เยซุเกย์

(เปลี่ยนทางจาก เยซูไก)

เยซุเกย์ บาฆาทูร์ (อักษรโรมัน: Yesugei Baghatur, (มองโกลธรรมเนียม: ᠶᠢᠰᠦᠭᠡᠢ ᠪᠠᠭᠠᠲᠤᠷ; Modern Mongolian: Есүхэй баатар, Yesukhei baatar, [ˈjosuxɛː ˈbaːtər]; จีน: 也速該; พินอิน: Yěsùgāi) (1134 – 1171) เป็นผู้นำคนสำคัญของสหพันธรัฐเผ่ามองโกลฮามัก และบิดาของชิงกิส ข่าน เยซุเกย์มีที่มาจากตระกูลบอร์จีกิน และชื่อเขามีความกมายว่า "เหมือนเก้า" เลขมงคลของชาวมองโกล

ᠶᠢᠰᠦᠭᠡᠢ ᠪᠠᠭᠠᠲᠤᠷ
เยซุเกย์ บากาดูร์
ครองราชย์ป. 1160 – 1171
ก่อนหน้าโฮตอูลา ข่าน
ถัดไปชิงกิส ข่าน
ประสูติป. 1134
ที่ราบมองโกล
สวรรคตป. 1171
(aged 36–37)
ที่ราบมองโกล
คู่อภิเษกโฮเอลุง
โซชิเกล
พระราชบุตรชิงกิส ข่าน
กาซาร์
ฮาชิอุง
เทมุเก
เบลกุเตย์
Behter
พระนามเต็ม
เยซุเกย์
พระสมัญญานาม
จักรพรรดิเฉินหยวน (神元皇帝)
วัดประจำรัชกาล
Liezu (烈祖)
ราชสกุลบอร์จีกิน
พระราชบิดาBartan Bagatur
ศาสนาลัทธิเตงกรี

เยซุเกย์เป็นบุตรของบาร์ทัน บาฆาทูร์ (Bartan Baghatur) ผู้เป็นบุตรคนที่สองของฮาบุล ข่าน ผู้ซึ่งเป็นฮากันที่ราชวงศ์จินให้การยอมรับ และเป็นเหลนของไฮดู ผู้ที่ริเริ่มจะรวบรวมชาวมองโกลเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเป็นครั้งแรก สนมเอกของเยซุเกย์คือโฮเอลุง ลูกสาวของชาวป่าอ็อลฮูนุต ที่ซึ่งเขาลักพาตัวมาด้วยความช่วยเหลือของพี่ชายเนกุน ไทชี (Negün Taishi) และน้องชาย ดารีไท อ็อตชีกิง (Daritai Otchigin) โดยลักพาตัวมาจากสามีเชลีดู (Chelidu) ชาวเผ่าเมร์กิตที่พึ่งแต่งงานกันไม่นาน[1] เยซุเกย์ลักพาตัวเจ้าสาวโฮเอลุงมาเพราะว่าเธอมีความสวยงามและมีคุณลักษณะอันบ่งบอกถึงความสามารถในการเจริญพันธุ์[2]

ในปี 1171 เยซุเกย์เสียชีวิตเมื่อเทมุจิง (ต่อมาคือชิงกิส ข่าน) อายุได้เก้าปี ประวัติศาสตร์ลับชาวมองโกล บันทึกว่าเขาถูกลอบวางยาพิษโดยชาวทาทาร์[3] เมื่อเทมุจิงอายุได้แปดปี เยซุเกย์ตัดสินใจหมั้นเขากับเด็กหญิงที่เหมาะสม เยซุเกย์พาเทมุจิงออกไปยังทุ่งหญ้าของชนเผ่าอ็องกิรัตที่เลอค่าของโฮเอลุง และจึงคลุมถุงชนแต่งงานระหว่างเทมุจิงกับโบร์เท ลูกสาวของหัวหน้าเผ่าอ็องกิรัตนามว่า เดย์ เซเช็ง [ru][4] ขณะกำลังขี่ม้ากลับบ้านด้วยตัวคนเดียว เยซุเกย์ได้ร้องขออาหารมื้อหนึ่งจากกลุ่มชาวทาทาร์ที่เขาบังเอิญเจอ ตามลักษณะธรรมเนียมความเอื้อเฟื้อต่อคนแปลกหน้าของชาวทุ่งหญ้าสเตปป์ แต่ชาวทาทาร์จดจำเยซุเกย์ซึ่งเคยต่อสู้กับพวกทาทาร์ในอดีต จึงแอบวางยาพิษในอาหารของเขา เยซุเกย์กินยาพิษเข้าไปจนป่วยแต่ก็ยังกลับถึงบ้านได้ในสภาพใกล้ตาย เขาได้เรียกขอให้มูงลิกไปพาตัวเทมุจิงกลับมาจากอ็องกิรัต ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา[5]

อ้างอิง

แก้
  1. Waley, Arthur (13 May 2013). The Secret History of the Mongols: And Other Pieces (ภาษาอังกฤษ). Routledge. pp. 222–225. ISBN 978-1-136-74824-0.
  2. Broadbridge, Anne F. (18 July 2018). Women and the Making of the Mongol Empire (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. p. 45. ISBN 978-1-108-63662-9.
  3. Cleaves, Francis Woodman (1982). The Secret History of the Mongols: Translation (ภาษาอังกฤษ). Harvard-Yenching Institute. p. 17. ISBN 978-0-674-79670-6.
  4. Ratchnevsky 1991, pp. 20–21; Broadbridge 2018, p. 49.
  5. Ratchnevsky 1991; Broadbridge 2018, pp. 50–51.