั้งเขาเปลี่ยนใจเปลี่ยนเที่ยวบินในนาทีสุดท้ายไปในที่ๆที่ ๆ ไม่รู้จัก และเป็นที่แน่นอนว่าผู้จัดการมรดกของเขาบังคับให้เขาเข้มงวดต่อการใช้เงิน และเขาก็หยุดท่องเที่ยวแบบถี่ๆถี่ ๆ
 
บาแยนท์ยังถอดถอนเงินออกมาหลายพันเหรียญออสเตรเลียในช่วงนี้ และเขายังใช้เงินบางส่วนซื้อปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ [[เออาร์-10]] ผ่านโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของ[[รัฐแทสเมเนีย|แทสมาเนีย]]ในปลายปี ๒๕๓๖พ.ศ. 2536 ในเดือนมีนาคม ๒๕๓๙พ.ศ. 2539 เขานำปืนเออาร์-๑๐10 นั้นไปซ่อม และต้องการปืน[[เออาร์-๑๕15]] กระบอกใหม่ และเขาก็ซื้อมันจาก เทอรรี ฮิล เจ้าของร้านขายปืนในพื้นที่ เขายังซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดปืน .๓๐30 และปืนลูกซองเกจ๑๒ 12 ในเดือนเมษายน ๒๕๓๕พ.ศ. 2535 อีกด้วย เขาซื้อถุงกีฬา โดยเขาบอกพนักงานขายว่า เขาต้องการถุงกีฬาที่สามารถรับน้ำหนักของกระสุนจำนวนมากได้ และเขาก็วัดมันด้วยตลับเมตร เขาโกหกแฟนสาวและคนสวนของเขา พีตรา วิลมอท เกี่ยวกับจุดประสงค์ของถุงกีฬา และหล่อนก็ไม่เคยพบอาวุธปืนในบ้านของเขาเลย
 
พ่อของบาแยนท์เคยพยายามจะซื้อบ้านที่ซีเสคป (Seascape)สเคป แต่เดวิท และ โนว์ลีน มาร์ติน ตัดหน้าซื้อไปก่อนที่พ่อเขาจะมีเงินพอ ซึ่งทำให่พ่อของเขาผิดหวังมาก ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเรื่องนี้จะทำให้พ่อของเขารู้สึกกดดันจนฆ่าตัวตายหรือไม่ บาแยนท์เคยขอซื้อที่ดินของสองสามี-ภรรยามาร์ตินที่ถนนพอลเมอรส์ ลูกเอาท์ แต่ถูกปฎิเสธ
 
== ๒๘28 เมษายน ๒๕๒๓๖25236 ==
 
เรื่องรายต่อไปนี้ ถูกผู้โยงเข้าด้วยกันโดนตำรวจสืบสวน และนำเสนอต่ออัยการในวันที่ ๑๙19 พฤษจิกายน ๒๕๓๖ 2536<ref name=SupremeCourtCase>{{cite court|litigants=The Queen v. Martin Bryant|court=Supreme Court, Salamnaca Place, Hobart|date=19 November 1996|url=http://www.shootersnews.addr.com/cttranscript.htm}}</ref>
 
=== เหตุการณ์ภาคเช้า ===
 
บาแยนท์ตื่นนอนเวลา ๐๖๐๐06.00น. เมื่อนาฬิกาปลุกส่งเสียงปลุก แฟนของเขาและคนอื่นในครอบครัวกล่าวว่า เขาไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะเขาไม่ได้ทำงานและไม่มีความคิดที่จะทำด้วย ๐๘๐๐08.00น. แฟนสาวของเขาออกจากบ้าน (ที่เคยเป็นของนางสาว ฮาร์วี) ไปเยี่ยมครอบครัว บาแยนท์ออกจากบ้านแลตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ที่เวลา ๐๙๔๗09.47น. เขาทิ้งกระสุนปืนจำนวนมากไว้บริเวณห้องโถง
 
ประมาณ ๑๐๓๐10.30น. เขาซื้อไฟแช็คที่ร้านขายหนังสือพิมพ์ มิดเวย์ พอยต์ เขาจ่ายค่าไฟแชคแช็คด้วยธนบัตรจำนวนมากและไม่เอาเงินทอน ในขั้นต้น เขาเข้าไปในร้านโดยไม่มีเงิน ถามว่าร้านนั้นขายไฟแช็คหรือไม่ หลังได้รับคำตอบแล้วเขาจึงเดินหลับไปที่รถเพื่อหยิบเงิน หลังจากนั้นเขาไปที่ ซูเปอร์มาร์เก็ต โซเรลเพื่อซื้อซอสมะเขือเทศ 1 ขวด แต่คราวนี้เขาจ่ายเป็นเหรียญแทน (ในออสเตรเลียจะมีเหรียญ 1 และ 2 เหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญทอง และ เหรียญ ๕๐50, ๒๐20, ๑๐10 และ 5 เซนต์ ที่เป็นเหรียญเงิน) จากนั้นเขาเดินทางไปที่หมู่บ้านโฟร์เซทท์ และถึงที่หมายเวลา ๑๑๐๐11.00น. แวะที่ปั๊มเชลล์และซื้อกาแฟหนึ่งแก้วและจ่ายด้วยเหรียญ 5 และ ๑๐10 เซนต์ (1เหรียญ เท่ากับ ๑๐๐100 เซนต์) (โดยปกติ กาแฟในออสเตรเลียราคาไม่ต่ำกว่าสองเหรียญต่อแก้ว) เขาบอกพนักงานว่าเขาจะไปโต้คลื่นที่หาดโรอ์ริง แต่พนักงานเตือนว่าวันนี้ลมสงบมากๆมาก ๆ (ไม่มีคลื่นให้โต้) จากนั้นเขาขับรถผ่านบริเวณช่องแคบอีเกิลฮอร์ค เน็ค (ช่องแคบในอ่าวแทสมัน) และแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม "คอนวิก เบเกรี" (Convict Bakery)" เป็นจำนวน ๑๕15 เหรียญ พนักงานเห็นเขาทำท่าโต้คลื่นที่อ่าว และวันนั้นก็ลมสงบมาก บาแยนท์มีกระดานโต้คลื่นบนแร็คของรถวอลโวสีเหลือง พนักงานย้ำว่าวันนั้นอากาศไม่เหมาะแก่การโต้คลื่นอย่างมาก
 
เขาขับรถเข้าไปที่[[พอร์ตอาเทอร์]] ที่หยุดที่เกสต์เฮาส์ ซีสเคป ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายเดวิท และนาง แซลลี มาร์ติน บาแยนท์ถูกพบว่าขับรถเข้าไปในซีสเคป ที่อยู่บน ถนน อาร์เทอร์ ไฮเวย์ประมาณ ๑๑๔๕11.45น. เขาเข้าำเข้าไปข้างในและยิงปืนหลายนัด จากนั้นจึงมัดปากนายมาร์ติน และแทงเขา พยานให้การในศาลเกี่ยวกับจำนวนปืนที่ยิงและเวลาต่างๆต่าง ๆ กันออกไป แต่ก็เชื่อตรงกันว่านี่น่าจะเป็นนาทีสังหารสามี-ภรรยามาร์ติน
 
จากนั้นมีคู่ๆคู่ ๆ หนึ่งมาที่ซีสเคปและบาแยนท์ก็ปรากฎตัวออกมา คู่นั้นมาเพื่อขอดูสถานที่แต่บาแยนท์ตอบปฎิเสธอย่างหยาบคายว่า พ่อแม่เขาไม่อยู่ และแฟนของเขาก็อยู่ในบ้าน คู่นั้นจากไปเมื่อเวลา ๑๒๒๕12.25น. รถของเขาถูกพบว่ากลับทิศ เอาหน้ารถหันออก ซึ่งตั้งสมมติฐานว่าเขากำลังเอากระสุนออกจากรถ<ref name=SupremeCourtCase/>
 
จากนั้นเขาขับรถไปที่พอร์ตอาเทอร์ โดยเอากุญแจของซีสเคปไปด้วยหลังจากล็อกกุญแจหมดแล้ว เขาหยุดรถเพราะพบเห็นรถจอดเสียอยู่เพราะเครื่องร้อน เขาเข้าไปคุยคนคน 2 คน เขาแนะนำว่าพวกเขามาที่ร้านกาแฟพอร์ตอาเทอร์เพื่อดื่มกาแฟทีหลัง
 
เขาผ่านสวนประวัติศาสตร์พอร์ตอาเทอร์ทางถนนลุคเอาท์ของมาร์ติน และพบนายโรเจอร์ เลนเนอร์ นายเลนเนอร์เคยพบเขาเมื่อ ๑๕15 ปีก่อนแต่ในช่วงแรกเขาจำไม่ได้ บาแยนท์บอกว่าเขาไปโต้คลื่นมาและซื้อที่ดินเรียกว่า ฟอกก์ ลูจน์ (Fogg Lodge) และไม่ได้กำลังจะซื้อวัวของเลนเนอร์ บาเยนท์ให้ความเห็นหลายครั้งเกี่ยวกับการซื้อที่ดินของมาร์ตินที่อยู่ติดกับที่ดินของเลนเนอร์ เขาถามว่านางมาเรียน เลนเนอร์อยู่บ้านหรือไม่ และแสดงคามจำนงที่จะไปเยี่ยมเธอที่ฟาร์ม ซึ่งนายเลนเนอร์ตกลงและบอกว่าเขาจะไปด้วย บาเยอร์กลับเปลี่ยนใจและจากไป บอกว่าเขาต้องกลับบ้านตอนบ่าย
 
=== เหตุการณ์ในสวนประวัติศาสตร์พอร์ตอาเทอร์ ===
 
ประมาณ ๑๓๑๐13.10น. บาแยนท์เขาแถวหลังรถคันอื่นเพื่อจ่ายเงินค่าผ่านประตู พอใกล้จะถึงช่องจ่ายเงิน เขากลับออกจากแถวแล้วไปต่อใถมใหม่อีก สุดท้ายเขาก็เข้าถึงช่องจ่ายเงิน และบ่นว่าคนอื่นย้อนหลังหาเขา เขาจ่ายค่าผ่านประตูแล้วเข้าไปยังที่จอดรถบริเวณบรอดแอโรว์ คาเฟ่ ใกล้ วอเตอร์ส์ เอจ์ด ผู้จัดการหน่วยรักษาความปลอดภัยขอให้เขาย้ายไปจอดที่อื่นเพราะบริเวณนั้นเป็นที่สำหรับจอดรถแวนสำหรับการตั้งค่ายพักแรม และวันนั้นบริเวณจอดรถก็หนาแน่น บาแยนท์ย้ายรถไปที่อื่นและนั่งอยู่ในรถสักพัก ผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยเห็นเขาเดินเข้าไปที่ร้านกาแฟพร้อมทั้งหิ้วกระเป๋าใบใหญ่และกล้องถ่ายวีดีโอ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร
 
เขาเข้าไปในร้านและสั่งอาหารมากิน และไปนั่งกินที่โต๊ะข้างนอกร้านมีคนเปิดประตูให้เขาและสัพยอกถึงอาหารจำนวนมากที่เขาสั่งมากิน ซึ่งเขาก็ตอบไปว่าเพราะหิวจากการไปโต้คลื่นมา บาเยนท์สนทนากับผู้คนเรื่อง[[ต่อเยอรมัน|ต่อเยอรมัน]] (waspes)]] ในบริเวณนั้นและความขาดแคลนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการพึมพัมกับตัวเองมากกว่า เขาดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวและมองย้อนไปที่ลานจอดรถและในคาเฟ่อย่างต่อเนื่อง เขาถูกเห็นว่ายกมือขึ้นไล่ปัดต่อเยอรมันในบริเวณนั้น (ต่อ "waspes" ที่บาแยนท์พูดถึงนั้น ในสื่อของออสเตรเลียและต่างประเทศนั้น ตีความว่าคือ WASP ซึ่งหมายถึง "พวกโปรเตสแตนท์ แองโกล-แซกซอน ผิวขาว" (White Anglo-Saxon Protestants) แต่ก็ไม่มีหลักฐานสรุปถึงเรื่องนี้)
 
=== ฆาตกรรมที่บอร์ด แอโรว์ คาเฟ่ ===
 
หลังบาแยนท์ทานอาหารเสร็จ เขาเดินเขาไปในร้านเพื่อคืนถาด มีคนช่วยเปิดประตูให้เขา เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะและหยิบ [[เออาร์-๑๕15]] ที่ได้รับการบรรจุซองกระสุนขนาด ๓๐30 นัดเอาไว้แล้วออกมา เขาทิ้งกระเป๋าที่มีของอย่างอื่นอยู่ รวมทั้งมีดที่เขาใช้ฆ่านายมาร์ตินด้วย เชื่อกันว่าซองกระสุนนั้นเป็นซองเดียวกับที่ใช้ไปในซีสเคป
 
คาเฟ่นั้นเล็ก โต๊ะแต่ละโต๊ะนั้นชิดติดกัน ร้านก็ค่อนข้างวุ่นวายเพราะผู้คนกำลังรอเรือเฟอรีเที่ยวถัดไป เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก เขาเล็งจากท่าประทับสะโพก บาแยนท์เล็งยิงไปที่นาย Moh Yee Ng และ นางสาว Sou Leng Chung จากมาเลยเซียมาเลเซีย ที่อยู่ที่โต๊ะข้างๆข้าง ๆ ทั้งคู่ถูกยิงในระยะเผาขนและตายในทันที จากนั้นบาแยนท์เปลี่ยนสู่ท่าประทับบ่า ลั่นกระสุนไปที่ ไมค์ เซอร์เจนท์ ที่กำลังเกาหัวอยู่ตาย และยิงนัดที่4ไปที่ เคท อลิซาเบท สก็อตต์ แฟนของไมค์ที่หลังหัว
 
นักทำไวน์จากนิวซีแลนด์ เจสัน วินเทอร์ที่กำลังช่วยบริกรอยู่ เห็นบาแยนท์หันมาทางภริยาของเขา, โจแอนนา และมิชเชล ลูกชายวัย๑๕ 15 เดือนของเขา เขาจึงขว้างถาดมาที่บาแยนท์เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา พ่อของวินเทอร์จับลูกสะใภ้และหลานชายหมอบลงใต้โต๊ะ ส่วนวิทเทอร์ถูกยิง
 
แอนโทนี ไนติงเกล ยืนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปืนนัดแรกแต่ไม่มีเวลามากพอจะขยับ เขาตะโกนว่า "ไม่ ไม่ใช่ที่นี่!" บาแยนท์เล็งมาที่เขาและเขาถูกยิงปางตายเข้าที่คอและซี่โครง
 
โต๊ะข้างๆข้าง ๆ มีกลุ่มคน๑๐สิบคนอยู่ แต่บางคนเดินออกจากโต๊ะไปคืนถาดและดูของในร้านขายของฝาก บาแยนท์ยิง๒แยนท์ยิงสองนัด นัดแรกยิงที่นายชาร์ปตายคาที่ นัดสองยิงไปที่ วอเทอร์ เบนเน็ท ทะลุร่างไปที่นายชาร์ป ตกตายตามกัน ทั้ง3คนนั้นหันหลังให้บาแยนท์ ไม่ได้เอะใจว่ามัจจุราชกำลังมาเยือน หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นว่า "ไม่ตลกนะ" หลังจากได้ยินเสียงปืนนัดแรกๆแรก ๆ แต่ไม่คิดว่าเป็นปืนจริง การยิงนั้นเป็นการยิงแบบเผาขน ระยะไม่เกิน 1 นิ้ว (2.๕๔54 เซนติเมตร) จากหัวของเหยื่อ เจราจ บรูม ที่มาด้วยกันเศษกระสุนพุ่งเข้าใส่หน้าและรอดตาย กาเย ไฟด์เลอร์ จากโต๊ะเดียวกันถูกเศษกระสุนพุ่งเข้าใส่หลังบาดเจ็บ จอห์นไฟด๋เลอร์เองก็บาดเจ็บที่หัวจากเศษกระสุน แต่ทั้งคู่รอดตาย
 
บาแยนท์หันไปที่อีกโต๊ะที่มีอีกสองคู่นั่งอยู่คือ นายโทนี่, นางคิสแทน, นายแอนดริว และนางมิลส์ ชายทั้ง2ยืนขึ้นหลังเสียงบินนัดแรกๆแรก ๆ แต่ก็หนีไม่ทัน นายแอนดริว มิลส์ถูกยิงที่หัว ส่วนนายโทนี คิสแทนถูกยิงห่างจากหัวประมาณสองเมตร และที่หัว แต่ในวินาทีก่อนถูกยิง เขากดหัวภรรยาเขาให้หมอบลงใต้โต๊ะ ภรรยาทั้งสองนั้น ไม่ถูกพบโดยบาแยนท์เนื่องจากอยู่ใต้โต๊ะเลยไม่ถูกยิง
 
เทลมา วองค์เกอร์ และ พาเมเลีย ลอว์ นั่งโต๊ะข้างหลัง บาดเจ็บเพราะเศษกระสุนที่สังหารนายคิสแทน และนายมิลส์ ปีเตอร์ ครอสเวลกดสองสาวให้หมอบลงใต้โต๊ะและบาดเจ็บจากเศษกระสุนที่ยิงไปที่ แพททริเซีย เบอเกอร์ (ไม่ตาย)
 
ผู้คนในคาเฟ่เพิ่งจะเริ่มรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นในร้านและเริ่มระลึกได้ว่าเสียงปืนนั้น ไม่ได้มาจากการจำลองเหตุการณ์ในสวนประวัติศาสตร์ ทุกคนสับสน ไใ่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่บาแยนท์ก็ใกล้จะถึงประตูทางออกแล้ว
 
บาแยนท์ขยับต่อไปอีกไม่กี่เมตรก็ยิงใส่โต๊ะอื่น ถูก เกรแฮม โครเยอร์ที่คอ ถึงแม้ร่างของเขาจะเต็มไปด้วยเลือดแต่เขาก็ไม่ตาย
บรรทัด 55:
บาแยนท์หมุนตัวยิง เมอร์วีน โฮวาร์ด ที่ยังนั่งอยู่ กระสุนทะลุร่างเขา ทะลุกระจกร้านไปชนโต๊ะที่ระเบียงด้านนอก ผู้คนด้านนอกเริ่มรู้ถึงเงามัจจุราชและเริ่มวิ่งหนี บาแยนท์ยิงนัดถัดมาเข้าที่ อลิซาเบท โฮวาร์ดอย่างรวดเร็ว และขยับไปทางข้างและยิงเข้าที่หัวของหล่อนอีกนัด
 
ซารา ลองห์ตัน เห็นนายโครเยอร์ถูกยิง จึงผ่านแม่ของหล่อนที่กำลังเคลื่อนที่ระหว่างโต๊ะ แม่จับลูกของหล่อนหมอบและตัวเองก็บังลูกเอาไว้ด้านบน บาแยนท์ยิง คารอยน์ ลองห์ตันที่หลังแล้วยิงลูกสาวที่หัว นางลองห์ตันหูชาจากเสียง[[โซนิก บูมกบูม]]จากการที่กระสุนวิ่งผ่านใกล้หู คนแม่รอดตาย แต่มารู้เอาที่หลังว่าลูกสาวได้จากไปแล้วที่โรงพยาบาล
 
=== ฆาตกรรมที่ร้านขายของฝาก ===
บรรทัด 61:
บาแยนท์อยู่ใกล้ทางออก ไม่มีใคพยายามวิ่งผ่านเขาเพื่อหลบหนี บาแยนท์เดินจากคาเฟ่ไปที่ร้านขายของฝาก มีประตูทางออกที่บริเวณจัดแสดงสินค้า สำหรับเเดินออกไปที่ระเบียงด้านนอก แต่ถูกลงกุญแจ เปิดได้ด้วยกุญแจเท่านั้น หลังจากบาแยนท์เดินไปมา นาย อีลลิอต์คิดว่าเขาควถูกพบในไม่ช้า เขาไม่สามารถหลบใต้โต๊ะที่เต็มไปด้วยคนอีกต่อไป เขาจึงวิ่งไปที่เตาผิงและถูกยิงที่แขนและหัว แต่รอดตายจากการผ่าตัด
 
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นภายในเวลา ๑๕15 วินาทีเท่านั้น <ref name=SupremeCourtCase/> จากเหตุการณ์ข้างต้นนี้ มีคนตายไปแล้ว ๑๒12 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 9 ราย ในช่วงเวลานี้ คนส่วนใหญ่หมอบอยู่ใต้โต๊ะ และหลังสแตนแสดงสินค้า นางลีเวอร์, นางเจรี, นางมอร์ และนางวานเดอร์พีร์ซ่อนตัวอยู่หลังฉากผ้า
 
ปีเตอร์และนางแนสช์พยายามเปิดประตูที่ล็อกเอาไว้แต่ไม่สำเร็จ นายแนสช์ทับร่างภรรยาเขาไว้ เพื่อซ่อนหล่อนจากบาแยนท์ที่เดินเข้ามาในร้านขายของฝาก และคนอื่นก็แหงกอยู่กับที่ ไปไหนไม่ได้นอกจากหมอบอยู่ตามมุม บาแยนท์ย่างก้าวอย่างช้าๆช้า ๆ เข้าหา นิโคล เบอร์เกสส์ และยิงหล่อนที่หัว แล้วหันมาจ่อยิงหัวนายลีเวอร์ปางตาย นางนีนเดอร์ก็ถูกยิงตายที่หัวตาย
 
บาแยนท์เห็นการเคลื่อนไหวในคาเฟ่ จึงเดินเข้าไปใกล้ประตูหน้า เขายิงโต๊ะถูกนายครอสเวลล์ที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะที่แก้มก้น นายวินเทอร์ที่ซ่อนอยู่ในร้านขายของฝาก คิดว่าบาแยนท์ออกไปจากตึกแล้ว จึงบอกกับกับคนข้างๆข้าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ด้วยกันว่าคนร้ายน่าจะไปแล้ว ก่อนออกจากที่ซ่อนตัว บาแยนท์พบวินเทอร์ที่กำลังลุกขึ้นจึงยิงเขาที่มือ,คอ และอก บาแยนท์เดินไปหาวินเทอร์แล้วยิงที่หัวตายคาที่ เศษกระสุนจากการยิงไปชน เดนนิส ออเซน ที่ซ่อนตัวในที่นั้น แต่เขาไม่ถูกพบเห็น
 
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ เขาอาจจะบรรจุกระสุนใหม่ก่อนหรือหลังฆ่าคนอื่นต่อก็ได้ บาแยนท์เดินกลับไปในคาเฟ่ แต่แล้วก็กลับมาที่ร้านขายของอีก คราวนี้เขามองไปที่มุมอื่น พบหลายคนซ่อนตัว ไปไหนไม่ได้ เขาเดินไปหาคนหลุ่มนั้น ยิง โรนาลด์ เจรีที่คอตายคาที่ แล้วยิงไปที่ ปีเตอร์ แนสช์ และ พอลลีน มาสเตอรส์ ตายไปอีกคู่ บางช่วง ก่อน หรือหลังจากสังหาร 3 คนนี้ เขาเล็กไปที่ชายเอเชียไม่ทราบชื่อ แต่กระสุนหมด เขาเดินกลับไปบรรจุกระสุนใหม่ที่เคาท์เตอร์ของร้านขายของฝาก ทิ้งซองเปล่าไว้ที่นั่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นั้น ลำดับเวลาสับสนมาก แต่สุดท้าย เขาก็เดินจากไป
 
=== ฆาตกรรมที่ลานจอดรถ ===
บรรทัด 73:
ระหว่างเหตุการณ์ในคาเฟ่ พนักงานบางคนหนีออกไปได้ทางห้องครัว และร้องเตือนผู้คนข้างนอก ที่นั้นมีรถโค้ชหลายคันจอดอยู่และมีการเข้าคิวของผู้คน หลายคนหลบอยู่ในรถบัสนอกอาคาร นอกนั้นงงสถานการณ์ หรือไม่รู้ว่าจะไปไหนดี บางคนเชื่อว่าเป็นการจำลองเหตุการณ์ของสวนประวัติศาสตร์และเดินเข้าไปในพื้นที่
 
แอสลีย์ จอหน์ ลอว์ ลูกจ้างของสวนกำลังย้ายผู้คนให้ห่างจากคาเฟ่ ไปที่ศูนย์ข้อมูล และถูกบาเยนท์ยิงจากระยะ ๕๐50-๑๐๐100 เมตร เดชะบุญกระสุนพลาดเป้าไปถูกต้นไม้แทน
 
บาเยนท์เดินไปที่รถโค้ชที่ที่ บริจิด คุก กำลังนำผูคนบริเวณรถบัสและท่าน้ำไปซ่อนตัว หล่อนแค่ได้รับข้อมูลมาเท่านั้น และกำลังกังวลว่าเธอกำลังถูกหลอกให้ตื่นตูมหรือไม่ แต่แน่นอนว่าการกระทำของเธอได้ช่วยชีวิตอีกหลายชีวิต หนึ่งในพนักงานขับรถโค้ช รอยซ์ ทอมฟ์สัน ถูกยิงที่หลังขณะกำลังหนีไปกับผู้โดยสาร เขาล้มลงแต่ยังมีแรงคลานและกลิ้งตัวหลบเข้าใต้ท้องรถอย่างปลอดภัย แต่ก็ทดพิษบาดแผลไม่ไหว ตายในภายหลัง บาแยนท์เดินไปที่หน้ารถ แล้วเดินต่อไปที่คันถัดไป ผู้คนหลบหนีอย่างว่องไวไปทางท้ายรถเพื่อหากำบัง บาแยนท์เดินไปรอบๆรอบ ๆ เห็นคนหนีไวไวจึงยิง กระสุนถูกน่องขวาของบริจิด คุก กระดูกแตก กระสุนฝังใน พนักงานขับรถ ไออัน แม็คเอลวี ถูกเศษกระดูกของบริจิดพุ่งใส่ แต่ทั้งคู่ก็หนีไปได้
 
บาแยนท์เดินรอบรถอย่างรวดเร็วและยิงกลุ่มคนที่พบ วินเฟรด แอปริน ถูกยิงปางตายที่คางขณะกำลังหนีไปที่รถคันอืนฃ่นอื่น อีกนัดถากแก้มของ ยอนนี ลอคเลย์ แต่หล่อนก็หนีไปซ่อนในรถได้
 
บางคนเริ่มหนีไปทางท่าน้ำ แต่ก็ได้ยินเสียงตะโกนบอกว่าบาแยนท์ไปทางนั้น จึงหนีกลับมาที่จุดที่นางคุกถูกยิง อย่างไรก็ตาม บาแยนท์ก็เดินไปรอบๆรอบ ๆ และเดินกลับมา เวเน็ทท์ ควิน ถูกยิงที่หลัง ล้มลงขยับไม่ได้
 
ผู้คนพยายามหนีไปตามชายฝั่ง มีการยิงมากขึ้น ผู้คนเริ่มตัดสินใจซ่อนตัวในรถมากกว่าการหลบหนี นายแฮชชินสันพยายามหลบเข้าไปในรถโค้ชและถูกยิงที่แขน เขาเปลี่ยนทิศทางอย่างว่องไว หนีไปทางหน้ารถเลียบทางชายฝั่งและซ่อนตัว
 
บาแยนท์เดินไปที่รถของเขา ที่อยู่ใกล้ๆใกล้ ๆ รถโค้ช เปลี่ยนอาวุธเป็น [[FN_FAL]] (ไรเฟิลเบาอัตโนมัติของเบลเยียม) เขายิงเดไนส์ ครอมอร์ที่อยู่ใกล้ๆใกล้ ๆ ซากเรือนจำแต่พลาด กระสุนตกพื้นกระแทกก้อนหินกลมให้ลอยผ่านหน้าเธอ บาแยนท์เข้าไปนั่งในรถสักพักแล้วจึงออกมา แล้วเดินไปที่รถโค้ช มีคนพยายามซ่อนหลังรถในลานจอดรถ เนื่องจากการยกพื้น บาแยนท์เห็นพวกเขาและรถก็ไม่สามารถกำบังได้มาก พวกเขาเชื่อว่าถูกพบแล้ว จึงหนีเข้าไปดงไม้ บาเยนท์ยิงกราดพวกเขา แต่ไม่มีนัดไหนเข้าเป้าเลย อย่างน้อยหนึ่งนัดถูกต้นไม้ที่มีคนใช้กำบังอยู่ ดักลาส ฮัทชินสันวิ่งหนีไปทางท่าน้ำ และถูกยิง แต่ไม่เข้าเป้า เธอหนีรอดไปได้
 
บาแยนท์เดินไปที่รถบัสที่นางควินฟุบอยู่เพราะถูกยิงก่อนนี้ เขายิงหล่อนซ้ำที่หลังแล้วจากไป หล่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหว ตายในภายหลัง บาเยนท์เดินไปที่รถโค้ชแล้วยิง เอลวา เกย์ลาร์ดที่ซ่อนในรถ ถูกที่แขนและอกตายคาที่ ที่รถคันถัดมา กอร์ดอน ฟรานซิส เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงเคลื่อนตัวไปตามทางเดิน พยายามปิดประตูรถที่เขาซ่อนแต่ถูกพบ และถูกยิงจากรถโค้ชคันตรงข้าม เขารอดตาย แต่ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ถึง 4 ครั้ง
 
เนวิลเล ควิน สามีของเจเน็ทท์ ควินหนีไปทางท่าน้ำ แต่กลับมาตามหาภรรยา เขาถูกบังคับให้หนีหลังจากภรรยาเขาถูกยิง บาเยนท์ออกมาจากรถและเห็นเขา บาเบนท์ยิงควิน แต่พลาด บาร์เยนท์เดินหาตัวควิน และยิงเขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะหนีขึ้นรถโค้ชไปได้ อย่างไรก็ตาม ความพยายามของควินไม่ประสบผล บาเยนท์ขึ้นรถตามเขาไปได้ จ่อปืนที่หน้าของเขาแล้วบอกว่า "หนีข้าไม่พ้นแล้ว" ควินหมอบในวินาทีที่บาเยนท์ลั่นไก กระสุนพลาดเป้าจากหัวไปเข้าคอแทน เขาขยับไม่ได้ในบัลดล หลังบาเยนท์จากไป เขาพบร่างภรรยาของเขานอนหายใจรวยริน และตายในอ้อมกอดของเขา นายควินถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์และรอดมาได้
บรรทัด 93:
=== ฆาตกรรมที่จุดขายตั๋วและการขโมยรถ ===
 
บาเยนท์เดินไปที่รถ เคลื่อนออกจากที่จอด พยานกล่าวว่าเขาบีบแตรแล้วโบกมือ บางคนว่าเขายิงปืนด้วย เขาขับรถไปทางถนนเจ็ทตี้ มุ่งไปยังที่ขายตั๋วจอดรถ เขาผ่านอย่างน้อยสองคน ข้างหน้าเขาคือ นาเน็ทท์ ไมแคก และลูกน้อยทั้งสองคือ เมเดเลีย วัย 3 ขวบ และอลันนาห์ 6 ขวบ วิ่งนำหน้าหล่อนเล็กน้อย ราวๆราว ๆ 600 ๖๐๐เมตรจากลานจอดรถ นาเน้ทท์บอกอลันนาห์ว่า "เราปลอดภัยแล้ว, ฟักทอง (คาดว่าจะเป็นชื่อเล่น)" บาเยนท์เปิดประตูรถแล้วชลอความเร็ว นางไมแคกเดินไปทางรถ คิดว่าเขาจะช่วยพาหน่อนหลบหนี มีหลายคนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหนึ่งในนั้นก็จำได้ว่าคนๆคน ๆ นั้นคือมือสังหารจึงตะโกนขึ้นว่า "นั่นมันไอ้ฆาตกร!" บาเยนท์พูดอย่างเนิ่บๆเยนท์พูดอย่างเนิ่บ ๆ ให้หล่อนคุกเข่าลง หล่อนทำตามและร้องขอชีวิตลูกน้อย "อย่าทำอะไรลูกฉันเลย"
 
บาเยนท์ฆ่าหล่อนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ก่อนที่จะลั่นไกยิงเมเดเลียที่ไหล่ แล้วยิงซ้ำทะลุอก เป็นเหตุให้เด็กน้อยปางตาย อลันนาห์วิ่งและซ่อนหลังต้นไม้ บาเยนท์ยิงหล่อน 2 นัดแต่พลาด เขาเดินเข้าไปหาเธอ จ่อปากกระบอกปืนที่คอแล้วสังหาร เขายิงอีกหนึ่งหรือสองนัดใส่คนในพุ่มไม้แต่พลาด การได้เห็นเด็กน้อยถูกสังหารทำให้หลายบริเวณถนนคนวิ่งหนี พวกเขาบอกคนที่กำลังขับรถเข้ามาให้หนีไป พวกเขาคิดว่าบาเยนท์จะไปตามถนน จึงกระโดดลงข้างทาง หลบในพุ่มไม้ รถถอยกลับไปที่บู๊ทขายตั๋ว ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครในบริเวณขายตั๋ว รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น
 
บาเยนท์ขับรถไปที่บริเวณขายตั๋วที่มียานยนต์หลายคันอยู่ เขาซ่อนปืนของเขาแล้วออกจากรถ เขาเข้าถกเถียงกับนาย ซาลซ์แมนน์ ไม่เป็นที่ทราบว่าทั้งคู่เถียงกันเรื่องอันใด แต่น่าจะเพราะว่ารถของบาเยนท์ไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้ เพราะรถคันอื่นกีดขวางอยู่ จากนั้น บาเยนท์หยิบปืนกระบอกเดิมมายิงสังหารนายซาลแมนน์
 
คนขับรถ BMW คนหนึ่งวิ่งออกจากรถ พุ่งตรงมายังบาเยนท์ ไม่เป็นที่ปรากฎว่าเขาพุ่งไปทางนั้นทำไม แต่คาดว่าเขาพยายามที่จะหยุดบาเยนท์ไว้ บาเยนท์ก้าวมาทางเขาแล้วยิงเขาที่อกตาย รถคันอื่นที่กำลังเข้ามาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และสามารถกลับรถหนีได้ทัน บาเยนท์เข้าไปนั่งใน BMWคันนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย พบว่า บาเยนท์ยิงผู้หญิงอีก2คนในรถนั้น แล้วโยนร่างของทั้ง2ลงมาจากรถ บาเยนท์ย้ายกระสุน, กุญแจมือ, ไรเฟิล เออาร์-๑๕15 ไปยัง BMW (ผู้ตายจากการสังหารที่จุดขายตั๋ว นอกจาก เกรแฮม ซาลแมนน์นั้น ประกอบด้วย แมรี นิกสัน, รุสเซล โพลาร์ดและ เฮเลน ซาลแมนน์<ref>"The New Charges Against Bryant." ''The Advocate'', [[July 6]] [[1996]]. http://www.geniac.net/portarthur/new.htm </ref>)
 
มีรถอีกคันขับเข้ามาที่จุดขายตั๋ว และบาเยนท์ยิงใส่ คนขับ เกรแฮม ซูเทอร์แลนด์ ถูกกระจกที่แตกบาด นัดที่สองถูกที่ประตูคนขับ แต่เขาก็หักรถกลับ หลบหนีไปได้อย่างรวดเร็ว บาเยนท์กลับไปที่รถ BMW แล้วขับออกไป ทิ้งอุปกรณ์อีกหลายชิ้นเช่น ปืนลูกซอง และกระสุนอีกหลายร้อยนัดไว้ในรถวอลโวของเขา
บรรทัด 105:
=== ฆาตกรรมที่ปั๊มน้ำมันและการจับตัวประกัน ===
 
เกรแฮม ซูเทอร์แลนด์ ที่หลบหนีจากบาเยนท์มาก่อนหน้านี้ ขับรถไปที่ปั๊มน้ำมัน เตือนผู้คนให้หลบหนี บาเยนท์ขับตามไปที่นั่นแล้วตัดหน้ารถโตโยตา โคโรลา สีขาวที่พยายามหนีไปบทไฮเวย์ รถคันนั้นมีเกล็น แพรส์ เป็นคนขับกับ โซอ์ ฮอล ผู้โดยสาร บาเยนท์ลงจากรถมาอย่างรวดเร็ว พยายามกระชากนางสาวฮอลลงมาจากรถ นายแพรส์ออกมาจากรถ พุ่งเข้าหาบาเยนท์ แต่ถูกเขาเอาปืนจ่อให้ผง่ะถอยไป เขาถูกบาเยนท์บังคับให้เปิดท้าย บีเอ็ม แล้วถูกขังไว้ในท้ายรถ
 
บาเยนท์เดินกลับมาที่นางสาวฮอล ที่ยังอยู่ในรถ บนเบาะผู่โดยสาร เขาบังคับให้หล่อนปีนไปนั่งที่เบาะคนขับ แล้วยิง 3นัดสังหารหล่อน ร่างของหล่อน ต่อมาถูกพบอยู่บนเบาะผู้โดยสาร ส่วนผู้คนบริเวณนั้น ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ พนักงานประจำปั๊ม แจ้งให้ลูกค้าหมอบลง ส่วนเขาล็อกประตูไว้ ในมือกำปืนไรเผิลไว้แน่น โดยกฎหมายของออสเตรเลียตอนนั้น กระสุนจะถูกเก็บไว้ในเซฟ แต่ตอนนี้ มันถูกนำออกมาแล้วบรรจุพร้อมยิง บาเยนท์กลับไปที่รถแล้วจากไป ตำรวจตามมาหลายนาทีจากนั้น แล้วขับไปในทิศทางที่บาเยนท์ไป
 
=== ตามทางในซีสเคป ===
 
บาเยนท์ขับไปทางซีเสคป เขายิงไปที่รถสีแดงคันหนึ่งที่สวนมา ถูกระจกหน้าแตก เมื่อมาถึงซีสเคป เขาลงจากรถ รถขับเคลื่อน4ล้อ ฟอนเทียราขับสวนมา เห็นบาเยนท์แต่คิดว่าเขากำลังล่ากระต่าย เลยชะลอความเร็วขับผ่านไป บาเยนท์ยิงใส่รถนั้น นัดแรกถูกฝากระโปรงหน้า และฉีดสายคันเร่งขาด เขายิงใส่อีกอย่างน้อย 2 นัดใส่รถ นัดหนึ่งถูกกระจกแตก อีกนัดถูกลินดา ไวนท์ คนขับที่แขน รถลงไปยังไหล่เขา แต่ก็ยังคงไหลไปบนขอบถนนได้ คนขับถูกสลับที่โดยแฟนหนุ่มของหล่อน และพยายามจะออกตัว แต่ไปไหนไม่ได้เพราะสายคันเร่งฉีกขาดไปแล้ว
 
รถคันอื่นขับตามลงมา ซึ่งมีผู้โดยสารมา 4 คน พวกเขาเห็นบาเยนท์ถือปืนก่อนที่จะเข้าไปใกล้เขา บาเยนท์ยิงใส่กระจกหน้ารถ ดักลาส ฮอร์นเนอร์ได้รับบาดเจ็บจากเศษกระจก รถได้ขับผ่านนางไวท์และแฟนของหล่อน ที่พยายามจะขึ้นรถหนีไปด้วย แต่คนขับไม่รับรู้สถานการณ์เลยขับผ่านไป แต่เมื่อสังเกตุเห็นนางไวท์ถูกยิงมา จึงย้อนกลับมารับ ทั้งหมดมุ่งไปยังชุมชนในพื้นที่ เรียกว่า "เทอะ ฟอกซ์ แอนด์ ฮอนด์" แล้วโทรแจ้งตำรวจ
 
ยังมีรถคันอื่นขับมาอีกแล้วถูกยิง คนขับถูกยิงที่แขน ส่วนไซมอน วิลเลียม ถูกเศษกระจกพุ่งใส่ ยังมีอีกคันผ่านมาเห็นแล้วกลัยแล้วกลับรถหนี บาเยนท์ยิงใส่แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ บาเยนท์กลับไปที่รถ แล้วมุ่งไปยังบ้าน (ที่เขาสังหารสามี-ภรรยามาร์ตินในทีแรก)
 
ในช่วงเวลาที่เขาหยุดรถ เขาย้ายตัวประกันออกจากท้ายรถ แล้วใส่กุญแจมือเขาไว้กับราวบันไดในบ้าน ในบางช่วงของเวลานั้น เขาลงมือเผารถที่เขาขโมยมา เป็นไปได้ว่าเขาจะใช้ไฟแช็คที่ซื้อมาแต่เช้า เขาถูกคาดการณ์ว่าน่าจะมาถึงบ้านนั้นเวลา ๑๔๐๐14.00น.
 
=== การมาของตำรวจ ===
 
๑๓๓๐13.30น. มีตำรวจสองนายในพื้นที่เท่านั้น ที่ได้รับแจ้งเหตุทางวิทยุให้เข้าไปตรวจสอบที่พอร์ตอาเทอร์ และให้มองหารถวอลโวสีเหลือง พวกเขามุ่งไปยังพอร์ตอาเทอร์ด้วยรถคนละคัน ระหว่างทาง ได้รับแจ้งให้หา บีเอ็มดับบลิว และท้ายสุด เหตุรับแจ้งจากฟอกซ์ แอนด์ ฮอนด์ว่ามีคนถูกยิง
 
ตำรวจนายหนึ่งขับผ่านซีสเคป ผ่านรถที่จอดตายของนางไวท์ เขามองอยู่พักหนึ่งแล้วขับต่อไปที่ฟอกซ์แอนด์ฮอนด์ เขาแจ้งข่าวแก่คู่หูแล้วย้อนกลับไปที่ซีสเคป
 
ประมาณ ๑๔๐๐14.00น. ทั้งคู่ไปถึงบ้านซีสเคปและพบบีเอ็มดับบลิวถูกเผา ในช่วงเวลานั้น บาเยนท์ยิงปืนออกมาก ทั้งคู่จึงหลบลงทางน้ำริมถนน และถูกยิงกดหัวเมื่อพยายามหลบหนี ทั้งคู่ถูกตรึงอยู่หลายชั่วโมง
 
เวลา ๑๔๑๐14.10น. บาเยนท์ได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงจากสถานีโทรทัศน์ เอบีซี พยายามสุ่มโทรในพื้นที่เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น และบาเยนท์ก็ตอบโทรศัพท์ บาเยนท์ได้รับแจ้งว่าเธอชื่อ เจมี เมื่อหล่อนถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาตอบว่า "มีเรื่องสนุกมากมาย" จากนั้นก็บอกหล่อนว่าถ้าหล่อนโทรมาอีกครั้ง เขาจะฆ่านายแพรส์ทิ้ง
 
ประมาณ ๑๕๐๐15.00น. หลังจากยิงกดหัวตำรวจทั้งสองได้พักใหญ่ บาเยนท์โทรไปที่สถานีตำรวจท้องถิ่น และแฟนของหนึ่งในตำรวจคู่นั้นก็เป็นผู้รับสาย เขาถามหล่อนว่าหล่อนเป็นใคร และถามว่ารู้ไหมว่าสามีของหล่อนอยู่ที่ไหน เขาบอกหล่อนว่าเขาชื่อ เจมี เขาถามว่ารู้ไหมว่าสามีของหล่อนเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่หล่อนไม่ตอบ เขาบอกหล่อนว่าสามีหล่อนยังไม่เป็นอะไร แล้วเขาก็รู้ว่าสามีของหล่อนอยู่ไหน
 
ประมาณ ๒๑๐๐21.00น. ทีมจากหน่อยปฎิบัติการพิเศษของตำรวจแทสเมเนียมาถึง และช่วยพาตำรวจทั้งสองออกจากกำบังได้สำเร็จ โดยใช้ความมืด, โล่ปราบจราจล และเกราะกันกระสุนเป็นม่านกำบัง พวกเขาไม่ได้ยิงกดหัวเข้าไป เนื่องจากเกรงว่าจะไปถูกตัวประกัน การเจรจาผ่านโทรศัพท์ ๑๘18 ชั่วโมงนั้นล้มเหลว บาเยนท์ ที่เรียกตัวเองว่า เจมี ร้องขอเฮลิคอปเตอร์ เพื่อที่จะหลบหนีต่อด้วยเครื่องบินไปยัง[[เมืองแอดเลด|แอดเลด]]<ref>แอดเลด นั้น สะกดตามภาษาอังกฤษว่า Adelaide แต่อ่านว่า "แอดเลด"</ref>เมืองหลวงของ[[รัฐเซาท์ออสเตรเลีย]] เขาบอกว่าเขาจะปล่อยนายแพรส์ไป เก็บเอาไว้เพียงนางมาร์ตินเมื่อเฮลิคอปเตอร์มาถึง บาเยนท์สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของหน่วยปฎิบัติการพิเศษได้ และร้องขอการหลบหนีทุกครั้งที่เห็นตำรวจเคลื่อนไหว ตำรวจเชื่อว่าเขาน่าจะมีอุปกรณ์ช่วยมองเห็นในที่มืด เนื่องจากเขาสามารถระวังตัวได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟ้านั้นมืดลง แต่ก็ไม่มีอุปกรณ์ใดๆใด ๆ ถูกพบเลย มีชายถูกพบบนหลังคาของอาคารข้างเคียง เชื่อว่าเป็นบาเยนท์ ในกลางดึก แบตเตอรีโทรศัพท์ไร้สายที่บาเยนท์ใช้เริ่มจะหมดลง ตำรวจพยายามบอกให้เขาเอาโทรศัพท์กลับไปชาร์จแต่ไม่สำเร็จ และเมื่อแบทเตอร์รีหมดลง การสื่อสารก็จบตามไปด้วย
 
== การจับกุมและการส่งตัวขึ้นศาล ==
 
บสเยนท์บาเยนท์ถูกจับในเช้าวันถัดมา เมื่อดูเหมือนว่าเขาเผาจะบ้านนั้นทิ้ง เขายั่งตำรวจว่าสั่งตำรวจว่า "เข้ามาแล้วพาเขา (ตัวประกัน) ออกไป" แต่ตำรวจเชื่อว่าตัวประกันน่าจะตายไปแล้ว ตัดสินใจว่าไฟน่าจะบีบให้เขาออกมา กระสุนจำนวนมากถูกจุดประทุและระเบิดอย่างไม่สม่ำเสมอ เพราะบ้านถูกไฟไหม้ สุดท้าย เขาก็หนีออกมาพร้อมเสื้อผ้าที่ถูกไฟไฟม้ เขาพยายามถอดเสื้อผ้าที่ติดไฟออก เขาถูกตำรวจจับแล้ะและนำไปรักษาที่โรงพยาบาล
 
นายแพรส์ถูกพบว่าตายไปก่อนไฟไหม้แล้ว ร่างของคู่มาร์ตินก็ถูกพบและถูกชันสูตรว่าทั้งคู่ถูกยิง ในกรณีของนางมาร์ตินนั้น ได้รับการทุบตีด้วย ทั้งคู่ตายการไฟไหม้ ตามที่ถูกกล่าวในศาลฎีกาของแทสเมเสีย ทั้งคู่เสียชีวิตประมาณบ่ายๆบ่าย ๆ ของวันที่ ๒๘28 เมษายน อาวุธชิ้นหนึ่งถูกพบว่าไหม้ในบ้าน และอีกกระบอกบนหลังคาที่เชื่อว่าบาเยนท์ถูกพบเห็นในตอนกลางคืน ทั้ง2กระบอกถูกพบว่าระเบิดเนื่องจากแรงดันในกระบอก อาจจะเนื่องจากการถูกเผา
 
ในการสอบสวนของตำรวจถึงสาเหตุที่บาเยนท์ขโมยรถบีเอ็มดับบลิว แต่เขาอ้างว่ามีคนแค่ 3 คนในรถนั้น และไม่ได้ยิงใครเลย เขาปฎิเสธว่าเขาไม่ได้ขโมยรถมาจากบู๊ทขายตั๋ว แต่เอามาจากตัวประกันของเขา เขาว่าเขาคิดว่าตัวประกันเขาตายไปแล้วตอนที่รถระเบิด เขาแยกแยะไม่ได้ระหว่างไฟไหม้รถและไฟไหม้บ้าน เขาปฎิเสธการไปเยือนพอร์ตอาเทอร์ ซึ่งกลับกันกับคำให้การของคนหลายคนรวมทั้งคนขายตั๋ว เป็นอะไรที่แยกแยะไม่ได้ว่าเขาโกหกระหว่างการสอบสวน หรือว่าเป็นความพิการทางจิตในการลำดับเหตุการณ์ดันแน่ บาเยนท์ยังให้การว่าปืนที่ตำรวจพบนั้นไม่ใช่ของเขา เว้นแ่ต่แต่ปืนลูกซองที่พบในรถใกล้บู๊ทขายตั๋วเท่านั้น
 
ในชั้นต้น บาเยนท์ให้การว่าเขาไม่ได้ตั้งใจสังหารทั้ง ๓๕35 ชีวิต หัวเราะอย่างคนไร้สติเมื่อผู้พิพากษา อ่านคำพิพากษา สุดท้ายเขาต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน บาเยนท์ไม่ได้ยอมรับว่าเขาทำผิด เขาถูกระบุว่าผิดจริง และถูกจองจำตลอดชีวิตจากการสังหาร ๓๕35 ชีวิต บวกกับ 1,๐๓๕035 ปีในเรินจำริดดอน ของ[[เมืืองโฮบาร์ทโฮบาร์ท|เมืองโฮบาร์ท]] (จากการรวมโทษทั้งหมดเข้าด้วยกันรวมทั้งพยายามฆ่า, ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บด้วยการยิงและการทำร้ายผู้คนหลายราย) เอกสารการจองจำของเขาไม่ได้รับการเปิดเผย การรับโทษของเขานั้น ไม่มีการอภัยโทษ ซึ่งพบได้ยากมากในออสเตรเลีย ซึ่งส่วนมากนักโทษในออสเตรเลีย จะได้รับโอกาศโอกาสอภัยโทษหลังถูกจองจำมายาวนาน มาร์ติน บาเยนท์ถูกจัดว่าเป็น ฆาตกรสังหารหมู่ที่เหี้ยมโหดที่สุดในออสเตรเลีย และเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุด ในโลกยุคปัจจุบัน (ไม่นับ[[การสังหารหมู่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์]])
 
{{โครง}}
 
== อ้างอิง ==
{{reflist}}
<references />
 
[[หมวดหมู่:การสังหารหมู่]]