เพปเพอโรนี (อังกฤษ: pepperoni) เป็นซาลามีรสเผ็ดแบบอเมริกันที่ทำจากเนื้อหมูและเนื้อวัวหมัก ปรุงรสด้วยพริกปาปริกาหรือพริกชนิดอื่น ๆ

เพปเพอโรนี
เพปเพอโรนีบรรจุซอง
แหล่งกำเนิดสหรัฐ
ส่วนผสมหลักหมูและเนื้อ
ส่วนผสมที่มักใช้เครื่องเทศ
พลังงาน
(ต่อหน่วยบริโภค 100 กรัม)
460 กิโลแคลอรี (1926 กิโลจูล)
คุณค่าทางโภชนาการ
(ต่อหน่วยบริโภค 100 กรัม)
โปรตีน23 กรัม
ไขมัน40.2 กรัม
คาร์โบไฮเดรตกรัม

ก่อนปรุง เพปเพอโรนีจะมีลักษณะพิเศษคือมีความนุ่ม มีกลิ่นรมควันเล็กน้อย และมีสีแดงสด[1] เพปเพอโรนีฝานบางเป็นหนึ่งในเครื่องโรยหน้าพิซซ่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในร้านพิซซ่าในสหรัฐ

ศัพทมูลวิทยา

แก้

ศัพท์ เพปเพอโรนี (pepperoni) เป็นรูปคำยืมของคำในภาษาอิตาลีว่า peperoni ซึ่งเป็นรูปพหูพจน์ของคำว่า peperone แปลว่าพริกหวาน การใช้คำว่า "เพปเพอโรนี" เพื่อเรียกไส้กรอกชนิดหนึ่งมีขึ้นใน ค.ศ. 1919[1]

ประวัติ

แก้

เพปเพอโรนีมีต้นกำเนิดมาจากชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลีในสหรัฐ[1] เป็นไส้กรอกบ่มแห้ง มีความคล้ายคลึงกับซาลามีรสเผ็ดจากทางตอนใต้ของอิตาลี เช่น ซัลซิชชา (salsiccia) หรือโซปเปรสซาตา (soppressata) ความแตกต่างที่สำคัญคือเพปเพอโรนีมีรสเผ็ดน้อยกว่า มีเมล็ดที่ละเอียดกว่า (คล้ายกับซาลามีที่ไม่ใส่เครื่องเทศจากมิลาน) มักจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่า และมักจะผลิตโดยการกรอกเทียม

การผลิต

แก้
เพปเพอโรนี
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์)
พลังงาน1,940 กิโลจูล (460 กิโลแคลอรี)
4 g
40.2 g
20.35 g
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่
แหล่งที่มา: USDA FoodData Central

เพปเพอโรนีทำมาจากเนื้อหมูหรือส่วนผสมของเนื้อหมูและเนื้อวัว[2] โดยทั่วไปจะใช้เนื้อไก่งวงแทน แต่การใช้เนื้อไก่ในเพปเพอโรนีจะต้องมีการติดฉลากอย่างเหมาะสมในสหรัฐ[3]

การบ่มด้วยไนเตรตหรือไนไตรต์ (โดยปกติจะใช้ในสารบ่มสมัยใหม่เพื่อป้องกันโรคโบทูลิซึม และการสลายตัวทางจุลชีววิทยาในรูปแบบอื่น ๆ) ก็มีส่วนทำให้เพปเพอโรนีมีสีแดง โดยทำปฏิกิริยากับฮีมในไมโยโกลบินของส่วนประกอบที่เป็นโปรตีนของเนื้อสัตว์[4]

การบริโภค

แก้

ชาวอเมริกันบริโภคเพปเพอโรนี 251.7 ล้านปอนด์ต่อปี หรือคิดเป็น 36% ของพิซซ่าทั้งหมดที่ผลิตในประเทศ[5] เพปเพอโรนีมีโอกาสที่จะขดตัวจากขอบจากความร้อนของเตาอบพิซซ่า เพปเพอโรนีบางชนิดได้รับการผลิตเป็นชิ้นหนาเพื่อให้ขอบโค้งงอโดยเจตนา[6]

เพปเพอโรนียังใช้เป็นไส้ของเพปเพอโรนีโรล ซึ่งเป็นของว่างประจำภูมิภาคที่ได้รับความนิยมในเวสต์เวอร์จิเนียและพื้นที่ใกล้เคียง[7]

ในรัฐโนวาสโกเชียของแคนาดา เพปเพอโรนีทอดราดซอสฮันนีมัสตาร์ด เป็นที่พบได้ทั่วไปในผับ[8][9]

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 Moskin, Julia (February 1, 2011). "Pepperoni: America's Favorite Topping". The New York Times. สืบค้นเมื่อ April 22, 2013.
  2. Hui, Yiu H.; Culbertson, J. D. (2006). Handbook of Food Science, Technology, and Engineering (ภาษาอังกฤษ). CRC Press. p. 72-68. ISBN 978-0-8493-9848-3. สืบค้นเมื่อ 22 December 2020.
  3. Food Standards and Labelling Policy Book, USDA, pp. 133–134.
  4. Flippone, Peggy Trowbridge. "A Recipe to Make Authentic Homemade Pepperoni". The Spruce. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-11-07. สืบค้นเมื่อ December 12, 2017.
  5. "Pizza Palates Changing". CStore Decisions. May 31, 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 28, 2022. สืบค้นเมื่อ April 25, 2013. Pepperoni is by far America’s favorite topping, (36% of all pizza orders). Approximately 251.7 million pounds of pepperoni are consumed on pizzas annually.
  6. López-Alt, J. Kenji (December 2012). "The Food Lab: Why Does Pepperoni Curl?". Serious Eats (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ April 22, 2013.
  7. Edge, John T. (September 29, 2009). "United Tastes - Pepperoni Rolls, a Piece of West Virginia Culinary History: Fast Food Even Before Fast Food". The New York Times. New York, NY. Style Section: Dining & Wine. สืบค้นเมื่อ November 3, 2010.
  8. Eat This Town (February 1, 2016). "Nova Scotia Food Profiles: Pepperoni". Eat This Town. สืบค้นเมื่อ January 7, 2018.
  9. Brown, Lola (April 2, 2013). "You Must Try: Delicious Deep Fried Pepperoni in Halifax, Nova Scotia". Travel Mindset. สืบค้นเมื่อ January 7, 2018.