สาธารณสุขในประเทศไทย
โรคไม่ติดต่อเป็นภาระความเจ็บป่วยสำคัญในประเทศไทย ส่วนโรคติดเชื้อรวมทั้งมาลาเรียและวัณโรค ตลอดจนอุบัติเหตุจราจร เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญเช่นกัน[1] อัตราตายของบุคคลอายุระหวาง 15 ถึง 59 ปีอยู่ที่ 205 คนต่อ 1,000 คน อัตราตายอายุต่ำกว่าห้าปีอยู่ที่ 14 คนต่อ 1,000 การคลอดมีชีพ อัตราตายมารดาอยู่ที่ 48 ต่อ 100,000 การคลอดมีชีพ (ปี 2551)[2]
ปีของชีวิตที่สูญเสียจำแนกตามสาเหตุ ได้แก่ ร้อยละ 24 จากโรคติดต่อ ร้อยละ 55 จากโรคไม่ติดต่อ และร้อยละ 22 จากการบาดเจ็บ[2]
การคาดหมายคงชีพ
แก้การคาดหมายคงชีพในประเทศไทยเมื่อเกิด คือ 71 ปีสำหรับชาย 79 ปีสำหรับหญิง
โรคติดเชื้อ
แก้โรคติดเชื้อสำคัญในประเทศไทย เช่น ท้องร่วงจากแบคทีเรีย ตับอักเสบ ไข้เด็งกี มาลาเรีย สมองอักเสบญี่ปุ่น โรคพิษสุนัขบ้าและโรคฉี่หนู[3] ความชุกของวัณโรคอยู่ที่ 189 ต่อ 100,000 ประชากร[2]
เอชไอวี/เอดส์
แก้นับแต่มีรายงานเอชไอวี/เอดส์ครั้งแรกในประเทศไทยในปี 2527 มีผู้ใหญ่ป่วย 1,115,415 คนจนถึงปี 2551[4] และมีผู้เสียชีวิต 585,830 คนตั้งแต่ปี 2527 ในปี 2552 ความชุกของเอชไอวีในผู้ใหญ่คิดเป็นร้อยละ 1.3[5] ในปี 2552 ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความชุกของเอชไอวีสูงสุดในทวีปเอเชีย[6]
รัฐบาลเริ่มพัฒนาการสนับสนุนต่อผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์ และจัดหาทุนแก่กลุ่มสนับสนุนเอชไอวี มีการเริ่มโครงการสาธารณะเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสี่ยง แต่ยังมีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ป่วยอยู่ รัฐบาลจัดทุนสนับสนุนโครงการยาต้านรีโทรไวรัส และในเดือนกันยายน 2549 มีผู้ป่วยกว่า 80,000 คนได้รับยาดังกล่าว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐดำเนินการศึกษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยเพื่อสืบสวนประสิทธิภาพของการให้ยาแก่ผู้ฉีดยาเสพติดเข้าเส้นด้วยยาต้านรีโทรไวรัสทีโนโฟเวียร์ทุกวันเป็นมาตรการป้องกัน มีการออกผลการศึกษาในกลางเดือนมิถุนายน 2556 และเปิดเผยว่าสามารถลดอุบัติการณ์ของไวรัสในหมู่ผู้ได้รับยาร้อยละ 48.9 เทียบกับกลุ่มควบคุมซึ่งได้รับยาหลอก[7]
ความปลอดภัยทางอาหาร
แก้การปนเปื้อนจุลชีพในอาหารริมทางที่ถูกทิ้งไว้กลางแจ้งและถนนเปื้อนฝุ่น ตลอดจนการปนเปื้อนอาหารที่เก็บไว้ด้วยสารฆ่าสัตว์รังควานต้องห้ามหรือเป็นพิษ ตลอดจนผลิตภัณฑ์อาหารปลอม[8]
ในเดือนกรกฎาคม 2555 กลุ่มผลประโยชน์ผู้บริโภคเรียกร้องให้ห้ามสารฆ่าสัตว์รังควานเป็นพิษสี่ชนิดที่พบทั่วไปในพืชผัก บริษัทเคมีกำลังขอให้เพิ่มเข้าพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เพื่อให้ยังสามารถใช้ต่อไปได้ รวมทั้งมะม่วงส่งออกไปประเทศกำลังพัฒนาที่สั่งห้ามใช้สารแล้ว[8] ในปี 2547 มหาวิทยาลัยขอนแก่นดำเนินการศึกษาว่าประเทศไทยควรห้ามสารฆ่าสัตว์รังควาน 155 ชนิด โดยจัด 14 ชนิดว่าเร่งด่วน ได้แก่ คาร์โบฟูแรน, เมทิลโบรไมด์, ไดคลอร์วอส, แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน, เมทิดาไทออน-เมทิล, โอเมโทเอต, ซีตาไซเปอร์เมทริน, เอ็นโดซัลแฟนซัลเฟต, อัลไดคาร์บ, เอซินฟอส-เมทิล, เมโทซีคลอร์ และพาราควอต[9]
การใช้ยาปฏิชีวนะในทางที่ผิด
แก้การศึกษาโดยกระทรวงสาธารณสุขและเวลคัมทรัสต์ของบริเตนในเดือนกันยายน 2559 พบว่า มีบุคคลเสียชีวิต 2 คนต่อชั่วโมงจากการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาหลายชนิดในประเทศไทย อัตราดังกล่าวสูงกว่าในทวีปยุโรปมาก การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมในมนุษย์และปศุสัตว์นำสู่การเพิ่มจำนวนจุลชีพดื้อยา ทำให้เกิด "ซูเปอร์บั๊ก" สายพันธุ์ใหม่ที่ต้องใช้ยา "ทางเลือกสุดท้าย" ที่มีผลข้างเคียงเป็นพิษมารักษาเท่านั้น ในประเทศไทย ยาปฏิชีวนะสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในร้านขายยารวมทั้งร้านสะดวกซื้อบางที่โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา แบคทีเรียดื้อยาสามารถติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงระหว่างมนุษย์กับสัตว์ฟาร์ม เนื้อที่บริโภคหรือสิ่งแวดล้อม มักใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันมากกว่ารักษาโรค[10]
ในเดือนพฤศจิกายน 2559 ประเทศไทยประกาศเจตนาลดการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ (antimicrobial-resistant หรือ AMR) เหลือครึ่งหนึ่งภายในปี 2564 โดยมุ่งลดการใช้ยาปฏิชีวนะในมนุษย์ร้อยละ 20 และในสัตว์ร้อยละ 30 ประเทศไทยมีผู้ป่วย AMR ประมาณ 88,000 คนต่อปี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38,000 คนต่อปี ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ 42,000 ล้านบาท[11]
การตั้งครรภ์วัยรุ่น
แก้ในปี 2557 มีทารกเกิดจากมารดาอายุระหว่าง 15 ถึง 19 ปีประมาณ 334 คนต่อวัน[12]
มลภาวะ
แก้ธนาคารโลกประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยซึ่งระบุสาเหตุได้จากมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นจาก 31,000 คนในปี 2533 เป็นประมาณ 49,000 คนในปี 2556[13][14] หน่วยงานภาครัฐคาดการณ์ว่าปี 2567 ประเทศไทยจะมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากเอลนีโญ[15] ซึ่งฝุ่น PM 2.5 เป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น มะเร็งปอด[16] ทำให้แพทย์แนะนำให้สวมหน้ากากที่มีความสามารถในการกรองฝุ่น PM 2.5 ก่อนออกจากบ้าน[17] ทั้งนี้ มีผู้ป่วยจากฝุ่นชนิดนี้จำนวนมาก บางรายต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล บางรายถึงขั้นเสียชีวิต ตัวอย่างผู้ป่วยเช่น ชาราฎา อิมราพร (นักแสดง)[18] มารดาของคุณมะตูม[19] ตัวอย่างผู้เสียชีวิต เช่น รศ.ดร. ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร[20] นพ. กฤตไท ธนสมบัติกุล[21] โดยมีผู้ป่วยและผู้ที่สูญเสียอื่นๆ อีกมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ป่วยจากฝุ่น PM 2.5 จะไม่ได้แอดมิดทุกคน เนื่องจากหอผู้ป่วยในระบบสาธารณสุขเต็มอย่างต่อเนื่อง[22]
ปัญหาเตียงเต็ม
แก้เนื่องด้วยประเทศไทยมีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าหลักๆ 3 สิทธิ์ ได้แก่ (1) บัตรทอง (2) ประกันสังคม (3) ข้าราชการ[23] ซึ่งครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แต่สถานพยาบาลตามสิทธิ์มีเตียงรองรับน้อยกว่าความต้องการมาก ในทางปฏิบัติจะเห็นได้ว่าแม้แต่โรงพยาบาลของรัฐที่คิดค่าใช้จ่ายสูง เช่น โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ก็มีปัญหาเตียงเต็มตลอด[24] ดังนั้น ผู้ที่ใช้สิทธิ์อาจต้องรอเป็นเวลายาวนาน เว้นแต่ไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่มีทางเลือกที่จำเป็นต้องรอ บางส่วนอาจทนรอไม่ไหว หรือที่เรียกกันว่า 'รอเตียงจนตาย' เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
ตัวอย่าง
แก้ผู้ป่วยชาวอำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ป่วยเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองอุดตัน ทำให้แขนซ้ายเป็นก้อนเนื้อบวมโตผิดปกติ ได้คิวผ่าตัด 4 ปี[25]
ความเหลื่อมล้ำระหว่างสิทธิ์
แก้กรณีจำเป็นต้องใช้โรงพยาบาลที่มิใช่สิทธิ์ และจะขอย้ายผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลตามสิทธิ์โดยเร็วที่สุด[26] มีกรณีเปรียบเทียบดังนี้
1. ผู้ใช้สิทธิ์บัตรทอง - ใช้การแจ้งโรงพยาบาลคู่สัญญาในบัตรอย่างมีลายลักษณ์อักษร เช่น บันทึกเป็นหนังสือ (ให้ธุรการลงเลขรับ เก็บสำเนาไว้ 1 ชุด) หลังจากโรงพยาบาลได้รับหนังสือแล้ว ระยะเวลาจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นต้นไป หากโรงพยาบาลคู่สัญญาไม่ไปรับผู้ป่วยมารักษา คู่สัญญานั้นต้องรับผิดชอบรายจ่ายทั้งหมดนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นต้นไป (กรณีสิทธิ์ว่าง ต้องติดต่อ สปสช.)
2. ผู้ใช้สิทธิ์ประกันสังคม - ใช้การแจ้งโรงพยาบาลคู่สัญญาเป็นหนังสือ (ให้ธุรการลงเลขรับ และเก็บสำเนาไว้ 1 ชุด) หลังจากโรงพยาบาลได้รับหนังสือแล้ว ระยะเวลาจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นต้นไป หากโรงพยาบาลคู่สัญญาไม่ไปรับผู้ป่วยมารักษา คู่สัญญานั้นต้องรับผิดชอบรายจ่ายทั้งหมดนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นต้นไป
3. ผู้ใช้สิทธิ์ข้าราชการ - ไม่มีโรงพยาบาลคู่สัญญา จึงนับว่าแย่ที่สุดในกรณีนี้
ปัญหากรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
แก้นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่ (UCEP) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติตัดสินใจเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุดแต่กลับถูกปฏิเสธการรักษา[27] หรือถูกเรียกเก็บเงิน จนล้มละลาย[28] และถึงแม้โรงพยาบาลเอกชนจะรับรักษา แต่หลังจาก 72 ชั่วโมงพ้นไปแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นข้าราชการหาเตียงไม่ได้ก็จะลำบากเช่นกัน[29]
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "Thailand-Country cooperation strategy: At a glance" (PDF). World Health Organization. May 2014. สืบค้นเมื่อ 6 October 2016.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "Thailand - Country health profile" (PDF). Global Health Observatory. World Health Organization. สืบค้นเมื่อ 21 December 2011.
- ↑ Thailand country profile. Library of Congress Federal Research Division (July 2007). This article incorporates text from this source, which is in the public domain.
- ↑ Pongphon Sarnsamak (25 November 2008). "More teenaged girls getting HIV infection". The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 November 2014. สืบค้นเมื่อ 17 June 2013.
- ↑ "Thailand". HIV InSite. UCSF Center for HIV Information. July 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-01. สืบค้นเมื่อ 17 June 2013.
- ↑ "COUNTRY COMPARISON :: HIV/AIDS - ADULT PREVALENCE RATE". The CIA World Factbook. CIA. 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-12-21. สืบค้นเมื่อ 17 June 2013.
- ↑ Emma Bourke (14 June 2013). "Preventive drug could reduce HIV transmission among injecting drug users". The Conversation Australia. The Conversation Media Group. สืบค้นเมื่อ 17 June 2013.
- ↑ 8.0 8.1 Laopaisarntaksin, Pawat (2012-07-12). "Cancer-causing chemical residues found in vegetables". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 10 December 2015.
- ↑ Problems with chemical pesticides still not solved. 1 in 3 farmers at excessive risk
- ↑ Yee, Tan Hui (12 November 2016). "Antibiotic abuse killing thousands in Thailand". Straits Times. สืบค้นเมื่อ 18 November 2016.
- ↑ "Thailand joins global 'superbug' fight". Bangkok Post. 21 November 2016. สืบค้นเมื่อ 21 November 2016.
- ↑ "Sex education strengthens sexual discrimination in Thailand". Prachatai English. 1 December 2016. สืบค้นเมื่อ 4 December 2016.
- ↑ The Cost of Air Pollution: Strengthening the Economic Case for Action (PDF). Washington DC: World Bank and Institute for Health Metrics and Evaluation. 2016. p. 101. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
- ↑ Buakamsri, Tara (8 December 2016). "Our silent killer, taking a toll on millions" (Opinion). Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
- ↑ PPTV Online. 2566. ผลกระทบเอลนีโญ! สธ. เฝ้าระวังค่าฝุ่น PM 2.5 คาดมีแนวโน้มสูงขึ้น. https://www.pptvhd36.com/health/news/4240
- ↑ "แพทย์ มช.เตือนฝุ่นพิษเสี่ยงป่วยโรคมะเร็ง". posttoday. 2023-03-05.
- ↑ PPTV Online. 2566. “พะเยา”คลุกฝุ่น PM 2.5 พบตั้งแต่ต้นปีป่วยทางเดินหายใจ 1.48 หมื่นคน. https://www.pptvhd36.com/health/news/3066
- ↑ Saekoo, Somkit. "FCห่วง "พิกเล็ท ชาราฎา" แพ้ฝุ่น PM2.5 จนต้องแอดมิทโรงพยาบาล". เดลินิวส์.
- ↑ มติชน. 2566. มะตูมแจ้งข่าว แม่เจอพิษ PM2.5 จนต้องเข้า รพ. ไอรุนแรง มีเสมหะ พูดไม่ได้. https://www.matichon.co.th/entertainment/news_3806137
- ↑ "มะเร็งปอดคร่าชีวิตผู้เชี่ยวชาญระดับโลก จากปัจจัยเสี่ยงPM2.5". workpointTODAY.
- ↑ ข่าวช่อง 8 (2023-12-30). "อาลัย คนดัง บุคคลสำคัญ ปี 2023 จากไปไม่มีวันกลับ…". www.thaich8.com.
- ↑ "เชียงใหม่วิกฤต ผู้ป่วยระบบหายใจ พุ่ง 1.2 หมื่นราย ล่าสุดเตียงเต็มแล้ว | Khaosod". LINE TODAY.
- ↑ "เช็กสิทธิคนไทย รับการรักษาพยาบาล อะไรได้บ้าง". สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน). 21 June 2022. สืบค้นเมื่อ 24 December 2023.
- ↑ ถอดวิธีบริหารโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์อย่างชาญฉลาด กับ ศ.นพ.ชาญ ศรีรัตนสถาวร (PDF). Bangkok: วารสารศิริราชประชาสัมพันธ์ ปีที่ 35 ฉบับที่ 473 เดือนธันวาคม 2566. 2023. p. 9. สืบค้นเมื่อ 24 December 2023.
- ↑ "พบแม่ค้าอาหารตามสั่งอยุธยาแขนโตหนักกว่า 20 กิโลฯ เผยเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองอุดตัน". mgronline. 3 October 2014. สืบค้นเมื่อ 24 December 2023.
- ↑ "รักษาโรงพยาบาลเอกชนเงินหมดแล้ว จะย้ายเข้ารพ.รัฐบาลก็ย้ายไม่ได้เพราะทุกแห่งก็อ้างเตียงไอซียู.เต็มหมด จะทำอย่างไร ใน"อยากอายุยืน ต้องเล่นกล้าม"". Sant Chaiyodsilp. 16 May 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-12-24. สืบค้นเมื่อ 26 December 2023.
- ↑ "สุดาวรรณ สั่งดูแลญาตินักท่องเที่ยวไต้หวัน ถูกรถชน รพ.ปฏิเสธรักษา จนเสียชีวิต เร่งทำประกันภัยสกัดซ้ำรอย". มติชน. 12 December 2023. สืบค้นเมื่อ 29 December 2023.
- ↑ "ค่ารักษาพยาบาลใน รพ. เอกชน กรณี 'เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ : UCEP' ต้องได้รับการควบคุม". สภาองค์กรของผู้บริโภค. 13 January 2023. สืบค้นเมื่อ 29 December 2023.
- ↑ "รพ.เอกชนยังกำไร 30% แม้เข้าร่วม UCEP เผย 3 ปัญหาใช้สิทธิ ชงคุมค่ารักษา". manager online. 31 January 2023. สืบค้นเมื่อ 29 December 2023.