อิท โผล่จากนรก (อังกฤษ: It) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวสยองขวัญเหนือธรรมชาติ ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2017 ดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง อิท ของสตีเฟน คิง ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1986 ผลิตโดย นิวไลน์ซินีมา​ แคทซ์สมิธ โปรดักชัน หลิน พิกเจ้อส์ และ เวอร์ติโก้ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์บราเธอส์ ผู้ผลิตวางแผนให้เป็นภาคแรกจากสองภาค เล่าเรื่องของเด็กเจ็ดคนในเมืองเดอร์รี รัฐเมน ที่ต้องต่อกรกับสิ่งเหนือธรรมชาติ

อิท โผล่จากนรก
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับแอนดี มัสเคียตตี
บทภาพยนตร์
สร้างจากอิท
โดย สตีเฟน คิง
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
กำกับภาพชัง-ฮุน ชุง
ตัดต่อเจสัน บัลแลนไทน์
ดนตรีประกอบเบนจามิน วอลฟิสช์
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายวอร์เนอร์บราเธอส์
วันฉาย7 กันยายน ค.ศ. 2017 (ไทย)
8 กันยายน ค.ศ. 2017
(สหรัฐอเมริกา)
ความยาว135 นาที[1]
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2][3]
ทำเงิน700.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4]
ข้อมูลจาก IMDb
ข้อมูลจากสยามโซน

อิท โผล่จากนรก 2 ภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายที่สหรัฐ เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2019[5]

เนื้อเรื่อง แก้

เดือนตุลาคม ค.ศ. 1988 บิลล์ เดนโบรห์ (Bill Denbrough) ทำเรือกระดาษให้น้องชายวัยเจ็ดปีชื่อ จอร์จี เดนโบรห์ (Georgie Denbrough) จอร์จีนำเรือไปลอยเล่น ฝนชะเรือไหลลงร่องระบายน้ำ ขณะที่จอร์จีกำลังงมเรือขึ้นมานั้น ตัวตลกโผล่ขึ้นมาแนะนำตัวเองว่า ชื่อ เพนนีไวส์ตัวตลกเต้นระบำ (Pennywise the Dancing Clown) ตัวตลกล่อหลอกให้จอร์จีล้วงลงมาเอาเรือ แล้วเอาฟันอันแหลมคมกัดแขนจอร์จีขาด ก่อนลากจอร์จีลงร่องหายไป

ฤดูร้อนปีถัดมา บิลล์กับผองเพื่อน ประกอบด้วย ริชชี ทอเซียร์ (Richie Tozier), เอดดี แคสป์แบรก (Eddie Kaspbrak), กับสแตน ยูริส (Stan Uris) มีเรื่องกับกลุ่มอันธพาลของเฮนรี เบาเวอส์ (Henry Bowers) บิลล์เองยังคงเป็นกังวลกับการหายตัวไปของน้องชายและการถูกทอดทิ้งจากบิดามารดา เขาเชื่อว่า น้องยังมีชีวิตอยู่ วันหนึ่ง ได้ข่าวว่า ร่างของน้องชายอาจถูกพัดพาลงสู่แอ่งน้ำชื่อ แบร์เรนส์ (Barrens) จึงชวนเพื่อนออกตามหา เวลานั้น เบน แฮนส์คัม (Ben Hanscom) นักเรียนใหม่ในโรงเรียนของบิลล์ ถูกกลุ่มของเฮนรีไล่ล่า วิ่งหนีไปถึงแอ่งแบร์เรนส์ และพบกับกลุ่มของบิลล์ พวกเขาเจอรองเท้าของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งหายตัวไป ส่วนแพทริก ฮอกส์เทตเทอร์ (Patrick Hockstetter) หนึ่งในกลุ่มของเฮนรี ถูกตัวตลกเพนนีไวส์ฆ่าในร่องระบายน้ำขณะตามล่าหาเบน

เบนเข้ากลุ่มของบิลล์ เขาพบว่า หลายร้อยปีมาแล้ว เด็กในเมืองนี้หายไปตัวอย่างไร้ร่องรอยเสมอ ต่อมา เบเวอร์ลี มาร์ช (Beverly Marsh) เด็กหญิงที่ถูกบิดาคุกคามทางเพศ และไม่มีใครคบหาเพราะข่าวลือว่า เป็นหญิงสำส่อน มาเข้ากลุ่มด้วย ทั้งเบนและบิลล์ค่อย ๆ ตกหลุมหลงรักเบเวอร์ลี นอกจากนี้ กลุ่มยังได้สมาชิกใหม่ คือ ไมก์ แฮนลอน (Mike Hanlon) หลังจากช่วยเขาจากการก่อกวนของเฮนรี กลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า "ชมรมคนขี้แพ้" (The Losers Club)

ไม่นาน ชมรมคนขี้แพ้ต้องเผชิญเรื่องประหลาดหลายประการ เช่น เจอเพนนีไวส์ เจอผีของจอร์จี เจอเด็กหัวขาด เจอน้ำพุเลือด เจอชายโรคเรื้อน เจอภาพเขียนมีชีวิต และเห็นบิดามารดาของไมก์ถูกเผาทั้งเป็น จึงเชื่อว่า พวกเขาถูกสิ่งเหนือธรรมชาติหลอกหลอนอยู่ ตั้งชื่อว่า "มัน" (It) โดยสันนิษฐานว่า "มัน" จะปรากฏตัวเป็นอะไรก็ตามที่พวกเขาหวาดกลัว และจะตื่นขึ้นทุก 27 ปีเพื่อมากินเด็กเป็นอาหาร ก่อนกลับไปจำศีล แล้วตื่นขึ้นมาทำเช่นนี้ใหม่วนเวียนไป

ชมรมคนขี้แพ้ติดตามเรื่องดังกล่าวไปจนพบบ้านร้างเลขที่ 29 ถนนเนลโบลต์ (29 Neibolt Street) และถูกตัวตลกเพนนีไวส์จู่โจมจนแตกหนีกันไปคนละทาง แต่พวกเข้ารวมตัวกันใหม่ได้ แล้วเอาของแหลมตอกศีรษะเพนนีไวส์ ตัวตลกเพนนีไวส์หลบหนีไปได้ พวกเขาตัดสินใจแยกทางกัน มีแต่เด็กชายบิลล์กับเด็กหญิงเบเวอร์ลีที่ตกลงใจจะไปเผชิญหน้ากับเพนนีไวส์

หลายสัปดาห์ต่อมา เบเวอร์ลีถูกเพนนีไวส์พาตัวไป ชมรมคนขี้แพ้จึงรวมตัวกันใหม่ แล้วพากันไปบ้านร้างเลขที่ 29 ถนนเนลโบลต์ เพราะเชื่อว่า เพนนีไวส์อยู่ที่นั่น ณ ที่นั้น พวกเขาถูกเฮนรีโจมตี ไมก์สู้กลับและผลักเฮนรีตกบ่อน้ำตาย ชมรมคนขี้แพ้ออกติดตามหาเบเวอร์ลีต่อ โดยลงไปหาในร่องระบายน้ำใต้ดิน พบว่า เป็นรังลับของเพนนีไวส์ มีซากศพเด็กที่มันจับกินกองเป็นภูเขา เพนนีไวส์แปลงร่างเป็นจอร์จีมาหาบิลล์ บิลล์รู้ตัวแต่ก็ถูกเพนนีไวส์จับเป็นตัวประกัน เพนนีไวส์เสนอว่า จะไว้ชีวิตเด็กคนอื่น ๆ ถ้ายอมให้มันเอาตัวบิลล์ไว้ เด็ก ๆ ในชมรมคนขี้แพ้ไม่ยอมด้วยเพราะเห็นคุณค่าของมิตรภาพ พวกเขาช่วยกันต่อสู้กับเพนนีไวส์จนมันล่าถอยไป บิลล์เมื่อเห็นสภาพศพในร่องน้ำก็ทำใจได้ว่า น้องชายคงเสียชีวิตแล้ว เพื่อน ๆ ก็เข้ามาปลอบโยนเขาให้ใช้ชีวิตต่อไป

เมื่อสิ้นฤดูร้อนนั้น ชาวชมรมคนขี้แพ้กรีดเลือดสาบานกันว่า เมื่อโตแล้ว ถ้าเพนนีไวส์กลับมา พวกเขาจะมาร่วมกันสู้กับมันอีกครั้ง ครั้นแล้ว ต่างคนต่างก็แยกจากกันไปตามทาง เบเวอร์ลีบอกบิลล์ว่า ตนจะย้ายไปอยู่กับป้าที่พอร์ตแลนด์ (Portland) ขณะที่เธอกำลังจะไปนั้น บิลล์วิ่งเข้าไปจุมพิตเธอแล้วจากลา

นักแสดง แก้

รางวัล แก้

อิท โผล่จากนรก ได้รับรางวัล

อ้างอิง แก้

  1. "IT". British Board of Film Classification. Retrieved August 2, 2017
  2. "With new adaptation of 'It,' New Line Cinema hopes to continue horror winning streak". Los Angeles Times. September 5, 2017.
  3. "Box Office To Wake Up From Long Summer's Nap As 'It' Happens With $60Ms Opening, Possible $70M – Preview". Deadline.com. September 5, 2017.
  4. "It (2017)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ January 25, 2018.
  5. McClintock, Pamela (September 25, 2017). "'It' Sequel Gets September 2019 Release Date". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  6. Blickpunkt: Film Editors (October 8, 2017). ""It" gets the Silver Bogey". Blickpunkt: Film. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-09. สืบค้นเมื่อ October 10, 2017. {{cite web}}: |last= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  7. Nordyke, Kimberly (November 2, 2017). "'It,' 'Three Billboards,' 'La La Land' Campaigns Win at Clio Entertainment Awards". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ November 5, 2017.
  8. JoBlo Editors (March 4, 2018). "Golden Schmoes Winners and Nominees (2017)". JoBlo.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-09. สืบค้นเมื่อ April 13, 2018. {{cite web}}: |last= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  9. Goldene Leinwand Editors (September 27, 2017). "Es". Goldene Leinwand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-01. สืบค้นเมื่อ June 25, 2018. {{cite web}}: |last= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  10. Lewis, Hilary (May 12, 2017). "Golden Trailer Awards: 'Lego Batman Movie' Leads With 11 Nominations". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ October 10, 2017.
  11. IGN Editors (December 4, 2017). "BEST OF 2017 NOMINEES". IGN Awards. สืบค้นเมื่อ December 5, 2017. {{cite web}}: |last= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  12. Ramos, Dino-Ray (May 3, 2018). "MTV Movie & TV Awards: 'Black Panther', 'Stranger Things' Lead Pack In Nominations". Deadline Hollywood. สืบค้นเมื่อ May 4, 2018.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้