ผู้ใช้:KisSiEs/กระบะทราย6
ชิ้นพายแอ๊ปเปิ้ล | |
ส่วนผสมหลัก | เปลือกพาย |
---|---|
รูปแบบอื่น | พายรสหวาน, พายรสอื่นๆ |
พาย คือขนมอบที่โดยส่วนมากทำมาจากเพสทรี สอดไส้ไว้ข้างในมีทั้งไส้หวานหลากหลาย หรืออาจสอดไส้ด้วยเครื่องปรุงรสดีต่างๆ
พายแต่ละชนิดแยกตามประเภทของแป้งครัสต์ที่ห่อ กล่าวคือ พาย ใส่ไส้ (พายแป้งชั้นเดียว หรือ พายด้านล่าง) คือพายที่ใส่ไส้ไว้โดยไม่มีการปิดหน้า ส่วนพายที่ปิดแต่เฉพาะ แป้งด้านบน เรียกกันว่า คอบเบลอร์, เป็นพายแบบที่ใส่ไส้ในภาชนะแล้วปิดหน้าด้วยแป้งพายหรือส่วนผสมอื่น แล้วจึงนำเข้าไปอบ ส่วนพาย แป้งสองชั้น จะสอดไส้ตรงกลาง ห่อไส้ทั้งหมดไว้ด้วยแป้งพาย ส่วนแป้งพายร่วนกรอบ คือแป้งที่นิยมนำมาทำพาย, แต่จริงๆแล้วสามารถใช้ส่วนผสมอื่นๆก็ได้, อย่างเช่น แป้งขนมปังอบ, มันฝรั่งบด, และ ขนมปังบด
พายมีหลายขนาดมาก ตั้งแต่พายชิ้นสำหรับหนึ่งคำพอดี ไปจนถึงพายที่สามารถเสิร์ฟได้หลายที่
ความเป็นมา
แก้ความต้องการอาหารที่มีสารอาหารครบ, หาซื้อได้ง่าย, พกติดตัวง่าย, และสามารถเก็บได้นานเมื่อเดินทางไกล, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปทะเล, แต่เดิมจะใช้วิธีเตรียมอาหารโดยคนแล่เนื้อหรือกุ๊ก แต่วิธีนี้เปลืองพื้นที่ โดยเฉพาะการเดินป่าแรงม้า หรือการล่องเรือเล็กๆ อีกทั้งยังเสียเวลาท่องเที่ยวส่วนหนึ่งมาเตรียมอาหาร เห็นได้จาก กองทัพ ในสมัยแรกๆต้องปรับเปลี่ยนวิธีการออกหาอาหาร
ครั้งแรกที่นำเสนอวิธีการอบซีเรียล รวมถึงการเปิดตัวส่วนประกอบที่เรียกว่า แป้ง, ทำให้การทำอาหารดูง่ายขึ้น กะลาสีชาวอียิปต์ พกก้อนขนมปังร่วนๆที่ทำจากข้าวฟ่าง เรียกว่า เค้กดูรา, ขณะที่ ชาวโรมัน พก บิสกิต เรียกว่า บุคเซลลัม[1]
พายมีมานานแล้วตั้งแต่ 9500ปีก่อนคริสตกาล, ช่วงนีโอลีธิคของขาวอียิปต์ หรือ ยุคหินใหม่ ในช่วงนี้มีการใช้หินมาทำเป็นรูปร่างต่างๆโดยการขัดหรือบด, มีการเลี้ยงสัตว์ และปลูกพืช, มีการตั้งรกราก สร้างที่อยู่อาสัย, มีการหัตถกรรมอย่างเช่น เครื่องปั้นดินเผา และ สิ่งทอ พายในช่วงแรกจะมีรูปร่างแบนๆ, กลม หรืออาจจะเป็นรูปร่างอะไรก็ได้ เรียก กาเล็ตส์ ประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ตทำเป็นแป้งกรอบชั้นล่าง, ข้าวสาลี, ข้าวไรย์, หรือ บาร์เล่ย์ ซึ่งใส่ น้ำผึ้ง ไว้ข้างใน กาเล็ตส์เหล่านี้มีการพัฒนาจนกลายมาเป็น ขนมอบรสหวาน หรือ ของหวาน, หลักฐานสามารถดูได้จากผนังสุสานของ ฟาโรห์ รามเสสที่สอง, ผู้ซึ่งครองรัชสมัย 1304-1237 ก่อนคริสตกาล, ตั้งอยู่ใน อาณาจักรกษัตริย์[2] ย้อนกลับไป 2000 ปีก่อนคริสตกาล ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง มีการจารึกสูตรพายไก่ไว้ที่แผ่นจารึก ณ ซูเมอร์[3]
ชาวกรีกโบราณ เชื่อว่าพวกตนคือผู้ริเริ่มคิดค้นพายเพสทรี ในอริสโตเฟนส์ (ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล) กล่าวถึงอาหารคาวหวานที่ประกอบไปด้วยเพสทรีชิ้นเล็กๆสอดไส้ผลไม้ ไม่มีการกล่าวถึงเพสทรีว่าใช้เพื่ออะไร, ชาวกรีกรู้เพียงว่า อาหารที่ทำจากพาสทรีนั้นต่างจากการอบแบบทั่วไป (เมื่อมีการเติมไขมันลงไปในแป้งที่ผสมแล้ว ก็จะเรียกส่วนผสมที่ได้นี้ว่า เพสทรี) ชาวโรมันผสมเพสทรีด้วยแป้ง, น้ำมัน, และน้ำ ใช้ห่อหุ้มไส้เนื้อที่ผสมกับเนื้อสัตว์ปีกที่อบแล้ว, เพื่อเก็บความชุ่มชื้นไว้ (เพสทรีที่นำมาห่อไส้ไว้จะใช้เพื่อห่อเท่านั้น ไม่นำมาทาน; ภายหลังเรียกว่า 'พัฟฟ์') มีการทานส่วนเพสทรนี้ด้วยแต่จะผสมด้วยผสมที่ดีๆ คือมีการใส่ไข่หรือนกตัวเล็กๆ ส่วนมากเสิร์ฟที่งานเลี้ยง[4]
ในศตวรรษที่ 1 ตำราทำอาหารของชาวโรมัน เอพิเซียส มีการกล่าวอ้างถึงสูตรอาหารมากมาย รวมถึงพายด้วย[5] ช่วง 160 ปีก่อนคริสตกาล, รัฐบุรุษ มาร์คัส พอร์เซียส คาโต (234-149 ก่อนคริสตกาล) ผู้เขียน เดอ อะกรี คัลทูรา, ได้เขียนถึงสูตรพาย/เค้กที่โด่งดังเรียกว่า พลาเซนตา หรือที่ชาวโรมันเรียกว่า ลีบัม, รูปร่างเหมือน ชีสเค้ก ในปัจจุบัน, นิยมใช้บูชาเทพเจ้า ต่อมาในยุคจักรวรรดิโรมันมีการพัฒนาอย่างมาก มีเส้นทางเดินเพื่อการขนส่ง, ทำให้การทำพายเป็นที่รู้จักกันไปทั่วยุโรป[2]
พายยังคงเป็นเมนูอาหารหลักสำหรับคนทำงานหรือนักท่องเที่ยวในประเทศแถบยุโรปตอนเหนือ, โดยส่วนผสมจะขึ้นอยู่กับของในท้องถิ่นนั้นๆ ทั้งผักที่ปลูกและเนื้อสัตว์, เช่นเดียวกับฟาร์มปลูกธัญพืชในท้องถิ่น คอร์นิช เพสทรี คือพายที่เพิ่มเติมสารอาหารที่จำเป็นเข้าไปมากขึ้น เหมาะกับคนใช้แรงงาน[2]
การปรุงอาหารในสมัยกลางนั้น เนื่องจากเตาอบมีราคาแพง ค่าน้ำมันและค่าการดูแลสูง จึงมีการจำกัดการเข้าใช้เตาอบ พายนั้นสามารถทำโดยการเผาไฟตามปกติได้, สามารถปรุงไส้ได้ตามต้องการ คอฟฟินส์ คือขนมที่คล้ายพาย (จริงๆคำว่า คอฟฟินส์ ใช้กับตะกร้า หรือ กล่อง), มีการปิดทั้งด้านบนและล่าง; ถ้ามีการเปิดด้านบน เรียกว่า แทร็ปส์ นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำไมในช่วงสมัยแรกๆถึงเน้นการใส่ไส้ปิดขอบ เพราะมีการใช้เครื่องดินเผามาเป็นภาชนะทำให้ลำจำนวนแป้งที่ใช้ลง เพราะในสมัยนั้นแป้งมีราคาสูงมาก[6]
แหล่งอ้างอิงแรกของ "พายส์" ที่กล่าวว่า คืออาหารชนิดหนึ่งนั้น พบในอังกฤษ (เนื้อหาภาษา ลาติน) ในช่วงศตวรรษที่ 12, แต่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆมายืนยันจนกระทั่งในศตวรรษที่ 14 (อ็อกฟอร์ด อิงลิช ดิกชันนารี พาย)[2]
ซอง เบิร์ด(นกที่มีเสียงไพเราะเหมือนดนตรี) ในสมัยก่อนหายากและได้รับความคุ้มครองโดยกฏมณเฑียรบาล ในพิธีราชาภิเษกของกษัตริน์ เฮนรี่ที่ 6(1422–1461) ในปี 1429 เมื่อคราว 8 ชันษา, จึงเสิร์ฟ "พาร์ทรีช พีค็อก เอนแฮ็คกิล", คือพายที่สอดไส้ด้วยเนื้อนกยูงที่ห่อด้วยหนังของมันเอง นำนกที่ปรุงจัดวางไว้ที่ส่วนบนสุดของพาย เพื่อบอกให้ทราบกันว่าพายนั้นไส้เป็นอะไร, จนในภายหลังก่อนยุควิคตอเรียน เปลี่ยนมาประดับด้วยพอร์ชเลนมีช่องระบายไอน้ำแทน[2]
พิลกริม ฟาเธ้อส์ และผู้ตั้งรกรากคนอื่นๆได้นำสูตรพายมาที่ อเมริกา ด้วย, มีการปรับเปลี่ยนส่วนผสมและวิธีการทำ พายชิ้นแรกๆของพวกเขาเป็นพายเบอร์รี่และพายผลไม้ เป็นที่สนใจมากโดยพวก อเมริกันเหนือดั้งเดิม[2] เป็นเมนูที่สามารถทำได้ ใช้ส่วนผสมอะไรก็ได้ สามารถใช้กระทะก้นลึกมาสร้างรูปทรงของพายได้หลายแบบ[7]
ความหลากหลายในแต่ละที่
แก้พายเนื้อ สอดไส้ด้วยสเต๊ก, ชีส, สเต๊กและไต, เนื้อสับ, หรือ ไก่ และ เห็ด เป็นที่นิยมมากใน อังกฤษ[8] ออสเตรเลีย, แอฟริกาใต้ และ นิวซีแลนด์ เป็นของรองท้อง เสิร์ฟพร้อมกับ มันฝรั่งทอดแผ่น เป็นอีกเมนูที่คล้ายๆกับ ปลาและมันฝรั่งแผ่นทอด ที่ร้านมันฝรั่งทอดในอังกฤษ
พายในหม้อ รองแป้งพายด้านล่างและปิดด้วยแป้งพายข้างบน เป็นที่นิยมมากในอเมริกัน, ส่วนใหญ่แล้วจะสอดไส้ด้วยเนื้อ (พวก เนื้อวัว, เนื้อไก่, หรือ ไก่งวง), น้ำเกรวี่, และผักต่างๆ (มันฝรั่ง, แครอท, และถั่ว) มีพายหม้อแบบแช่แข็งในขนาดต่างๆวางจำหน่ายด้วย
พายผลไม้อาจเสอร์ฟพร้อมกับไอศครีม, ที่อเมริกาเหนือ เรียกว่า พาย อะ ลา โมเด พายของหวานส่วนมากเสิร์ฟแบบนี้ พายแอ๊ปเปิ้ล เป็นพายแบบดั้งเดิม ส่วนพายไส้หวานแบบอื่นๆจะเสิร์ฟแบบ อะ ลา โมเด เมนูนี้โด่งดังมากในช่วงกลางของยุค 1890 ในอเมริกา[9]
การขว้างพาย
แก้พายไส้ครีม หรือไส้อื่นๆเป็นที่นิยมใช้ขว้างเพื่อความสนุกกันมาก การขว้างพายใส่หน้าเริ่มมาจากหนังตลก เบน เทอร์พิน โดนขว้างพายใส่ในเรื่อง มิสเตอร์ ฟลิป ในปี 1909.[10] ในภายหลัง, การขว้างพาย กลายมาเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง
พายแบบต่างๆ
แก้รสชาติ
แก้-
พายไก่
พายรสหวาน
แก้พายบางชนิดชื่อพายแต่ไม่ได้หมายความถึงพายจริงๆ เช่น บอสตัน ครีม พาย ซึ่งจริงๆแล้วคือ เค้ก พายผลไม้และพายเบอร์รี่หลายๆแบบคล้ายกันมาก, แตกต่างกันก็ตรงชนิดของผลไม้ที่ใช้ทำไส้ โดยส่วนมากไส้นั้นจะนำมาผสมกัน ตัวอย่างเช่น สตอเบอร์รี่ รูบาร์บ พาย
-
พายลูกเกดในพายสไตล์สาน
อื่นๆที่เหมือนกัน
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "Ships Biscuits - Royal Navy hardtack". Royal Navy Museum. สืบค้นเมื่อ 14 January 2010.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 "History of Pie". whatscookingamerica.net. สืบค้นเมื่อ 2010-07-05.
- ↑ Somervill, Empires of Ancient Mesopotamia, p.69
- ↑ "Food Pies". FoodTimeline.org. สืบค้นเมื่อ 2010-07-05.
- ↑ Joseph Dommers Vehling, บ.ก. (1977). Apicius: Cookery and Dining in Imperial Rome. Dover:New York.
{{cite book}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ Odile Redon; และคณะ (1998). The Medieval Kitchen: Recipes from France and Italy. University of Chicago Press:Chicago. ISBN 0-226-70684-2.
{{cite book}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help); ใช้ et al. อย่างชัดเจน ใน|author=
(help) - ↑ Andrew Smith (บ.ก.). Oxford Encyclopedia of Food and Drink in America. Oxford University Press:New York.
{{cite book}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ "Pie". Encyclopædia Britannica. Chicago. สืบค้นเมื่อ 2008-09-12.
- ↑ ""Remember the à la mode!" (pie à la mode)". สืบค้นเมื่อ 2007-10-29.
- ↑ "A Very Brief History of Slapstick". Splat TV. 2003. สืบค้นเมื่อ 2009-01-29.
เชื่อมต่อลิ้งภายนอก
แก้- A Tale of Two Tarts by Monica Gaudio (contains info that can be added into article with references)
- Food Timeline, History Notes: Pie & Pastry
- A Wide Variety of Pie Recipes at recipeforpie.com