ปากานี ซอนดา

รถสปอร์ต
(เปลี่ยนทางจาก ปากานี ซอนด้า)

ปากานี ซอนดา (อังกฤษ: Pagani Zonda) เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนตร์กลางลำท้าย ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัท ปากานีจากอิตาลี เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1999 และหยุดสายการผลิตลงในปี ค.ศ. 2011 กับรุ่นพิเศษอื่นๆอีก 3 รุ่น คือ Zonda 760RS, Zonda 760LH และ Zonda 764 Passione และรุ่นพิเศษ Zonda 760RSJX ที่ยังคงดำเนินสายการผลิต โดยเริ่มสายการผลิตในช่วงปี ค.ศ. 2014[4] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 ซอนดา ได้ผลิตออกมาทั้งหมดแล้ว 135 คันด้วยกัน

ปากานี ซอนดา
ซอนดา เรโวลูเชี่ยน เป็น รุ่นย่อยสุดท้ายในสายการผลิต "ซอนดา" และออกจำหน่ายในตลาดเพียง 5 คัน
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิตปากานี
เริ่มผลิตเมื่อ
  • ค.ศ. 1999 – 2011[1]
  • ค.ศ. 1999 – 2019 (รวมรุ่นพิเศษ/one-off models still occasionally built in limited numbers)
แหล่งผลิตโมเดนา , ประเทศอิตาลี
ผู้ออกแบบโฮราซิโอ ปากานี (Horacio Pagani)
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภทรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง (Sports car)
รูปแบบตัวถัง
  • 2 ประตู เบอร์ลิเนตทา (berlinetta)
  • 2 ประตู โรดสเตอร์ (roadster)
  • 2 ประตู บาร์เชตตา (barchetta)
โครงสร้างเครื่องยนต์กลางลำหลัง ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR)
จำนวนประตู2 แบบบานเปิดธรรมดา
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
ระบบเกียร์
  • เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
  • เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ 6-speed
  • เกียร์กึ่งอัตโนมัติ 6 จังหวะ (Automated manual)
  • เกียร์กึ่งอัตโนมัติ 7 จังหวะ
มิติ
ระยะฐานล้อ2,730 mm (107.5 in)
ความยาว4,395–4,435 mm (173.0–174.6 in)
ความกว้าง2,055 mm (80.9 in)
ความสูง1,151–1,141 mm (45.3–44.9 in)
น้ำหนักน้ำหนักเปล่า:
1,210–1,280 kg (2,668–2,822 lb)[2][3]
ระยะเหตุการณ์
รุ่นต่อไปปากานี อูไอรา

เดิมทีก่อนที่ปากานีจะใช้ชื่อ "ซอนดา" ได้ใช้ชื่อ "ฟานจิโอ เอฟ1" (Fangio F1) ซึ่งมาจาก "จอห์น มานูเอล ฟานจิโอ" (Juan Manuel Fangio) นักแข่งรถฟอร์มูลาวันชาวอาร์เจนตินา ผู้เคยเป็นแชมป์สนามเอฟ1 ถึง 24 ครั้ง แต่ภายหลังเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1995 ก็ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อในปัจจุบัน ซึ่งหมายถึง "ลมซอนดา" ในประเทศอาร์เจนตินา การใช้ชื่ออิงมาจากประเทศอาร์เจนตินานั้น เป็นเพราะโฮราซิโอ ปากานี่ เจ้าของบริษัท เป็นชาวอาร์เจนตินาด้วยประการหนึ่ง[5]

รุ่นทั่วไป แก้

ซี12 แก้

 
ปากานี ซอนดา ซี12 (chassis no. 001)

ซอนดา ซี12 (Zonda C12) เปิดตัวในปี ค.ศ. 1999 ที่งานเจนีวามอเตอร์โชว์ ใช้เครื่องยนต์ 6.0 ลิตร ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ V12 สามารถให้กำลังได้ 389 แรงม้า (394 PS; 290 kW) ที่ 5,200 รอบ/นาที และแรงบิดที่ 570 นิวตัน·เมตร (420 lb·ft) ที่ 3,800 รอบ/นาที ใช้ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 4.2 วินาที

เอส แก้

 
ปากานี ซอนดา ซี12 เอส

ซอนดา ซี12-เอส (Zonda C12-S) ใช้เครื่องยนต์ 7.0 ลิตร (427 cu in) ของเอเอ็มจีโดยได้รับการแต่งเครื่องพิเศษ สามารถให้กำลังได้ถึง 540 แรงม้า (550 PS; 290 kW) ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 335 กม./ชม. (208 ไมล์/ชม.) ซอนด้า เอส ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 5 แสนดอลลาร์ หรือประมาณ 15 ล้านบาท

เอส 7.3 แก้

 
ปากานี ซอนดา S 7.3

ซอนด้า เอส (Zonda S 7.3) โมเดลปี ค.ศ. 2002 เป็นรุ่นเสริมของซอนดา เอส มีการเพิ่มขนาดเครื่องยนต์เป็น 7.3 ลิตร (445 cu in) ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอเอ็มจี สามารถให้กำลังได้ 547 แรงม้า (555 PS; 408 kW) และแรงบิดที่ 750 นิวตัน·เมตร (550 lb·ft) มีการปรับปรุงระบบแฮนเดิล แต่ก็ยังคงใช้ระบบเอบีเอสเช่นเดิม

 
ซอนด้า โรสเตอร์ สีเหลือง

ซอนดา โรสเตอร์ แก้

 
ปากานี ซอนดา โรสเตอร์

ซอนด้า โรสเตอร์ (Zonda Roadster) โมเดลปี ค.ศ. 2003 เป็นเวอร์ชันโรสเตอร์เปิดประทุนของ ซอนด้า เอส 7.3 โดยใช้เครื่องยนต์และทุกอย่างเหมือนเดิม ทางค่ายปากานี ได้กล่าวว่าสมรรถภาพของโรสเตอร์จะต้องเท่าคูเป โดยอ้างจากน้ำหนักที่ลดลงไป 30 กิโลกรัม (66 lb) ซอนด้า โรสเตอร์ผลิตมาเพียง 40 คันเท่านั้น[6]

ซอนดา เอฟ แก้

 
ปากานี ซอนดา เอฟ

ซอนด้า เอฟ (Zonda F หรือชื่อเต็มคือ Zonda Fangio ชื่อนักแข่งฟอร์มูลาวัน) เปิดตัวในปี ค.ศ. 2005 ในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ ซอนด้า เอฟ ถือเป็นรุ่นที่แพงที่สุดในบรรดารุ่นล่าสุดของซอนดาในขณะนั้น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 7.3 ลิตร ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอเอ็มจี V12 สามารถให้กำลังได้ 594 แรงม้า (602 PS; 443 kW) ที่ 6,150 รอบ/นาที และแรงบิดที่ 795 นิวตัน·เมตร (560 lb·ft) ที่ 4,000 รอบ/นาที ซอนดา เอฟ จะผลิตมาเพียง 25 คันในโลกเท่านั้น

ซอนดา โรสเตอร์ เอฟ แก้

 
ปากานี ซอนดา โรสเตอร์ เอฟ

ซอนดา โรสเตอร์ เอฟ (Zonda Roadster F) เปิดตัวในปี ค.ศ. 2006 ในเจนีวาออโตโชว์ เป็นเวอร์ชันโรสเตอร์เปิดประทุนของ ซอนด้า เอฟ โดยใช้เครื่องยนต์และทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนหลังคาคาร์ไฟเบอร์เป็นหลังคาผ้าใบ ที่มีน้ำหนักเพียง 5 กิโลกรัม (11 lb) ส่วนจำนวนการผลิต ผลิตจำนวนเท่ากับ ซอนด้า เอฟ ที่ 25 คันเช่นกัน

ซอนดา ชิงเคว แก้

 
ปากานี ซอนดา ชิงเคว

ปากานี ซอนดา ชิงเคว (Zonda Cinque; คำว่า ชิงเคว แปลว่า 5 ในภาษาอิตาลี) เป็นรุ่นที่มีผลิตเพียง 5 คันเท่านั้นตามชื่อรุ่น โดยจะวางขายประมาณ 2,193,070 ดอลลาร์ หรือประมาณ 65 ล้านบาท และได้ส่งสินค้าออกทั้งหมดในเดือน ค.ศ. 2009[7]

ชิงเคว นับว่าแตกต่างจะรุ่นก่อนหน้านี้มากอาทิ การเปลี่ยนไปใช้เกียร์ 6 จังหวะแบบซีเควนเชียล (Sequential) ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.4 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม. (217 ไมล์/ชม.) ชิงเคว ยังได้รับการปรับปรุงคาร์บอน ไฟเบอร์ใหม่ที่เรียกว่า "คาร์บอน-ไทเทเนียม" ซึ่งเสริมความแข่งแแกร่งให้กับรถมากยิ่งขึ้น สำหรับกำลังทำได้สูงสุดที่ 669 แรงม้า (678 PS; 499 kW) และแรงบิดสูงสุดที่ 780 นิวตัน·เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที[8]

ชิวเคว โรดสเตอร์ แก้

 
ปากานี ชิงเคว โรดสเตอร์ ผลิตมาเพียง 5 คันเท่านั้น

ปากานี ซอนดา ชิงเคว โรดสเตอร์ (Zonda Cinque Roadster) เหมือนรุ่นคูเป้ทุกประการเพียงแค่ปรับเป็นหลังคาเปิดประทุนได้ และผลิตออกมาเพียง 5 คันเช่นเดียวกัน

ซอนดา ไทรคอลอร์ แก้

 
ปากานี ซอนดา ไทรคอลอร์

ซอนดา ไทรคอลอร์ (Zonda Tricolore; คำว่า ไทรคอลลอร์ แปลว่า 3 สีในภาษาอิตาลี) ) ถือเป็นรุ่นท้ายสุดของตระกูลรถที่นำหน้าด้วย "ซอนดา" จะผลิตสู่ตลาดเพียง 3 คันเท่านั้น โดยโครงสร้างส่วนใหญ่มาจาก ซอนดา ชิวเคว ตัวถังไม่มีการทาสี โดยใช้สีจากคาร์บอน ไฟเบอร์ ที่มีเพียงสีฟ้าอ่อนเครือบ และใช้สีแดง ขาว และเขียวตามขอบจมูกสามเหลี่ยมด้านหน้าของรถ ไทรคอลอร์ จะจำหน่ายเพียง 1.2 ล้านยูโร หรือประมาณ 48 ล้านบาท

รุ่นพิเศษ แก้

เป็นรุ่นที่จัดทำโดยบริษัทแต่งรถยนต์และจากทางค่ายเอง

  • Zonda Monza
  • GJ
  • Uno
  • HH
  • 750
  • Absolute
  • PS
  • Zonda F Roadster Final Edition
  • 760RS
  • 760LH
  • 764 Passione
  • 760 Fantasma
  • 760 Kiryu
  • 760 AG
  • 760 LM
  • 760 LM roadster
  • 760 OLIVER Evolution
  • 760 Riviera
  • 760 Aether Roadster

ซอนดา อาร์ แก้

ซอนดา อาร์
 
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิตปากานี
เริ่มผลิตเมื่อค.ศ. 2009–2011 (15 คัน)
ผู้ออกแบบโฮราซิโอ ปากานี (Horacio Pagani)
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภทแทร็กเดย์ (Track Day)
รูปแบบตัวถัง2 ประตู คูเป
โครงสร้างเครื่องยนต์กลางลำหลัง ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR)
รุ่นที่คล้ายกันปากานี อูไอรา
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์6.0 L เครื่องยนต์เมอร์เซเดส M120 V12
ระบบเกียร์เกียร์ธรรมดาแบบจังหวะต่อเนื่อง Xtrac 672 6 จังหวะ
มิติ
ระยะฐานล้อ2,785 mm (109.6 in)
ความยาว4,886 mm (192.4 in)
ความกว้าง2,014 mm (79.3 in)
ความสูง1,141 mm (44.9 in)
น้ำหนัก1,070 kg (2,359 lb) (น้ำหนักเปล่า)

ปากานี ซอนดา อาร์ (อังกฤษ: Pagani Zonda R) เปิดตัวในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ 2007 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร V12 รุ่น M120 ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เครื่องเดียวที่ใช้กับรุ่น ซีแอลเค จีทีอาร์ อดีตรุ่นที่เร็วและแพงที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสามารถให้กำลังได้ถึง 740 แรงม้า (750 PS; 552 kW) ที่ 8,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 710 นิวตัน·เมตร (524 lb·ft) ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 2.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 355 กม./ชม. (220 ไมล์/ชม.)[9]

ซอนด้า อาร์ มีลักษณะคล้ายกับ เฟอร์รารี่ เอฟเอ็กซ์เอ็กซ์ และ มาร์เซราติ เอ็มซี12 ซึ่งออกเป็นแนวรถแข่งในสนาม ซอนด้า อาร์ จะผลิตออกมาเพียง 15 คันเท่านั้น

ซอนดา อาร์ อีโวลูชั่น แก้

ซอนดา อาร์ อีโวลูชั่น (Zonda R Evolution) เป็นรุ่นพัฒนาของซอนดา อาร์ มีการใช้คาร์บอน-ไฟเบอร์ สีขาวไข่มุก บริเวณจมูกด้านหน้าของรถ มีการปรับแรงม้าถึง 800 ตัว (597 kW; 811 PS) มีการปรับปรุงระบบแอโรไดานามิก และเสริมสปริตเตอร์รอบข้าง

ซอนดา เรโวลูเชี่ยน แก้

 
ปากานี่ ซอนดา เรโวลูเชี่ยน

ปากานี่ ซอนดา เรโวลูเชี่ยน (Zonda Revolución) ถือเป็นรุ่นสุดท้าย และท้ายสุดของตระกูลซอนดาอย่างแท้จริง ด้วยการวางจำหน่ายเพียงแค่ 5 คันเท่านั้น และแต่ละคันมีราคารวมภาษีกว่า 2.2 ล้านยูโร ตัวรถมีการปรับกำลังเท่ากับซอนดา อาร์ อีโวลูชั่น คือ 800 ตัวเช่นเดิม สามารถทำความเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.6 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม. (217 ไมล์/ชม.)[10]

ซอนดา HP บาร์เซตตา แก้

 
ปากานี ซอนดา HP บาร์เซตตา ผลิตมาเพียง 3 คันเท่านั้น

ปากานี่ ซอนดา HP บาร์เซตตา (Zonda HP Barchetta) เป็นไฮเปอร์คาร์ที่เราเอามาแนะนำกันในวันนี้ก็คือเจ้า Pagani Zonda HP Barchetta รถรุ่นพิเศษที่ถูกผลิตออกมาเพียงแค่ 3 คันบนโลกเท่านั้น!! ถึงแม้ว่าทางค่ายรถหรูจากแดนมักกะโรนีค่ายนี้จะยุติสารการผลิตของพวกเขาไปตั้งแต่เมื่อปี 2011 แล้ว แต่ทว่าด้วยความนิยมทำให้ Pagani Zonda ได้มีโอกาสกลับมาพบกับแฟนๆ อีกครั้ง และในรุ่นพิเศษนี้ก็ได้เติมอักษรย่อ HP ซึ่งย่อมาจากชื่อของ Horacio Pagani เข้าไปด้วย Pagani Zonda HP Barchetta มาพร้อมกับการออกแบบที่โดดเด่น และวัสดุระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์สีน้ำเงินดำ กระจกบังลมที่บางลง และพวงมาลัยไม้หุ้มหนังสีฟ้า แต่น่าเสียดายที่รถรุ่นพิเศษคันนี้ไม่ได้ติดตั้งหลังคามาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาแข็ง หรือหลังคาผ้าใบทางค่ายก็ไม่ได้ใส่มาให้ และแล้วก็มาถึงตอนที่ทุกคนรอคอย สนนราคาสำหรับ Pagani Zonda HP Barchetta คันนี้อยู่ที่ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเงินไทยก็ราวๆ 500 ล้านบาท

อ้างอิง แก้

  1. © duPont REGISTRY™ (2007-03-08). "2013 Pagani Zonda R Evo Review, Specs, and Pictures". © duPont REGISTRY™. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-28. สืบค้นเมื่อ 2012-08-10.
  2. "Zonda Tricolore". Pagani Automobili. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-30. สืบค้นเมื่อ 2016-12-06.
  3. "Zonda S 7.3". Pagani Automobili. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-22. สืบค้นเมื่อ 2016-12-06.
  4. "2014 Pagani Zonda 760 RSJX".
  5. http://www.autoevolution.com/pagani/history/
  6. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-24. สืบค้นเมื่อ 2015-05-11.
  7. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-11-29. สืบค้นเมื่อ 2015-05-11.
  8. http://www.topcarrating.com/2008-pagani-zonda-cinque.php
  9. http://www.topcarrating.com/2009-pagani-zonda-r.php
  10. http://www.topcarrating.com/2013-pagani-zonda-revolucion.php