Spirostreptida
Orthoporus sp. (Spirostreptidae) from North America
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Arthropoda
ชั้น: Diplopoda
ชั้นย่อย: Chilognatha
ชั้นฐาน: Helminthomorpha
อันดับใหญ่: Juliformia
อันดับ: Spirostreptida
Brandt, 1833
Families

10: see text.

Spirostreptida เป็นอันดับของกิ้งกือที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกยาว ในอันดับนี้มีอยู่ประมาณ 1000 สปีชีส์ที่ได้รับการอธิบาย[1] ทำให้ Spirostreptida เป็นอันดับที่มีจำนวนสปีชีส์มากเป็นอันดับสองรองจาก Polydesmida

ลักษณะ

แก้

โดยทั่วไป Spirostreptida มีลำตัวทรงกระบอกขนาดใหญ่ยาว มีตั้งแต่ 30 ถึง 90 ปล้อง เกือบทุกชนิดมีตา[2] ในอันดับนี้มีกิ้งกือที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ทราบกัน คือ กิ้งกือยักษ์แอฟริกันในสกุล Archispirostreptus ที่อาจมีความยาวมากกว่า 30 เซนติเมตร (0.98 ฟุต)[2]

การกระจายตัว

แก้

สปีชีส์ในอันดับ Spirostreptida ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตร้อน พบได้ในทวีปแอฟริกา, ตอนใต้ของทวีปเอเชียจนถึงญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, และซีกโลกตะวันตกตั้งแต่สหรัฐอเมริกาจนถึงอาร์เจนตินา[3]

การจัดจำแนก

แก้

อันดับนี้ประกอบไปด้วยสองอันดับย่อย คือ Cambalidea และ Spirostreptidea โดยอันดับย่อยหลังยังแบ่งออกเป็นสองวงศ์ใหญ่[1]

 
Cambala minor (Cambalidae) กิ้งกือถ้ำจากทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ

อันดับย่อย Cambalidea

Cambalidae
Cambalopsidae (รวม Glyphiulidae และ Pericambalidae เข้าไว้ด้วยกัน)[1]
Choctellidae
Iulomorphidae
Pseudonannolenidae

อันดับย่อย Spirostreptidea

วงศ์ย่อย Odontopygoidea
Atopogestidae
Odontopygidae
วงศ์ใหญ่ Spirostreptoidea
Adiaphorostreptidae
Harpagophoridae
Spirostreptidae

สปีชีส์ตัวอย่าง

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 Shear, W. (2011). "Class Diplopoda de Blainville in Gervais, 1844. In: Zhang, Z.-Q. (Ed.) Animal biodiversity: An outline of higher-level classification and survey of taxonomic richness" (PDF). Zootaxa. 3148: 159–164.
  2. 2.0 2.1 "Diagnostic features of Millipede Orders" (PDF). Milli-PEET Identification Tables. The Field Museum, Chicago. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-11-30. สืบค้นเมื่อ 25 October 2013.
  3. Shelley, Rowland M. (1999). "Centipedes and Millipedes with Emphasis on North American Fauna". The Kansas School Naturalist. 45 (3): 1–16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-12. สืบค้นเมื่อ 2021-04-24.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้