บาปใหญ่ (ศาสนาอิสลาม)
บาปใหญ่ ในสาระธรรมคำสอนของศาสนาอิสลาม หมายถึง บาปต่างๆ ที่อัลกุรอาน และรายงาน (ริวายะฮ์) ต่างๆ จากบรรดาอิมามของชีอะฮ์ ได้สัญญาบทลงโทษแห่งไฟนรกเอาไว้ สำหรับจำนวนบาปใหญ่นั้นมีความแตกต่างกันออกไปในนิกายต่างๆ ของอิสลาม บ้างก็กล่าวว่ามี 25 บาป บ้างก็กล่าวไว้ถึง 70 บาป [ต้องการอ้างอิง]
พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ในอัลกุรอาน บท นิซา โองการที่ 31 ว่า
﴿إِنْ تَجْتَنِبُوا كَبَائِرَ مَا تُنْهَوْنَ عَنْهُ نُكَفِّرْ عَنْكُمْ سَيِّئَاتِكُمْ وَنُدْخِلْكُمْ مُدْخَلًا كَرِيمًا﴾
หากพวกเจ้าปลีกตัวออกจากบาปใหญ่ทั้งหลายที่พวกเจ้าถูกห้ามให้ละเว้นมันแล้ว เราก็จะลบล้างความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเจ้า ออกจากพวกเจ้า และเราจะให้พวกเจ้าเข้าอยู่ในสถานที่อันมีเกียรติ
ตามสาระธรรมคำสอนของศาสนาอิสลามถือว่า ผู้ที่ทำบาปใหญ่แล้วไม่กลับตัวกลับใจ เขาคือคนชั่ว ซึ่งไม่อาจนมาซตามได้ การเป็นพยานของเขาจะไม่ถูกตอบรับ และภายหลังจากเสียชีวิตเขาคือผู้ที่ตัองได้รับการลงทัณฑ์จากพระผู้เป็นเจ้า นอกเสียจากว่าพระผู้เป็นเจ้าจะโปรดปรานแก่เขา โดยผ่านการได้รับการอนุเคราะห์จากท่านศาสดาแห่งอิสลามและลูกหลานผู้บริสุทธิ์ของท่าน ท่านศาสดาแห่งอิสลามได้ดำรัสไว้เกี่ยวกับการให้การอนุเคราะห์ว่า ฉันเก็บการอนุเคราะห์ของฉันไว้ให้แก่ประชาชาติของฉันที่ทำบาปใหญ่ การอนุเคราะห์ของฉันมีไว้สำหรับประชาชาติของฉันที่ทำบาปใหญ่ ส่วนผู้ทำความดี กล่าวคือละเว้นจากการทำบาปใหญ่พวกเขาย่อมไม่ได้รับการลงโทษ[1]
บาปและประเภทต่างๆ ของมัน
แก้บาป มี 2 ประเภท คือ:[2]
- บาปใหญ่
- บาปเล็ก
นิยามของบาปใหญ่
แก้บาปใหญ่ ตามความเชื่อของอิสลาม หมายถึง บาปที่ต้องได้รับการลงโทษ ผลจากการทำบาปใหญ่ คือ จิตวิญญาณของมนุษย์จะถูกลบออกไป หมายความว่า มนุษย์จะสูญเสียจิตวิญญาณอันเป็นธรรมชาติดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ไป จะบั่นทอนความปรารถนาที่จะทำความดีโดยเปลี่ยนเป็นความอยากที่จะทำบาปอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก
- ทุกบาปที่อัลกุรอานและฮะดีษกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นบาปใหญ่ (มากกว่า 40 บาปที่ถูกรายงานจากอะฮ์ลุลบัยต์[3]
- ทุกบาปที่กระทำแล้วอัลกุรอานหรือซุนนะฮ์ที่น่าเชื่อถือได้สัญญาการลงโทษด้วยไฟนรกไว้
- ทุกบาปที่อัลกุรอานหรือซุนนะฮ์รับรู้กันโดยทั่วว่าเป็นบาปใหญ่ ถือว่าเป็นบาปที่ใหญ่กว่า
- ทุกบาปที่ผู้เคร่งครัดและนักการศาสนาระดับสูงถือว่าเป็นบาปใหญ่ ในลักษณะที่มั่นใจได้ว่าการเป็นบาปใหญ่ของมันนั้นมีในยุคอิมามมะอ์ซูม เช่น การตั้งใจทำให้มัสญิดเป็นนะญิสเพื่อลบหลู่เกียรติบ้านของพระเจ้า การโยนอัลกุรอาน[4]
- การทำบาปเล็กซ้ำๆหรือยืนกรานทำบาปของเล็กซ้ำๆ ก็ถือว่าเป็นบาปใหญ่[5]
บาปใหญ่ในฮะดีษ
แก้มีรายงานจาก มูซา บุตร ญะอ์ฟัร ว่า วันหนึ่ง อัมร์ บุตร อุบัยด์ เข้าพบบิดาของฉัน ญะอ์ฟัร ซอดิก เขาได้กล่าวให้สลามและนั่งลง แล้วได้อ่านโองการที่ 35 ซูเราะฮ์ชูรอ จากนั้นก็นิ่งเงียบ
อิมามกล่าวแก่เขาว่า ทำไมท่านจึงไม่อ่านให้จบโองการเล่า ? ฉันกล่าวว่า ฉันต้องการทราบว่า บาปใหญ่ คืออะไร ? อิมามจึงกล่าวว่า
- การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์: บาปใหญ่ที่สุด คือ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ และสวรรค์เป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ที่ตั้งภาคี ดังที่ตรัวไว้ว่า "แท้จริงผู้ใดให้มีภาแก่อัลลอฮ์ แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงให้สวรรค์เป็นที่ต้องห้ามแก่เขา และที่พำนักของเขานั้นคือนรก"บทมาอิดะฮ์ โองการที่ 72)
- การสิ้นหวังจากความเมตตาของอัลลอฮ์: บาปหลังจากการตั้งภาคี คือ การสิ้นหวังจากความเมตตาของอัลลอฮ์ ผู้ใดที่สิ้นหวัง เขาคือ ผู้ปฏิเสธ ดังที่กุรอานกล่าวไว้ว่า "และพวกเจ้าอย่าสิ้นหวังต่อความเมตตาของอัลลอฮ์ แท้จริงไม่มีผู้ใดสิ้นหวังต่อความเมตตาของอัลลอฮ์ นอกจากหมู่ชนผู้ปฏิเสธ" (บทยูซุฟ โองการที่ 87)
- การมั่นใจว่าจะรอดพ้นจากการทดสอบและการลงโทษ: ไม่มีผู้ใดที่มั่นใจว่าจะปลอดภัยจากการทดสอบของอัลลอฮ์ได้นอกจากพวกที่ทุนเท่านั้น ดังที่กุรอานกล่าวไว้ว่า "ไม่มีใครมั่นใจว่าจะปลอดภัยจากอุบายของอัลลอฮ์ นอกจากกลุ่มชนที่ขาดทุนเท่านั้น" (บทอะอ์รอฟ โองการที่ 97) บาปใหญ่อีกประการหนึ่งคือ การดื้อดึงขัดขืนต่อพ่อแม่ และทรงถือว่าเป็นผู้เลวทรามต่ำช้า ดังมีในโองการที่ 32 ซูเราะฮ์มัรยัม ว่า“และทรงให้ฉันทำดีต่อมารดาของฉันและจะไม่ทรงทำให้ฉันเป็นผู้หยิ่งยะโส ผู้เลวทรามต่ำช้า”
- การเข่นฆ่าผู้ศรัทธา: บาปใหญ่อีกประการหนึ่งคือ การฆ่าผู้ศรัทธาโดยปราศจากการตัดสินตามบทบัญญัติศาสนา และอัลลอฮ์ทรงกำหนดให้นรกเป็นสถานที่พำนักของฆาตกร ดังที่ตรัสไว้ว่า "และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือ นรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงละนัตเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง" (บทนิซา โองการที่ 95)
- การใส่ร้ายและกล่าวหาผู้อื่นว่าผิดประเวณี :การลงโทษได้ถูกสัญญาไว้แล้วสำหรับผู้ที่ให้ร้ายเช่นนี้ ดังที่ตรัสไว้ว่า "แท้จริงบรรดาผู้กล่าวโทษบรรดาหญิงบริสุทธิ์ หญิงไม่รู้เรื่องอะไร หญิงผู้ศรัทธา พวกเขาถูกสาปแช่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างมหันต์" (บทนูร โองการที่ 23)
- การลิดรอนทรัพย์เด็กกำพร้า ไม่มีผลอันใดนอกจากการลงโทษเท่านั้น ดังที่อัลลอฮ์ตรัสว่า "แท้จริงบรรดาผู้ที่กินทรัพย์ของบรรดาเด็กกำพร้าด้วยความอธรรมนั้น แท้จริงพวกเขากินไฟเข้าไปในท้องของพวกเขาต่างหากและพวกเขาก็จะเข้าไปสู่เปลวเพลิง" (บทนิซา โองการที่ 11)
- การหนีจากสงคราม: เป็นสงครามที่ได้รับคำสั่งที่เป็นข้อบังคับ (วาญิบ) จากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) บรรดาอิมาม หรือตัวแทนเฉพาะของท่านศาสดาและบรรดาอิมาม ดังที่กล่าวไว้ว่า ผู้ใดหนีจากสงคราม ประดุจดังว่าเขาได้วิ่งเข้าหาความกริ้วของอัลลอฮ์ และสถานที่พำนักของเขาคือ นรก ซึ่งเป็นสถานพำนักที่เลวร้ายยิ่ง
- การกินดอกเบี้ย: อัลลอฮ์ตรัสเกี่ยวกับพวกกินดอกเบี้ยว่า ผู้ที่กินดอกเบี้ยจะได้ถูกฟื้นขึ้นมาจากสุสานในวันกิยามะฮ์ นอกจากชัยฏอนจะให้เขาอยู่ในสภาพมึนเมา
- ไสยศาสตร์และการเรียนการสอนไสยศาสตร์ : อัลลอฮ์ทรงตำหนิพวกนี้ไว้ว่า จงรู้ว่าเถิดว่า ในวันอาคิเราะฮ์ พวกเขาจะไม่รับประโยชน์อันใดเลยจากสวรรค์
- การผิดประเวณี: อัลลอฮ์ทรงสัญญาการลงโทษไว้แก่ผู้ผิดประเวณีว่า "และผู้ใดกระทำเช่นนั้น เขาจะได้พบกับความผิดอันมหันต์ การลงโทษในวันกิยามะฮ์จะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ" (บทฟุรกอน โองการที่ 68)
- การสาบานเท็จ: ในวันกิยามะฮ์จะไม่ยังประโยชน์ใดเลยแก่ผู้ที่สาบานเท็จ ดังที่ตรัสไว้ว่า บรรดาผู้ที่ขายสัญญาอัลลอฮ์และการสาบานของตนด้วยราคาอันน้อยนิด พวกเขาย่อมไม่รับความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าในวันกิยามะฮ์
- การทรยศและการยักยอก: การทรยศต่อศาสนา ชาติและประชาชน ส่วนผู้ทรยศและยักยอกนั้นย่อมได้รับการลงโทษ ดังที่ตรัสว่า"และผู้ใดทรยศแล้ว เขาก็จะนำสิ่งที่เขายศนั้นมาในวันกิยามะฮ์แล้วแต่ละคนจะได้รับการตอบแทนอย่างครบถ้วน ตามที่เขาได้แสวงหาไว้ โดยที่พวกเขาจะไม่ได้รับความอยุติธรรม" (บทอาลิอิมรอน โองการที่ 161
- การไม่จ่ายซะกาต: อัลลอฮ์ตรัสเกี่ยวกับผู้ที่ไม่จ่ายซะกาตไว้ว่า “วันที่มันจะถูกเผาไฟนรกแห่งญะฮันนัม แล้วหน้าผากของพวกเขา และสีข้างของพวกเขา และหลังของพวกเขาจะถูกนาบด้วยมัน นี้แหละคือสิ่งที่พวกเจ้าได้สะสมไว้ เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง ดังนั้นจงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าสะสมไว้เถิด" (บทเตาบะฮ์ โองการที่ 35)
- การปกปิดและเป็นพยานเท็จ: โองการที่ 72 บทฟุรกอน กล่าวว่า "และพวกเจ้าจงอย่าปกปิดพยานหลักฐาน และผู้ใดปกปิดมันไว้ แน่นอนหัวใจของเขาก็มีบาป และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ" (บทบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 283)
- การดื่มสุราและไม่ทำนมาซ: อัลลอฮ์ทรงห้ามการดื่มสุราและของมึนเมาอื่นๆ เหมือนดังเช่นห้ามการบูชาเจว็ด และบาปใหญ่อีกประการหนึ่งคือ การไม่ทำนมาซ ท่านศาสนทูตกล่าวตำหนิผู้ที่ทิ้งการนมาซว่า ผู้ที่จงใจทิ้งการนมาซ เขาคือผู้ที่ออกจากการคุ้มครองของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์
- การบิดพลิ้วสัญญาและตัดญาติขาดมิิตร: พระองค์ทรงสาปแช่งพวกบิดพลิ้วสัญญาและตัดญาติขาดมิตรไว้ว่า " ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับการสาปแช่ง และจะได้ที่พำนักอันชั่วช้า" (บทเราะอ์ด โองการที่ 25) จากนั้น อัมร์ บุตร อุบัยด์ ก็ลากลับ ในสภาพที่ระทมและร้องไห้ และกล่าวว่า พินาศสิ้นแล้วสำหรับผู้ที่วินิจฉัยตามอำเภอใจตนและถือว่าความรู้และความประเสริฐนั้นทัดเทียมกับท่าน
บาปใหญ่ในมุมมองของ ซัยยิดอับดุลฮุเซน ดัสต์ฆีบ
แก้ซัยยิดอับดุลฮุเซน ดัสต์ฆีบ มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า ฆุนอฮอน กะบีเราะฮ์
- สิ้นหวังจากความเมตตาของอัลลอฮ์
[6] - การมั่นใจว่าจะรอดพ้นจากอุบายและการลงโทษของอัลลอฮ์[7]
- โกหก[8]
- การฆ่าคน การฆ่าผู้ที่อัลลอฮ์ทรงห้าม ถือว่าเลือดเนื้อของเขามีเกียรติ นอกจากเป็นไปตามการตัดสินตามบทบัญญัติของพระองค์ เช่น การกิศอศ และหลักว่าด้วยฮุดูด
- การตัดสัมพันธ์กับพ่อแม่[9]
- ลิดรอนสิทธิเด็กกำพร้า[10]
- การมดเท็จยังอัลลอฮ์ ศาสนทูตของพระองค์และบรรดาตัวแทนของพระองค์[11]
- หนีสงคราม[12]
- ตัดญาติขาดมิตร[13]
- เล่นไสยศาสตร์[14]
- การผิดประเวณี[15]
- การเสพสังวาสทางทวารหนัก[16]
- การขโมย
- การใส่ร้ายสาวบริสุทธิ์ว่าผิดประเวณี
- การปกปิดการเป็นพยาน[17]
- การเป็นพยานเท็จ[18]
- การละเมิดสัญญา
- โกงพินัยกรรม
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์[19]
- การกินดอกเบี้ย[20]
- ค่าตอบแทนจากสิ่งที่ฮะรอมและสินจ้างจากงานที่ฮะรอม
- การพนัน[21]
- การกินซากสัตว์ สุกร เลือด และสัตว์ที่ไม่ผ่านการเชือดด้วยพระนามของอัลลอฮ์ นอกจากในกรณีที่จำเป็นต้องกินเพื่อประทังชีวิต
- การอพยพและย้ายไปอยู่ในถิ่นที่ลำบากในการปฏิบัติศาสนกิจ
- การช่วยผู้อธรรมในการกดขี่ของเขา[22]
- การสนับสนุนให้ผู้อธรรมมีความเชื่อมั่น
- การกักสิทธิของผู้อื่น[23]
- สาบานเท็จ[24]
- ยะโส[25]
- สุรุ่ยสุร่าย[26]
- การทรยศ[27]
- นินทา[28]
- การใส่ร้าย
- หมกมุ่นกับความไร้สาระ
- การไม่ให้ความสำคัญกับการทำฮัจญ์[29]
- การไม่ทำนมาซ[30]
- การไม่จ่ายซะกาต[31]
- การทำบาปเล็กซ้ำแล้วซ้ำอีก[32]
- การสำเร็จความใคร่[33]
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- หนังสือ ฆุนอฮอน กะบีเราะ ของ ซัยยิดอับดุลฮุเซน ดัสต์ฆีบ ชีรอซี สำนักพิมพ์ ญะฮอน เตะฮ์ราน เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 6
- หนังสื7.อฆุนอฮาน กะบีเราะฮ์ ของ ซัยยิดอับดุลฮุเซน ดัสต์ฆีบ ชีรอซี สำนักพิมพ์ ซอบา เตะฮ์ราน พิมพ์ครั้งที่ 2
อ้างอิง
แก้- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، ص ۱۱
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، ص ۲۶
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، ص ۲۷
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، ص و ۲۷ و ۲۸
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، ص ۳۱
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۶۸
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۹۵
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۳۰۲
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۱۲۳
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۱۷۳
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۳۱۰
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۳۱
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۱۴۹
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۷۴
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۱۹۹
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۲۲۲
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۳۵۲
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۳۴۵
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۲۴۷
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۱۸۴
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۲۷۱
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۴۳
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۱۶
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۳۳۲
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۱۱۱
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۹۳
- ↑ گناهان کبیره، جلد۱، صفحهٔ ۳۷۹
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۲۳۹
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۱۹۸
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۱۶۳
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۱۷۹
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۲۲۶
- ↑ گناهان کبیره، جلد۲، صفحهٔ ۲۹۱