บูษัยนา บินต์ ตัยมูร อาล ซะอีด

ซัยยิดา บูษัยนา บินต์ ตัยมูร อาล ซะอีด (อาหรับ: بثينة بنت تيمور آل سعيد; ประสูติ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2480) หรือ เซ็ตสึโกะ อารุ ซาอีโดะ (ญี่ปุ่น: 節子・アール・サイード)[1][2] เป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในสุลต่านตัยมูร บิน ฟัยศ็อล ประสูติแต่คิโยโกะ โอยามะ สตรีชาวญี่ปุ่น เป็นพระขนิษฐาต่างพระชนนีในสุลต่านซะอีด บิน ตัยมูร เป็นพระปิตุจฉาของสุลต่านกอบูส บิน ซะอีด และสุลต่านฮัยษัม บิน ฏอริก

บูษัยนา บินต์ ตัยมูร อาล ซะอีด
ประสูติ10 ตุลาคม พ.ศ. 2480 (87 ปี)
โคเบะ จักรวรรดิญี่ปุ่น
พระบุตร1 พระองค์
ราชวงศ์อาลบูซะอีด
พระบิดาสุลต่านตัยมูร บิน ฟัยศ็อล
พระมารดาคิโยโกะ โอยามะ
ศาสนาอิสลามนิกายอิบาดี

พระประวัติ

แก้

พระชนม์ชีพช่วงต้น

แก้

พ.ศ. 2478 สุลต่านตัยมูร บิน ฟัยศ็อล สุลต่านแห่งโอมานซึ่งขณะนั้นทรงสละราชสมบัติไปแล้ว ได้เสด็จประพาสประเทศญี่ปุ่น และทรงพบกับคิโยโกะ โอยามะ (大山清子) สาวรุ่นชาวญี่ปุ่นวัย 19 ปี ที่โรงเต้นรำเมืองโคเบะ[1][2] จากนั้นพระองค์ก็นิวัตประเทศโอมานในระยะสั้น ก่อนเสด็จไปประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งเพื่อประกอบพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับคิโยโกะใน พ.ศ. 2479 และประทับที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นการถาวร[1][2] กระทั่ง พ.ศ. 2480 ทั้งสองมีพระราชธิดาด้วยกันหนึ่งพระองค์คือ บูษัยนา หรือพระนามในภาษาญี่ปุ่นว่า เซ็ตสึโกะ (節子)[1][2]

พระชนม์ชีพของบูษัยนาในวัยเยาว์กลับไม่ราบรื่นเมื่อพระชนนีป่วยเป็นวัณโรค คิโยโกะป่วยกระเสาะกระแสะต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง[1][2] อดีตสุลต่านตัยมูรมีพระดำริว่าพระธิดาน้อยอาจจะติดโรคจากชนนีได้ ทรงส่งบูษัยนาไปอยู่กับยายในประเทศญี่ปุ่น ส่วนอดีตสุลต่านทรงแยกไปประทับที่เมืองบอมเบย์ ประเทศอินเดีย เพียงลำพังพระองค์[1] กระทั่งคิโยโกะเสียชีวิตในพฤศจิกายน พ.ศ. 2482[1][2] อดีตสุลต่านเสด็จไปในพิธีปลงศพของพระชายาที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2483 พร้อมกับพาบูษัยนา พระธิดาน้อยเสด็จออกจากประเทศญี่ปุ่นด้วย[1][2]

นิวัตโอมาน

แก้

หลังเสด็จออกจากประเทศญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2483 พระองค์ประทับอยู่ที่เมืองการาจี ประเทศปากีสถานในระยะสั้น ก่อนเสด็จไปยังประทับที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดยพระชนกมีรับสั่งให้ซัยยิดา ฟาฏิมะฮ์ บิน อาลี อาล ซะอีด พระชายาพระองค์แรก ผู้เป็นพระชนนีของสุลต่านซะอีด บิน ตัยมูร พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ ถวายการอภิบาลพระราชธิดาน้อย[2] สุลต่านตัยมูรทรงตัดสินพระราชหฤทัยที่จะเลี้ยงกุมารีพระองค์นี้อย่างชาวโอมาน โดยตัดขาดจากความเป็นญี่ปุ่น และเมื่อบูษัยนาเจริญพระชันษาก็เสกสมรส มีพระโอรสพระองค์หนึ่ง[2]

ทว่าสุลต่านซะอีด บิน ตัยมูร ซึ่งเป็นสุลต่านแห่งโอมานและเป็นพระเชษฐาต่างพระชนนี ทรงจำสนมบูษัยนาอยู่แต่ในพระตำหนักภายในพระราชวังหลวงกรุงมัสกัต เช่นเดียวกันกับกอบูส บิน ซะอีด อาล ซะอีด ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระองค์เอง จนกระทั่งสุลต่านซะอีดถูกรัฐประหารถอดออกจากตำแหน่งสุลต่าน กอบูสจึงเสวยราชสมบัติแทนใน พ.ศ. 2513[3] จากนั้นสุลต่านกอบูสทรงยกเลิกการจำสนมของบูษัยนาในปีเดียวกัน บูษัยนาจึงมีโอกาสเสด็จกลับประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เพื่อทรงเยี่ยมหลุมศพของพระชนนี[2]

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

แก้

สถานีโทรทัศน์ฟูจิทีวีของประเทศญี่ปุ่น ออกรายการพิเศษสองตอน อันเป็นเรื่องราวของบูษัยนากับคิโยโกะ ได้แก่ ตอน Unbelievable (เหลือเชื่อ) ออกอากาศใน พ.ศ. 2559[4] และตอน The Nonfiction (จากเรื่องจริง) ออกอากาศใน พ.ศ. 2561[5]

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 Endou, Haru (2009). オマーン見聞録 (ภาษาญี่ปุ่น). Tenbosha.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 al-Madani, Abdullah (2018-11-25). "تيمور بن فيصل.. أول سلطان عاش في اليابان من أهل الخليج". Al Bayan (ภาษาอาหรับ). สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.
  3. "Sultan of Muscat and Oman Is Overthrown by Son". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 1970-07-27. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.
  4. "国境を越えた愛の物語 〜80年前のシンデレラ〜". Fuji TV (ภาษาญี่ปุ่น). 2016-02-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-24.
  5. "ザ・ノンフィクション: 私の姪はアラブの王女". TVでた蔵 (ภาษาญี่ปุ่น). 2018-03-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-12-05. สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.