ทวิอักษร (อังกฤษ: digraph, bigraph, digram) หมายถึงกลุ่มอักษรสองตัวที่เขียนขึ้นเพื่อแทนหน่วยเสียงเสียงเดียวที่แปลกออกไป หรือใช้แทนหน่วยเสียงอื่นที่ไม่ใช่ค่าปกติของอักษรสองตัวนั้นมาประกอบกันตามอักขรวิธี เมื่อภาษาใดภาษาหนึ่งไม่สามารถใช้อักษรตัวเดียวเพื่อแทนเสียงนั้นได้ แต่บางครั้งการรวมทวิอักษรก็มิได้ทำให้เสียงพิเศษไปจากเดิม ซึ่งอาจแสดงถึงธรรมเนียมในอดีตว่าคำศัพท์เหล่านั้นเคยออกเสียงแตกต่างกันมาก่อน หรือคงไว้เพื่อรูปศัพท์เดิมที่ยืมมาจากภาษาอื่น

ในอักขรวิธีของบางภาษา อย่างเช่น ch ในภาษาเซอร์เบีย (เมื่อเขียนด้วยอักษรละติน) หรือภาษาเช็ก ทวิอักษรจะถูกจัดว่าเป็นอักษรตัวเดียวกัน นั่นหมายความว่าทวิอักษรนั้นจะเป็นอักษรตัวหนึ่งในลำดับอักษรของภาษา และไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียงลำดับ การย่อ หรือการแบ่งคำ

ภาษาไทย

แก้

ในภาษาไทยมีการใช้ทวิอักษรในรูปแบบของ อักษรควบไม่แท้ เช่น ทร ออกเสียง ซ เป็นต้น ส่วน อักษรควบแท้ และ อักษรนำ ไม่ถือว่าเป็นทวิอักษร เนื่องจากอักษรควบแท้และอักษรนำอ่านตามเสียงปกติของอักษรสองตัวนั้น เช่น คร ออกเสียง ค+ร หรือออกเสียงเป็นพยางค์ เช่น ขนม อ่าน ขะ-หนม เป็นต้น

อักษร ห ที่เติมหน้าพยัญชนะนาสิกและพยัญชนะเหลว ได้แก่ หง, หญ, (หณ), หน, หม, หย (และ อย), หร, หล, หว, (หฬ) ซึ่งอักษรเหล่านี้เป็นอักษรต่ำเดี่ยว จุดประสงค์เพื่อให้สามารถผันวรรณยุกต์ได้ครบทุกเสียง ซึ่งออกเสียงเป็นหน่วยเสียงเดิมไม่ใช่เสียงใหม่ จึงไม่นับเป็นทวิอักษรเช่นกัน

ภาษาอังกฤษ

แก้

ในภาษาอังกฤษมีทวิอักษรหลายคู่ ทั้งพยัญชนะและสระ พอยกตัวอย่างได้ดังนี้

  • ch มักใช้แทนเสียง /t͡ʃ/ หรือ /k/ ซึ่งมาจากภาษากรีก (chaos) หรือ /ʃ/ ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศส (chef)
  • ck ใช้แทนเสียง /k/
  • gh ใช้แทนเสียง /g/ เมื่ออยู่ต้นคำ หรือเสียง /f/ หรือไม่มีเสียงเมื่ออยู่ภายในหรือท้ายคำ (enough, though) รวมไปถึงคำประสมที่เกิดจากคำเหล่านั้น
  • ng ใช้แทนเสียง /ŋ/
  • ph ใช้แทนเสียง /f/
  • qu มักใช้แทนเสียง // หรือ /k/ ซึ่งโดยปกติแล้ว q จะต้องตามด้วย u
  • rh ใช้แทนเสียง /ɹ/ ซึ่งมาจากภาษากรีก (rhotic)
  • sc ปกติใช้แทนเสียง /s/ หรือ /ʃ/ เมื่อนำหน้า e และ i
  • sh ใช้แทนเสียง /ʃ/
  • th ใช้แทนเสียง /θ/ หรือ /ð/
  • wh ใช้แทนเสียง /ʍ/ ในบางสำเนียง ส่วนสำเนียงอื่นใช้ /w/ หรือออกเสียง /h/ เมื่อนำหน้า o (who, whole) ดูที่การรวมเสียง Wine–whine
  • wr ใช้แทนเสียง /ɹ/ เดิมทีนั้นออกเสียงเป็น /ɹʷ/ แต่ได้สูญหายไปในสำเนียงส่วนใหญ่

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างทวิอักษรที่เป็นสระ

  • ea มักใช้แทนเสียง /i:/, /ɛ/ หรือ /eɪ/
  • ie มักใช้แทนเสียง /i:/ หรือ /aɪ/
  • ai มักใช้แทนเสียง /ɛ/ หรือ /eɪ/
  • ei มักใช้แทนเสียง /i:/ หรือ /aɪ/ ซึ่งหาได้ยากกว่า
  • au มักใช้แทนเสียง /ɔ/
  • eu มักใช้แทนเสียง /ju/
  • ou มักใช้แทนเสียง /aʊ/ หรือ /u:/ ซึ่งหาได้ยากกว่า
  • aw มักใช้แทนเสียง /ɔ/
  • ew มักใช้แทนเสียง /ju/
  • ow มักใช้แทนเสียง /oʊ/ หรือ /aʊ/

ทวิอักษรแยก

แก้

คู่ของตัวอักษรที่ประกอบเป็นหน่วยเสียงนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกันเสมอไป เช่นกรณี e ที่ไม่ออกเสียงในภาษาอังกฤษ ตัวอย่างเช่น ลำดับ a_e ในภาษาอังกฤษคำว่า cake มีเสียง /eɪ/ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงเสียงในประวัติศาสตร์ 3 ครั้ง ได้แก่ cake เดิมทีออกเสียง /kakə/ ต่อมาพยางค์เปิด /ka/ ออกเสียงเป็นสระเสียงยาว และหลังจากนั้นเสียง schwa ตัวสุดท้ายก็หายไป เหลือเพียง /kaːk/ ต่อมาเสียงสระ /aː/ ก็กลายเป็น /eɪ/ ในภาษาอังกฤษมีทวิอักษรดังกล่าว 6 แบบ ได้แก่ ⟨a_e, e_e, i_e, o_e, u_e, y_e⟩[1]

อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรอาจถูกออกแบบโดยใช้ทวิอักษรไม่ต่อเนื่องก็ได้ ตัวอย่างเช่น ในอักษรซีริลลิกของภาษาตาตาร์ เราใช้ตัวอักษร ю เขียนทั้ง /ju/ และ /jy/ โดยปกติแล้วความแตกต่างจะเห็นได้ชัดจากส่วนอื่นของคำ แต่เมื่อไม่สามารถจำแนกเช่นนั้น จะใช้ลำดับ ю...ь แทน /jy/ เช่นใน юнь /jyn/ ซึ่งแปลว่า 'ถูก'

อักษรในตระกูลอักษรพราหมีมีลักษณะเฉพาะคือสระไม่ต่อเนื่อง เช่น อักษรไทย เ...อ /ɤː/ ใน เธอ /tɤː/ อย่างไรก็ตามในทางเทคนิคแล้ว อักษรเหล่านี้อาจถือเป็นเครื่องหมายเสริมสัทอักษรเท่านั้นไม่ใช่อักษรเต็มรูป ดังนั้นอักษรเหล่านี้จะเป็นทวิอักษรหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของคำจำกัดความ

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. Brooks, Greg (30 มีนาคม 2015). Dictionary of the British English Spelling System (Illustrated ed.). Open Book Publishers. pp. 460ff. ISBN 978-1-78374-107-6.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้
  •   วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ทวิอักษร