พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2
พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 (ครองราชย์ ป. ค.ศ. 375-415) รู้จักกันตรามตำแหน่ง วิกรมาทิตย์ หรือ จันทรคุปตวิกรมาทิตย์ เป็นจักรพรรดิคุปตะ นักวิชาการสมัยใหม่โดยทั่วไประบุพระองค์เข้ากับพระเจ้าจันทระในจารึกโลหะสตมภ์เดลี
พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 | |
---|---|
วิกรมาทิตย์ Bhattāraka-mahārājādhirāja เทวราช Rājarshi เจ้าแห่งสามมหาสมุทร Apratiratha Paramabhagavata | |
![]() | |
จักรพรรดิคุปตะ | |
ครองราชย์ | ป. ค.ศ. 375 หรือ 380 – 415 (35-40 ปี) |
ก่อนหน้า | พระเจ้าสมุทรคุปต์, อาจเป็นรามคุปต์ |
ถัดไป | พระเจ้ากุมารคุปต์ที่ 1 |
ประสูติ | ไม่ทราบ จักรวรรดิคุปตะ |
สวรรคต | ป. ค.ศ. 415 จักรวรรดิคุปตะ |
คู่อภิเษก | Dhruvadevi, Kuberanaga |
พระราชบุตร | |
ราชวงศ์ | คุปตะ |
พระราชบิดา | พระเจ้าสมุทรคุปต์ |
พระราชมารดา | Dattadevi |
ศาสนา | ฮินดู[2] |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
การยุทธ์ |
|
จันทรคุปต์ที่ 2 ดำเนินนโยบายขยายดินแดนของพระเจ้าสมุทรคุปต์ต่อผ่านการพิชิตทางทหารและพันธมิตรผ่านการสมรส หลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันถึงชัยชนะอันน่าทึ่งของพระองค์ ซึ่งรวมถึงการเอาชนะจักรวรรดิซาเซเนียน[3]การพิชิตเซแทร็ปตะวันตก และทำให้หุนาเป็นรัฐบริวาร ในรัชสมัยจันทรคุปต์ที่ 2 จักรวรรดิคุปตะอยู่ในช่วงสูงสุด โดยควบคุมดินแดนกว้างขวางจากแม่น้ำอามูดาร์ยา[4]ทางตะวันตกถึงภูมิภาคเบงกอลทางตะวันออก และจากตีนเขาหิมาลัยทางเหนือถึงแม่น้ำนรรมทาทางใต้ จันทรคุปต์ที่ 2ทรงขยายอิทธิพลและปกครองเหนือภูมิภาค Kuntala ของ Karnataka ทางอ้อมด้วยพันธมิตรผ่านการสมรสกับ Kadambas และในช่วงที่ Prabhavatigupta พระราชธิดาปกครองเป็นผู้สำเร็จราชการ 20 ปี พระองค์จึงผนวกอาณาจักร Vakataka เข้ากับจักรวรรดิคุปตะ[5][6][7]
พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนเมืองหลวงจากกรุงปาตลีบุตรไปยังเมืองอุชเชนี พระองค์ทรงสนับสนุนศิลปะและวิทยาการแขนงต่าง ๆ ทำให้อารยธรรมอินเดียในช่วงนี้มีความเจริญสูงสุด พระองค์ยังได้รับพระสมัญญานาม "มหาราช" อีกด้วย
จันทรคุปต์ที่ 2 เป็นผู้นับถือลัทธิไวษณพอย่างเคร่งครัด แต่ก็ยอมรับศาสนาอื่นได้ด้วย ฝาเสี่ยน ผู้แสวงบุญชาวจีนที่เดินทางมาอินเดียในรัชสมัยพระองค์เสนอแนะว่าพระองค์ปกครองอาณาจักรอันสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง วิกรมาทิตย์ในตำนานน่าจะอิงจากจันทรคุปต์ที่ 2 (กับพระองค์อื่น ๆ) และระบุว่ากาลิทาส นักกวีสันสกฤตอาจเป็นกวีในราชสำนักของพระองค์ วิหารถ้ำที่อุทัยคีรีก็สร้างขึ้นในรัชสมัยพระองค์
ชีวิตช่วงต้น
แก้จันทรคุปต์เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าสมุทรคุปต์กับราชินี Dattadevi ตามที่ปรากฏในจารึกของพระองค์เอง[8] ตามข้อมูลลำดับวงตระกูลคุปตะทางการ จัทรคุปต์ขึ้นครองราชย์ถัดจากพระราชบิดา บทละครสันสกฤต เทวีจันทรคุปตัมกับหลักฐานอื่นเสนอแนะว่า พระองค์มีพระเชษฐานามรามคุปต์ที่ครองราชย์ก่อน ในบทละคร รามคุปต์ตัดสินพระทัยยกราชินี Dhruvadevi ให้แก่ศัตรูศกะตอนถูกล้อม แต่จันทรคุปต์เสด็จไปยังค่ายของศัตรูโดยปลอมตัวเป็นราชินีและสังหารศัตรู ในเวลาต่อมา จันทรคุปต์ทรงปลดรามคุปต์ออกจากราชบัลลังก์ และขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่[9] ความเป็นประวัติศาสตร์ของเรื่องเล่านี้เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ยุคใหม่ โดยบางคนเชื่อว่าเรื่องเล่าดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ในขณะที่บางคนก็มองว่าเป็นเพียงผลงานที่แต่งขึ้นเท่านั้น[10][11]
อ้างอิง
แก้- ↑ *1910,0403.26
- ↑ Doniger, Wendy (2009). The Hindus: An Alternative History (ภาษาอังกฤษ). p. 379. ISBN 9781594202056. สืบค้นเมื่อ 2022-09-24.
- ↑ Prakash, Buddha (1962). Studies in Indian History and Civilization (ภาษาอังกฤษ). Shiva Lal Agarwala.
- ↑ Agrawal, Ashvini (1989). Rise and Fall of the Imperial Guptas (ภาษาอังกฤษ). Motilal Banarsidass Publ. p. 240 & 264. ISBN 978-81-208-0592-7.
- ↑ Raychaudhuri, Hem Channdra (1923). Political history of ancient India, from the accession of Parikshit to the extinction of the Gupta dynasty. Robarts - University of Toronto. Calcutta, Univ. of Calcutta. pp. 282–288.
- ↑ Annual Report Of Mysore 1886 To 1903.
- ↑ Hermann Kulke & Dietmar Rothermund 2004, p. 91.
- ↑ Tej Ram Sharma 1989, p. 148.
- ↑ Upinder Singh 2008, p. 479.
- ↑ D. C. Sircar 1969, p. 139.
- ↑ R. C. Majumdar 1981, p. 51.
บรรณานุกรม
แก้- Ashvini Agrawal (1989). Rise and Fall of the Imperial Guptas. Motilal Banarsidass. ISBN 978-81-208-0592-7.
- D. C. Sircar (1969). Ancient Malwa And The Vikramaditya Tradition. Munshiram Manoharlal. ISBN 978-8121503488.
- Dilip Kumar Ganguly (1987). The Imperial Guptas and Their Times. Abhinav. ISBN 978-81-7017-222-2.
- Harry Falk (2004). "The Kaniṣka era in Gupta Records". Silk Road Art and Archaeology. Institute of Silk Road Studies, Kamakura. 10: 167–176.
- Hermann Kulke; Dietmar Rothermund (2004). A History of India. Psychology Press. ISBN 978-0-415-32920-0.
- J. N. Banerjea (1982). "Vaishnavism, Saivism and Minor Sects". ใน R. C. Mujumdar (บ.ก.). A Comprehensive History of India. Vol. III, Part II. Indian History Congress / Orient Longmans.
- Kailash Chand Jain (1972). Malwa Through the Ages, from the Earliest Times to 1305 A.D. Motilal Banarsidass. ISBN 978-81-208-0824-9.
- R. C. Majumdar (1981). A Comprehensive History of India. Vol. 3, Part I: A.D. 300-985. Indian History Congress / People's Publishing House. OCLC 34008529.
- Romila Thapar (2013). The Past Before Us. Harvard University Press. ISBN 978-0-674-72651-2.
- Upinder Singh (2008). A History of Ancient and Early Medieval India: From the Stone Age to the 12th Century. Pearson Education India. ISBN 978-81-317-1677-9.
- Tej Ram Sharma (1989). A Political History of the Imperial Guptas: From Gupta to Skandagupta. Concept. ISBN 978-81-7022-251-4.
- Tej Ram Sharma (1978). Personal and Geographical Names in the Gupta Inscriptions. Concept. p. 49. OCLC 5413655.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Chandragupta II
- Coins of Chandragupta II
ก่อนหน้า | พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าสมุทรคุปต์ | พระมหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิคุปตะ (พ.ศ. 919-958) |
พระเจ้ากุมารคุปต์ที่ 1 |