แอ็นสท์ที่ 1 ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา
(เปลี่ยนทางจาก Ernest I, Duke of Saxe-Coburg and Gotha)
แอนสท์ อันโทน คาร์ล ลุดวิจ (เยอรมัน: Ernst Anton Karl Ludwig) เป็นดยุกผู้ปกครองแห่งรัฐซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์พระองค์สุดท้าย จนกระทั่งมีการเปลี่ยนเป็นรัฐซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาในปี 1826 เป็นพระบิดาของเจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี ในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ทรงเป็นหนึ่งในเจ้าผู้ครองรัฐที่นำทัพเข้าต่อต้านนโปเลียน โบนาปาร์ตในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
แอนสท์ที่ 3 และ 1 | |
---|---|
ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์ | |
ครองราชย์ | 9 ธันวาคม 1806 – 12 พฤศจิกายน 1826 |
ก่อนหน้า | ฟรันซ์ |
ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา | |
ครองราชย์ | 12 พฤศจิกายน 1826 – 29 มกราคม 1844 |
ถัดไป | แอนสท์ที่ 2 |
ประสูติ | 2 มกราคม ค.ศ. 1784 โคบวร์ค, ซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์, จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ |
สิ้นพระชนม์ | 29 มกราคม ค.ศ. 1844 โกทา, ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา, สมาพันธรัฐเยอรมัน | (60 ปี)
คู่อภิเษก | ลูอีเซอแห่งซัคเซิน-โกทา-อัลเทินบวร์ค ดัชเชสมารีแห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค |
พระบุตร | แอนสท์ที่ 2 ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี |
ราชวงศ์ | เวททิน |
พระบิดา | ฟรันซ์ ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์ |
พระมารดา | เคาน์เตสเอากุสทาแห่งรอยส์-แอร์เบอร์สดอร์ฟ |
ศาสนา | ลูเทอแรน |
แอนสท์ที่ 1 เป็นโอรสของฟรันซ์ ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์ กับเคาน์เตสเอากุสทาแห่งรอยส์-แอร์เบอร์สดอร์ฟ พระอนุชาองค์เล็กของพระองค์ เลโอพอลท์ เกออร์ก คริสทีอัน ฟรีดริช ได้ขึ้นเป็นพระเจ้าเลออปอลที่ 1 แห่งเบลเยียม
อ้างอิง
แก้- August Beck: Ernst I.: Herzog Ernst Anton Karl Ludwig von Sachsen-Koburg-Gotha. In: Allgemeine Deutsche Biographie (ADB). Band 6, Duncker & Humblot, Leipzig 1877, p. 313–317.
- Carl-Christian Dressel: Die Entwicklung von Verfassung und Verwaltung in Sachsen-Coburg 1800–1826 im Vergleich. Duncker & Humblot Berlin 2007, ISBN 978-3-428-12003-1.
- Friedrich Knorr: Ernst I., Herzog von Sachsen-Coburg-Saalfeld. In: Neue Deutsche Biographie (NDB). Band 4, Duncker & Humblot, Berlin 1959, ISBN 3-428-00185-0, pp. 620.
- Heide Schulz: Freue Dich, Coburg. Die Ode H. C. A. Eichstädts zum Royal Wedding 1840, in: Coburger Geschichtsblätter 20, 2012, p. 25–54, ISSN 0947-0336.