โปรอีโวลูชันซ็อกเกอร์

อีฟุตบอลโปรอีโวลูชันซ็อกเกอร์ (อังกฤษ: eFootball Pro Evolution Soccer) หรือที่รู้จักกันในชื่อ อีฟุตบอลเวิลด์ซ็อกเกอร์วินนิงอีเลฟเวน (ญี่ปุ่น: ウイニングイレブンโรมาจิUiningu Irebun อังกฤษ: eFootball World Soccer Winning Eleven) ในเวอร์ชันญี่ปุ่น เป็นชุดวิดีโอเกมจำลองสถานการณ์ฟุตบอลที่พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยโคนามิ ตั้งแต่ พ.ศ. 2538

อีฟุตบอลโปรอีโวลูชันซ็อกเกอร์
ประเภทกีฬา (ฟุตบอล)
ผู้พัฒนาโคนามิ (2538–2556)
PES Productions (2557-2569)
Konami Digital Entertainment (2564–)
ผู้จัดจำหน่ายโคนามิ
ระบบปฏิบัติการAndroid, GameCube, iOS, PlayStation, PlayStation 2, PlayStation 3, PlayStation 4, PlayStation 5, PlayStation Portable, Game Boy Advance, Nintendo DS, Nintendo 3DS, Wii, Windows, Windows Phone 7, Xbox, Xbox 360, Xbox One, Xbox Series X/S
วางจำหน่ายครั้งแรกJ.League Jikkyou Winning Eleven
21 กรกฎาคม 2538
จำหน่ายครั้งล่าสุดอีฟุตบอล 2024
7 กันยายน 2566

ชุดเกมนี้ประกอบด้วยภาคหลัก 18 ภาคและภาคแยกหลายภาค รวมถึงเกมมือถือ Pro Evolution Soccer Club Manager ชุดเกมนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่ขายดีที่สุด โดยมียอดขาย 111 ล้านชุดทั่วโลก นอกเหนือจากการดาวน์โหลดบนมือถือ 400 ล้านครั้ง ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2563[1] อีฟุตบอล ได้รับการยกย่องว่าเป็นคู่แข่งกับชุดเกม ฟีฟ่า ของอีเอสปอร์ตส์[2] เดอะการ์เดียน ได้อธิบายว่าเป็น "การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" ในประวัติศาสตร์ของวิดีโอเกมกีฬา[3]

ลีกอีสปอร์ต eFootball.Open (เดิมชื่อ PES World Finals หรือ PES League) จัดขึ้นโดยโคนามิทุกปีตั้งแต่ พ.ศ. 2553

ประวัติ

แก้

อินเตอร์เนชันแนลซูเปอร์สตาร์ซ็อกเกอร์ (พ.ศ. 2537) เกมแรกในชุดเกม อินเตอร์เนชันแนลซูเปอร์สตาร์ซ็อกเกอร์ (ไอเอสเอส) ของโคนามิ วางจำหน่ายสำหรับเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม การแข่งขันเกิดขึ้นระหว่างแฟรนไชส์ ​​​​ฟีฟ่า และ ไอเอสเอส[3][4]

อินเตอร์เนชันแนลซูเปอร์สตาร์ซ็อกเกอร์โปร (ไอเอสเอส โปร) วางจำหน่ายสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน ใน พ.ศ. 2540 ถือเป็น "ตัวเปลี่ยนเกม" สำหรับเกมฟุตบอลซึ่งถูกครอบงำโดยคู่แข่ง ฟีฟ่า ในเครื่องเล่นวิดีโอเกมภายในบ้านในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไอเอสเอส โปร พัฒนาโดยโคนามิคอมพิวเตอร์เอนเตอร์เทนเมนต์โตเกียว นำเสนอเอนจิน 3 มิติใหม่ที่มีกราฟิกที่ดีกว่าและรูปแบบการเล่นที่ซับซ้อนกว่าคู่แข่ง ในขณะที่ ฟีฟ่า มีวิธีการเล่นเกมแบบ "สไตล์อาร์เคด" ที่ง่ายกว่า แต่ ไอเอสเอส โปร ได้แนะนำรูปแบบการเล่นจำลองสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นโดยเน้นที่กลยุทธ์และการแสดงด้นสด โดยเปิดใช้งานด้วยยุทธวิธีที่หลากหลาย เช่น เก้าตัวเลือกกลยุทธ์ในการแข่งขัน สิ่งนี้ได้ทำให้เกิดชุดเกมโปรอีโวลูชันซ็อกเกอร์ (พีอีเอส) ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักว่ามี "รูปแบบการเล่นตามยุทธวิธีที่เร็วขึ้น" และรูปแบบการเล่นที่เกิดขึ้นใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น ในขณะที่ ฟีฟ่า ขึ้นชื่อว่ามีลิขสิทธิ์ทีมฟุตบอลที่มากกว่า[3][4]

ชุดเกม พีอีเอส ขายได้มากกว่า 10 ล้านชุดภายใน พ.ศ. 2545[5] ขณะที่ชุดเกม ฟีฟ่า ขายได้มากกว่า 16 ล้านชุดภายใน พ.ศ. 2543[6] ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 2000 อีเอได้ยืมองค์ประกอบรูปแบบการเล่นจาก พีอีเอส เพื่อปรับปรุง ฟีฟ่า ซึ่งท้ายที่สุดก็นำหน้าในเชิงพาณิชย์ด้วยส่วนต่างที่สำคัญในช่วงคริสต์ทศวรรษ 2010 และกลายเป็นแฟรนไชส์วิดีโอเกมกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก การแข่งขันระหว่าง ฟีฟ่า และ พีอีเอส ถือเป็น "การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" ในประวัติศาสตร์ของวิดีโอเกมกีฬา[3][4]

อ้างอิง

แก้
  1. "Digital Entertainment Business". Konami Holdings Corporation. December 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-09. สืบค้นเมื่อ 30 April 2021.
  2. "A league of their own: six of the best football video games". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 August 2018. สืบค้นเมื่อ 19 October 2018.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 Wilson, Ben (26 June 2020). "Fifa v PES: the history of gaming's greatest rivalry". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 30 April 2021.
  4. 4.0 4.1 4.2 Parkin, Simon (2016-12-21). "Fifa: the video game that changed football". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-30. สืบค้นเมื่อ 2019-01-05.
  5. "Pro Evolution Soccer 2: un milione in Europa". Multiplayer.biz (ภาษาอิตาลี). 5 December 2002. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2003. สืบค้นเมื่อ 13 October 2003.
  6. "Computer Games: Best-Selling Soccer Game". Guinness World Records 2001. Guinness. 2000. p. 121. ISBN 978-0-85112-102-4.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้