นกโกโรโกโส
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Aves
อันดับ: Cuculiformes
วงศ์: Cuculidae
สกุล: Carpococcyx
สปีชีส์: C.  renauldi
ชื่อทวินาม
Carpococcyx renauldi
Oustalet, 1896
นกโกโรโกโสในกรงเลี้ยง สวนสัตว์โตรอนโต
ภาพระยะใกล้ของนกโกโรโกโส ที่สวนนก เมือง Walsrode

นกโกโรโกโส (ชื่อวิทยาศาสตร์: Carpococcyx renauldi; อังกฤษ: coral-billed ground-cuckoo) เป็นนกที่อาศัยบนพื้นขนาดค่อนข้างใหญ่ ในวงศ์นกคัคคู (Cuculidae) เป็นนกประจำถิ่นของไทยและพบในลาว กัมพูชา และ เวียดนาม ลักษณะเด่นคือ ลำตัวสีเทา หัว คอ และหางยาวสีน้ำเงินม่วงเข้ม จะงอยปากสีแดงสด ขาสีแดงเข้ม คาดว่าขนาดประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว สภานะในปัจจุบันของนกโกโรโกโสอยู่ในระดับเกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ (VU)

อนุกรมวิธานและศัพทมูลวิทยา แก้

นกโกโรโกโส (Carpococcyx renauldi) มีชื่อลักษณะเฉพาะตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส เจ. เอ็น. เรโนลด์ (ค.ศ. 1838–1898) ซึ่งรวบรวมตัวอย่างพันธุ์พืชและสัตว์จำนวนมากระหว่างงานเผยแผ่ศาสนาในเวียดนาม และผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติเวียดนามในปี พ.ศ. 2441[2]

ชื่ออื่น: นกอีโหลง นกขายหมู[3]

ส่วนชื่อ นกโกโรโกโส กล่าวกันว่าที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากตอนที่นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล กำลังทำการรวบรวมรายชื่อนกชนิดต่าง ๆ ที่พบในประเทศไทย ตัวอย่างของนกชนิดนี้ถูกวางทิ้งไว้กับพื้นในสภาพสกปรกมอมแมม น.พ.บุญส่งจึงตั้งชื่อให้ว่า นกโกโรโกโส[4]

ในเอเซียสกุลนกโกโรโกโส (Carpococcyx) หรือเรียก “นกคัดคูดินเอเชีย” (Asian ground-cuckoo) ของวงศ์นกคัดคู (Cuculidae) มี 3 ชนิด นกโกโรโกโส (C. renauldi) เป็นชนิดที่หาดูได้ง่ายกว่าอีก 2 ชนิดหนึ่ง คือที่พบบนเกาะบอร์เนียว (นกโกโรโกโสบอร์เนียว –C. radiceus; Bornean Ground Cuckoo) และ ชนิดที่พบที่เกาะสุมาตรา (นกโกโรโกโสสุมาตรา –C. viridis; Sumatra Ground Cuckoo)

ลักษณะ แก้

นกโกโรโกโสเป็นนกที่อาศัยบนพื้นดิน มีรูปลักษณะแบบไก่ฟ้า[5] ลักษณะที่โดดเด่นโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่แจ้งคือ ลำตัวบนมีสีเทาออกฟ้าและด้านล่างสีเทาอ่อน หัว คอ อก ขนปีกนอกและหางยาวสีน้ำเงินม่วงเข้ม[5] เป็นมันแกมเขียวฟ้า[6] อกล่างสีเทาอ่อนออกเหลืิอง ขาสีแดงเข้ม ค่อนข้างยาว[7] ขนคลุมแข้งสีเทาอ่อน[8] ระหว่างรอบคอสีดำและอก-หลังสีเทาอาจมีแถบขนสีขาวคั่นบาง ๆ ปีกสีเทาหรือเป็นสีเทาอ่อนไล่จากเข้มสุดบนปลายปีกและหลังไปจนเป็นสีขาวที่อก[9] เมื่อกางปีกตะโพกเทาแกมน้ำตาล จะงอยปากสีแดงสดค่อนข้างหนาและโค้งงุ้มเล็กน้อย รอบตามีขนหรอมแหรม หนังรอบตาสีน้ำเงินม่วงหรือม่วงแดง ตาเหลือง

มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ความยาววัดจากปลายปากถึงปลายหางประมาณ 65–70 เซนติเมตร[7] ขนาดลำตัวยาว หางสีดำยาวประมาณ 35 เซนติเมตร[7]

นกโตเต็มวัยตัวผู้และตัวเมียสีสันคล้ายคลึงกัน[10] ขนหางในตัวผู้มีความยาวระหว่าง 29 ไม่เกิน 35 เซนติเมตร ในตัวเมียมีความยาวเฉลี่ย 33 เซนติเมตร

นกรุ่น มีหัวสีน้ำตาลเข้ม หน้าผากสีน้ำตาลแดง หนังรอบตาสีเทา ลำตัวส่วนบนเป็นสีน้ำตาล ส่วนล่างมีสีน้ำตาลแดง จะงอยปากสีน้ำตาลเข้ม[11]

การแพร่กระจายพันธุ์ แก้

เป็นนกประจำถิ่นของไทย[8][12] ลาว กัมพูชา และเวียดนาม[13] อาศัยในป่าหญ้ารก ในป่าดิบแล้ง ป่าโปร่ง ตั้งแต่พื้นที่ราบถึงไม่เกินความสูง 900 เมตร จากระดับน้ำทะเล[7][6][14] พบได้ค่อนข้างยาก ในประเทศไทยอาจพบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือและภาคตะวันตกเฉียงใต้[7][15] ได้แก่ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำยม จังหวัดแพร่[10] มีรายงานการพบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตะเบาะ-ห้วยใหญ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ และอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก[6] ในอินโดจีนอาจพบได้บ่อยในอดีต และพบบางส่วนน้อยมากในพื้นที่ที่สูงไม่เกิน 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล[14][16]

พฤติกรรมและนิเวศวิทยา แก้

นกโกโรโกโสเป็นนกที่อาศัยและหากินตามพื้นดินบริเวณที่มีลูกไม้หรือที่ปกคลุมแน่นด้วยพืช ชอบซ่อนตัวอยู่ตามกอหญ้า ถ้าถูกรบกวนจะวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว นกโกโรโกโสมักไม่ค่อยบินแม้ว่าจะบินได้เร็ว[7] พบเห็นได้ยากแม้มีขนาดใหญ่[5] เวลานอนจะขึ้นไปเกาะบนต้นไม้หรือกิ่งไผ่ที่ไม่สูงมาก ประมาณไม่เกิน 10 เมตร จากพื้นดินเช่นเดียวกับจำพวกไก่ และไก่ฟ้า[7]

เสียงร้องก้องดัง พยางค์แรกสั้น "ปู๊ป ปู้-วุ้บ" และ "วู้ว" ดังไกล ลากเสียงเล็กน้อย[5][6]

การหาอาหาร แก้

หาอาหารบนพื้นดิน อาหารได้แก่ แมลง หนอน สัตว์ขนาดเล็ก ปลวก ผลไม้ลูกไม้สุกที่หล่นจากต้น เช่น ไทร หว้า และตะขบป่า กินลูกไม้ เมล็ดพืช[7] นอกจากนี้การดักถ่ายด้วยกล้องยังพบว่า นกโกโรโกโสมีพฤติกรรมเดินหากินตามสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่อย่างกวางและหมูป่า[9] และส่งเสียงร้องซึ่งอาจเป็นที่มาของชื่อ นกขายหมู[ต้องการอ้างอิง]

การผสมพันธุ์ แก้

ผสมพันธุ์ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-–มิถุนายน[3] นกโกโรโกโสเป็นนกในวงศ์นกคัคคูเช่นเดียวกับแม่นกกาเหว่าซึ่งไม่ทำรังเลี้ยงลูกของตัวเอง แต่นกโกโรโกโสทำรังและเลี้ยงลูกเอง วางไข่ครั้งละ 2–4 ฟอง[10] ทำรังบนต้นไม้[7] สูงประมาณ 3–4 เมตร หรืออาจบนกิ่งไม้ที่เรี่ยพื้น[11]

ระยะฟักตัว 18 ถึง 19 วัน ลูกนกเพิ่งฟักไม่มีขน มีผิวสีน้ำตาลเข้ม เปิดตาในวันที่ 5 ออกจากรังเมื่ออายุระหว่าง 17–19 วัน เริ่มหาอาหารเองในวันที่ 28 ของชีวิต และแยกรังเมื่ออายุ 50–60 วัน[11]

การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับชีววิทยาการสืบพันธุ์ของนกชนิดนี้มีไม่มากโดยเฉพาะนกในธรรมชาติ คาดว่าไม่แตกต่างจากพวกนกบั้งรอกมากนัก[7]

การอนุรักษ์ แก้

ไม่มีการประมาณขนาดประชากรที่ชัดเจน[11] พบน้อยในถิ่นอาศัยที่เหมาะสม หรือ พบเห็นได้เฉพาะบางพื้นที่[12][14]

คาดว่าแนวโน้มประชากรนกโกโรโกโสในประเทศไทยและอินโดจีนลดลง เนื่องจากการล่าเพื่ออาหารและการค้านกที่เพิ่มขึ้น[14][11] จากหลักฐานการเพิ่มขึ้นของการล่าโดยใช้แร้วดักนก (cable-snaring) ประมาณว่าอัตราการลดจำนวนประชากรของนกโกโรโกโสใน 3 ประเทศน่าจะลดลงถึงร้อยละ 80 ในระยะเวลาเพียงสิบกว่าปี[14][9][17] ตลอดจนสาเหตุจากการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย[14] จากปัจจัยข้างต้นทำให้สภานะในปัจจุบันของนกโกโรโกโสอยู่ในระดับเกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ (VU) ในบัญชีแดงของ IUCN[14][9]

ในประเทศไทย แก้

นกโกโรโกโส (C. renauldi) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ลำดับที่ 53 [18]ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535[7][13] [11] และถูกจัดแสดงในสวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว[15]

อ้างอิง แก้

  1. แม่แบบ:Url=https://www.iucnredlist.org/details/22684138/0
  2. Beolens, Bo (2003). Whose bird? : men and women commemorated in the common names of birds. Michael Watkins. London: Christopher Helm. ISBN 0-7136-6647-1. OCLC 52357299.
  3. 3.0 3.1 นกโกโรโกโส. สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 17 มิถุนายน 2564.
  4. หน้า 88, 'ชีวิต' . "หลังเลนส์ในดงลึก" โดย ปริญญากร วรวรรณ. มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 26 เม.ย.–2 พ.ค. 2567 ปีที่ 44 ฉบับที่ 2280
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 "นกโกโรโกโส - eBird". ebird.org.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 "นกโกโรโกโส Coral-billed Ground Cuckoo ( Carpococcyx renauldi (Oustalet, 1896) )". www.lowernorthernbird.com.
  7. 7.00 7.01 7.02 7.03 7.04 7.05 7.06 7.07 7.08 7.09 7.10 นกโกโรโกโส/Coral-billed Ground-cuckoo (Carpococcyx renauldi). องค์การสวนสัตว์. สืบค้นเมื่อ 17 มิถุนายน 2564.
  8. 8.0 8.1 "นกโกโรโกโส Coral-billed Ground Cuckoo – ภาพถ่ายนกทุกชนิดที่พบในประเทศไทย".
  9. 9.0 9.1 9.2 9.3 "นกโกโรโกโส (Coral-billed Ground Cuckoo; Carpococcyx renauldi) จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net". oknation.nationtv.tv. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-24. สืบค้นเมื่อ 2021-06-17.
  10. 10.0 10.1 10.2 "Bloggang.com : : จันทร์น้อย : นกโกโรโกโส". BlogGang.
  11. 11.0 11.1 11.2 11.3 11.4 11.5 Erhitzøe, Mann, Brammer, Fuller: Cuckoos of the World. S. 211. ISBN 978-0-7136-6034-0
  12. 12.0 12.1 "นกโกโรโกโส Coral-billed Ground Cuckoo". Birds of Thailand: Siam Avifauna.
  13. 13.0 13.1 "นกโกโรโกโส - สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า". www.thaiwildlife.info.
  14. 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 14.6 International), BirdLife International (BirdLife (2018-08-06). "IUCN Red List of Threatened Species: Carpococcyx renauldi". IUCN Red List of Threatened Species.
  15. 15.0 15.1 นกโกโรโกโส DooAsia. สืบค้นเมื่อ 17 มิถุนายน 2564.
  16. Payne, R. & de Juana, E. (2018). Coral-billed Ground-cuckoo (Carpococcyx renauldi). In: del Hoyo, J., Elliott, A., Sargatal, J., Christie, D.A. & de Juana, E. (eds.). Handbook of the Birds of the World Alive. Lynx Edicions, Barcelona.
  17. Andy Symes (2018-04-17). "Archived 2018 topic: Coral-billed Ground-cuckoo (Carpococcyx renauldi): revise global status?". BirdLife's Globally Threatened Bird Forums (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-24. สืบค้นเมื่อ 2021-06-17.
  18. ราชกิจจนุเบกษา. เล่ม 111 ตอนที่ 51ก, 16 พฤศจิกายน 2537.