ชุดตัวอักษรมันดาอิก เป็นระบบการเขียนโดยหลักใช้เขียนภาษามันดาอิก คากว่าพัฒนาขึ้นในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 2 ถึง 7 จากรูปเขียนของแอราเมอิก (เช่นเดียวกันกับซีรีแอก) หรือจากอักษรพาร์เทียนจารึก[1][2] เป็นเรื่องยากที่จะระบุที่มาของอักษรอย่างชัดเจน[3] อักษรนี้พัฒนาโดยผู้นับถือความเชื่อมันดาอีในเมโสโปเตเมียตอนล่าง เพื่อเขียนภาษามันดาอิกด้วยจุดประสงค์ทางศาสนา[1] ภาษามันดาอิกคลาสสิกกับภาษามันดาอิกใหม่ยังคงมีผู้ใช้งานเพียงจำกัด[1] อักษรนี้มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างน้อยมากตลอดหลายศตวรรษ[3][1]

อักษรมันดาอิก
ชนิด
Alphabet
ช่วงยุค
คริสต์ศตวรรษที่ 2 — ปัจจุบัน
ทิศทางขวาไปซ้าย Edit this on Wikidata
ภาษาพูดมันดาอิกคลาสสิก
มันดาอิกใหม่
อักษรที่เกี่ยวข้อง
ระบบแม่
ฟินิเชีย
ISO 15924
ISO 15924Mand (140), ​Mandaic, Mandaean
ยูนิโคด
ยูนิโคดแฝง
Mandaic
ช่วงยูนิโคด
U+0840–U+085F
 บทความนี้ประกอบด้วยสัญกรณ์การออกเสียงในสัทอักษรสากล (IPA) สำหรับคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับสัญลักษณ์ IPA โปรดดู วิธีใช้:สัทอักษรสากล สำหรับความแตกต่างระหว่าง [ ], / / และ ⟨ ⟩ ดูที่ สัทอักษรสากล § วงเล็บเหลี่ยมและทับ

ชื่ออักษรในภาษามันดาอิกคือ Abagada หรือ Abaga ตามอักษรแรกของชุดตัวอักษร โดยรู้จักกันในฐานะ a, ba, ga, ฯลฯ แทนที่จะเป็นชื่ออักษรเซมิติกแบบดั้งเดิม (aleph, beth, gimel) [4]

อักษรนี้เป็นตัวเขียนที่เขียนจากขวาไปซ้ายตามแนวนอน แต่ใช่ว่าอักษรทั้งหมดในคำศัพท์จะเชื่อมกัน มีการใช้ช่องว่างในการแบ่งคำ

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Majid Fandi al-Mubaraki ชาวมันดาอีที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย นำเข้าข้อความภาษามันดาอิกไปแปลงเป็นดิจิทัลด้วยการใช้การเรียงพิมพ์อักษรมันดาอิก[5]

อักษร

แก้
 
ตารางชุดตัวอักษรมันดาอิก

ชุดตัวอักษรมันดาอิกมีอักษรทั้งหมด 22 ตัว (เรียงตามลำดับเดียวกันกับชุดตัวอักษรแอราเมอิก) กับทวิอักษร adu อักษรทุกตัวมักปิดด้วยการสะกดอักษรแรก a ซ้ำ ทำให้มีการนับเชิงสัญลักษณ์เป็น 24 ตัว:[6][7]

ชุดตัวอักษรมันดาอิก[8]
# ชื่อ[3] อักษร รูปเชื่อม ปริวรรต สัทอักษรสากล[3] จุดรหัส
ยูนิโคด
ขวา กลาง ซ้าย ซีรีแอก ละติน[3] ฮีบรู[6]
1, 24 a ـࡀ ܐ a א /a/ U+0840 HALQA
2 ba ـࡁ ـࡁـ ࡁـ ܒ b ב /b/ U+0841 AB
3 ga ـࡂ ـࡂـ ࡂـ ܓ g ג /ɡ/ U+0842 AG
4 da ـࡃ ـࡃـ ࡃـ ܕ d ד /d/ U+0843 AD
5 ha ـࡄ ـࡄـ ࡄـ ܗ h ה /h/ U+0844 AH
6 wa ـࡅ ـࡅـ ࡅـ ܘ u ו /u, w/ U+0845 USHENNA
7 za ـࡆ ܙ z ז /z/ U+0846 AZ
8 eh ـࡇ ܚ -ẖ ח /χ/ U+0847 IT
9 ṭa ـࡈ ـࡈـ ࡈـ ܛ ט /tˠ/ U+0848 ATT
10 ya ـࡉ ܝ i י /i, j/ U+0849 AKSA
11 ka ـࡊ ـࡊـ ࡊـ ܟ k כ /k/ U+084A AK
12 la ـࡋ ـࡋـ ࡋـ ܠ l ל /l/ U+084B AL
13 ma ـࡌ ـࡌـ ࡌـ ܡ m מ /m/ U+084C AM
14 na ـࡍ ـࡍـ ࡍـ ܢ n נ /n/ U+084D AN
15 sa ـࡎ ـࡎـ ࡎـ ܣ s ס /s/ U+084E AS
16 e ـࡏ ـࡏـ ࡏـ ܥ ʿ ע /e/ U+084F IN
17 pa ـࡐ ـࡐـ ࡐـ ܦ p פ /p/ U+0850 AP
18 ṣa ـࡑ ـࡑـ ࡑـ ܨ צ /sˠ/ U+0851 ASZ
19 qa ـࡒ ـࡒـ ࡒـ ܩ q ק /q/ U+0852 AQ
20 ra ـࡓ ـࡓـ ࡓـ ܪ r ר /r/ U+0853 AR
21 ša ـࡔ ܫ š ש /ʃ/ U+0854 ASH
22 ta ـࡕ ـࡕـ ࡕـ ܬ t ת /t/ U+0855 AT
23 ـࡖ ܯ ḏ- דﬞ‎ /ð/ U+0856 DUSHENNA

สระ

แก้

สระส่วนใหญ่เขียนในรูปเต็ม ซึ่งต่างจากชุดตัวอักษรเซมิติกอื่น ๆ ส่วนใหญ่ อักษรแรก a (เทียบเท่า alaph) ใช้แทนขอบเขตของสระลิ้นลดต่ำ อักษรตัวที่ 6 wa ใช้เป็นสระปิด หลัง (u กับ o) และอักษรตัวที่ 10 ya ใช้เป็นสระปิด หน้า (i กับ e) อักษรสองตัวท้ายที่กล่าวไปสามารถเป็นพยัญชนะ w/v กับ y ได้

สัญลักษณ์ที่คล้ายกับรูปขีดเส้นใต้ (U+085A ◌࡚ mandaic vocalization mark) ใช้แยกคุณภาพเสียงสระ (vowel quality) ของสระมันดาอิกสามอัน โดยใช้ในสื่อการสอนแต่อาจละไว้ในข้อความทั่วไป[9] สัญลักษณ์นี้ใช้เฉพาะกับสระ a, wa และ ya ดังตัวอย่างกับอักษร ba:

  • ࡁࡀ‎ /bā/ กลายเป็น ࡁࡀ࡚‎ /ba/
  • ࡁࡅ‎ /bu/ กลายเป็น ࡁࡅ࡚‎ /bo/
  • ࡁࡉ‎ /bi/ กลายเป็น ࡁࡉ࡚‎ /be/

สัญลักษณ์ซ้ำ

แก้

จุดใต้พยัญชนะ (U+085B ◌࡛ mandaic gemination mark) สามารถใช้ระบุรูปซ้ำที่ผู้เขียนภาษาแม่เรียกว่ารูปสะกด "หนัก"[9] ตัวอย่างคำศัพท์ ได้แก่ ࡀࡊ࡛ࡀ‎ (ekka) 'นี่คือ', ࡔࡉࡍ࡛ࡀ‎ (šenna) 'ฟัน', ࡋࡉࡁ࡛ࡀ‎ (lebba) 'หัวใจ' และ ࡓࡁ࡛ࡀ‎ (rabba) 'เยี่ยม'[9]

รูปอักขระแฝด

แก้

อักษรตัวที่ 23 เป็นรูปอักขระแฝด adu (da + ya)[1][6] (เทียบกับ ตาอ์มัรบูเฏาะฮ์ในภาษาอาหรับ, อักษรคอปติก "ti" และแอมเพอร์แซนด์ในภาษาอังกฤษ)

นอกจากเชื่อมอักษรในแบบทั่วไปแล้ว อักษรมันดาอิกบางตัวสามารถผสมให้เป็นรูปอักขระแฝดหลายแบบ:[3][9]

  • ࡊࡃ‎ /kd/, ‎ /kḏ/, ࡊࡉ‎ /ki/, ࡊࡋ‎ /kl/, ࡊࡓ‎ /kr/, ࡊࡕ‎ /kt/, และ ࡊࡅ‎ /ku/
  • ࡍࡃ‎ /nd/, ࡍࡉ‎ /ni/, ࡍࡌ‎ /nm/, ࡍࡒ‎ /nq/, ࡍࡕ‎ /nt/, และ ࡍࡅ‎ /nu/
  • ࡐࡋ‎ /pl/, ࡐࡓ‎ /pr/, และ ࡐࡅ‎ /pu/
  • ࡑࡋ‎ /sˤl/, ࡑࡓ‎ /sˤr/, และ ࡑࡅ‎ /sˤu/
  • ࡅࡕ‎ /ut/

ทั้ง adu (U+0856 mandaic letter dushenna) กับรูปอักขระแฝดเก่า kḏ (U+0857 mandaic letter kad) ถือเป็นอักษรเดียวกันในยูนิโคด

อักษรที่คล้ายกัน

แก้

เนื่องจากอักษรมันดาอิกบางตัวมีรูปร่างคล้ายกัน ทำให้บางครั้งสร้างความสับสนทั้งอาลักษณ์มันดาอิกในอดีตกับนักวิชาการสมัยใหม่ โดยเฉพาะในเอกสารตัวเขียนที่เป็นรูปเขียนมือ โดยตัวอย่างมีดังนี้[10]

  • ‎ /d/, ‎ /r/, ‎ /e/, ‎ /q/
  • ‎ /u/, ‎ /i/
  • ‎ /m/, ‎ /t/
  • ‎ /k/, ‎ /n/, ‎ /p/
  • ࡐࡀ‎ /pa/, ࡀࡍࡀ‎ /ana/, ‎ /ʃ/
  • ‎ /sˤ/, ࡄࡍ‎ /hn/

ส่วนขยาย

แก้

ยูนิโค้ด

แก้
อักษรมันดาอิก
Unicode.org chart (PDF)
  0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 A B C D E F
U+084x
U+085x

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "Chapter 9: Middle East-I, Modern and Liturgical Scripts". The Unicode Standard, Version 10.0 (PDF). Mountain View, CA: Unicode, Inc. June 2017. ISBN 978-1-936213-16-0.
  2. Häberl, Charles G. (February 2006). "Iranian Scripts for Aramaic Languages: The Origin of the Mandaic Script". Bulletin of the American Schools of Oriental Research (341): 53–62. doi:10.7282/T37D2SGZ.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 Daniels, Peter T.; Bright, William, บ.ก. (1996). The World's Writing Systems. Oxford University Press, Inc. pp. 511–513. ISBN 978-0195079937.
  4. Macúch, Rudolf (1965). Handbook of Classical and Modern Mandaic. Berlin: De Gruyter. pp. 7–26.
  5. Mandaean Network.
  6. 6.0 6.1 6.2 Drower, Ethel Stefana; Macúch, Rudolf (1963). A Mandaic Dictionary. London: Clarendon Press. pp. 1, 491.
  7. Drower, Ethel Stefana (1937). The Mandaeans of Iraq and Iran: Their Cults, Customs, Magic, Legends, and Folklore. Oxford: Clarendon Press. pp. 240–243.
  8. ตารางนี้จะแสดงได้ถูกต้องด้วยการใช้ Firefox และฟอนต์ Noto Sans Mandaic
  9. 9.0 9.1 9.2 9.3 Everson, Michael; Richmond, Bob (2008-08-04). "L2/08-270R: Proposal for encoding the Mandaic script in the BMP of the UCS" (PDF).
  10. Häberl, Charles (2022). The Book of Kings and the Explanations of This World: A Universal History from the Late Sasanian Empire. Liverpool: Liverpool University Press. pp. 33–34. ISBN 978-1-80085-627-1.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้