การทำแท้งในประเทศไทย
การทำแท้งในประเทศไทย ถูกกฎหมายหากอยู่ในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 หลังจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญใน พ.ศ. 2564 ได้วินิจฉัยว่ากฎหมายบางมาตราการทำแท้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ[1]
สถานะทางกฎหมาย
แก้สถานะทางกฎหมายของการทำแท้งในประเทศไทยอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา การทำแท้งเป็นสิ่งผิดกฎหมายยกเว้นในบางกรณี ซึ่งตามกฎหมายอนุญาตให้ยุติการตั้งครรภ์โดยแพทย์เท่านั้น โดย (1) จำเป็นต้องทำแท้งเนื่องจากสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ หรือ (2) การตั้งครรภ์เป็นผลมาจากการถูกข่มขืน หากนอกเหนือจากกรณีดังกล่าว ผู้ทำแท้งตนเอง มีโทษจำคุกสูงสุดสามปี และผู้ที่ทำให้หญิงแท้ง มีโทษจำคุกสูงสุดห้าปี (หากผู้ทำให้หญิงแท้งโดยไม่ยินยอม มีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี)[2]
ใน พ.ศ. 2532 ช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคเอดส์เพิ่มขึ้น แพทยสภาได้ปรึกษาหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าสามารถตีความกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำแท้งในกรณีที่มีการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งไม่สามารถคาดหมายได้ว่าหากเด็กเกิดออกมาแล้ว จะมีคุณภาพชีวิตที่ยอมรับได้หรือไม่ คณะกรรมการกฤษฎีกาตอบว่าไม่สามารถตีความเป็นอย่างนั้นได้ เนื่องจากกฎหมายอนุญาตให้พิจารณาเฉพาะสุขภาพของมารดาเท่านั้น ไม่ใช่เด็ก[3] ต่อมามีการถกเถียงเรื่องการตีความเรื่องสุขภาพ และแพทยสภาได้ออกข้อบังคับเมื่อปี 2548 ซึ่งตีความอย่างชัดเจนทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจว่า เป็นปัจจัยที่จำเป็นต้องทำแท้ง[4] ข้อบังคับนี้ตีความอย่างกว้างว่ารวมถึงผู้หญิงที่ความเครียดอย่างรุนแรง เนื่องจากมีโอกาสที่เด็กในครรภ์จะมีความพิการ กฎระเบียบดังกล่าวได้บังคับใช้เช่นเดียวกับคลินิกที่ดำเนินการโดยสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย เพื่อให้บริการทำแท้งแก่สตรีในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกเท่านั้น ส่วนผู้ที่ต้องการยุติการตั้งครรภ์ในไตรมาสที่สองต้องทำที่โรงพยาบาล ห้ามทำแท้งหลังจาก 28 สัปดาห์ไปแล้ว[5]
กระทรวงสาธารณสุข ออกควบคุมการทำแท้งด้วยยา ซึ่งการยุติทารกในครรภ์ที่อายุครรภ์น้อยกว่าเก้าสัปดาห์ทำได้หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์บางประการหรือทั้งหมดต่อไปนี้: (1) ความจำเป็นทางการแพทย์, (2) ความจำเป็นทางกฎหมาย (เช่น ถูกข่มขืน), (3) ผู้หญิงมีอายุต่ำกว่า 15 ปี (และยังไม่จดทะเบียนสมรส) (4) ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อความผิดปกติอย่างรุนแรงหรือความผิดปกติทางพันธุกรรม[6]:17
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 ยาสองชนิดที่ทำให้เกิดการแท้ง ได้แก่ มิฟีพริสโตน และมิโสโปรสตอล ได้รับการอนุมัติให้ใช้เป็นยายุติการตั้งครรภ์ในสถานพยาบาล และต้องสั่งยาโดยแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับการรับรอง ผู้หญิงที่กินยาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ด้วยตนเองมีโทษตามกฎหมาย[5][7]
ในคำตัดสินที่เผยแพร่เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่ากฎหมายการทำแท้งของประเทศไทยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 ซึ่งผู้ทำแท้งต้องจำคุกไม่เกิน 3 ปีและปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 27 และ 28 ซึ่งชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกันตลอดจนสิทธิและเสรีภาพในชีวิตของทุกคน ศาลมีคำสั่งให้แก้ไขมาตรา 301 ภายใน 360 วันนับจากวันพิพากษา กล่าวคือ ไม่เกิน 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564[8] ส่วนมาตรา 305 ซึ่งอนุญาตให้ทำแท้งได้อย่างถูกกฎหมายเมื่อการตั้งครรภ์เกิดจากการถูกข่มขืน หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมารดา ได้รับการวินิจฉัยว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้แก้ไขมาตรา 301 และ 305 ทั้งสองมาตราเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของประเทศไทยในปัจจุบัน
หลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 โดยมีสาระสำคัญคือการแก้ไขความในมาตรา 301 โดยปรับลดโทษลงเหลือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และ/หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และแก้ไขความในมาตรา 305 ซึ่งอนุญาตให้ทำแท้งได้ในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์[9] ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรรับหลักการร่างพระราชบัญญัตดังกล่าวเมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563[10] และผ่านการพิจารณาทั้งสามวาระเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2564 ด้วยคะแนนเสียง 276 ต่อ 8 เสียง และงดออกเสียง 54 เสียง[11] และผ่านการพิจารณาจากวุฒิสภาทั้งสามวะระเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 ด้วยคะแนนเสียง 166 ต่อ 7 เสียง[12] ร่างพระราชบัญญัติได้รับพระบรมราชานุญาตเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดไป[13]
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "Abortion laws to be amended by court ruling". Bangkok Post. 20 February 2020. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ "Thai Criminal Code; Chapter 3 Offence of Abortion (Sections 301-305)". Thailand Law Library. Siam Legal. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ อวิการัตน์ นิยมไทย (January–February 2011). "กฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้ง: Abortion act" (PDF). Chunniti: 167–176. ISSN 1686-3720. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-11-18. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ "ข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2548" [The Thai Medical Council’s Regulation On Criteria for Performing Therapeutic Termination of Pregnancy In accordance with Section 305 of the Criminal Code of Thailand, B.E. 2548] (PDF). Royal Thai Government Gazette. 122 (118D): 7–8. 15 December 2005. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ 5.0 5.1 Charuvastra, Teeranai (3 March 2017). "Abortion in Thailand: More safe and legal than you may have thought". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ "Situation Analysis of Adolescent Pregnancy in Thailand" (PDF). UNICEF. 2015. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ Ekachai, Sanitsuda (21 February 2020). "Historic ruling offers pro-choice hope" (Opinion). Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ "Abortion laws to be amended by court ruling". Bangkok Post. 20 February 2020. สืบค้นเมื่อ 25 February 2020.
- ↑ "Abortion in first 12 weeks to be allowed". Bangkok Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2020-11-17. สืบค้นเมื่อ 2021-01-26.
- ↑ "Historic abortion bill passes". Bangkok Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2020-12-24. สืบค้นเมื่อ 2021-01-26.
- ↑ "House passes early-stage abortion bill". Bangkok Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-01-21. สืบค้นเมื่อ 2021-01-26.
- ↑ "Thailand backs amendment allowing early-stage abortions". Reuters (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-01-26. สืบค้นเมื่อ 2021-01-26.
- ↑ "พระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2564" [An act Amending the Penal Code (No. 28) B.E. 2654 (2021)] (PDF). Royal Thai Government Gazette. 138 (10A): 1–2. 6 February 2021. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-02-06. สืบค้นเมื่อ 2021-02-09.