หลอเจียหลียง (อักษรจีน: 羅嘉良, พินอิน: Luó Jiāliáng, กวางตุ้ง:Lo4 Gaa1leong4) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "กัลเลน หลอ" (Gallen Lo) เป็นนักแสดงชายเจ้าบทบาทชาวฮ่องกงที่ได้รับความนิยมทั่วเอเชียและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากกับงานแสดงทางด้านละครของสถานีโทรทัศน์ทีวีบีในช่วงกลางยุคทศวรรษ 90 เขาเริ่มอาชีพการเป็นนักแสดงโดยรับบทเป็นตัวประกอบมาก่อนตั้งแต่กลางยุคทศวรรษ 80 และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงต้นยุคทศวรรษ 90 โดยรับบทเป็นทั้งพระเอก, พระรอง และตัวโกง จนมาโด่งดังเป็นพลุแตกในกลางยุคทศวรรษที่ 90 กับการแสดงเป็นตัวร้ายในผลงานละครเรื่อง "ลูกผู้ชายต้องสู้" (Cold Blood Warm Heart 1996) ต่อมาก็ได้รับบทพระเอก ทั้งในละครเรื่อง "หลุมรักพรางใจ" (Old Time Buddy 1997) และ "เลือดรักเลือดทรนง" (Secret of the Heart 1998) ต่างส่งให้เขากลายเป็นพระเอกจอแก้วแนวดราม่าเบอร์หนึ่งของทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี นับตั้งแต่นั้นเขาก็มีผลงานละครตามมาอีกมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จและมีคุณภาพแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดภาค1-2" ( At the Threshold of an Era 1999-2000), "ลูกผู้ชายหัวใจกตัญญู/แค้นสายโลหิต" (Golden Faith 2002) เป็นต้น อีกทั้งเขายังเป็นนักแสดงชายคนแรกในเพียงสามคนเท่านั้นของวงการละครโทรทัศน์ฮ่องกงที่สามารถคว้า "รางวัลเฉลิมฉลองครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบีประจำปี" (TVB Anniversary Awards) ในสาขา "นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม" มาครองได้สำเร็จถึง 3 ครั้งด้วยกัน จนได้รับการขนานนามจากสื่อฮ่องกงในยุคสมัยนั้นว่า "คิง กัลเลน" หรือ "ราชาเจ้าบทบาท หลอเจียเหลียง" (King Gallen)[1][2][3][4][5][6][7]

หลอ เจียเหลียง
เกิด16 ธันวาคม พ.ศ. 2505 (61 ปี)
หลอเฮ่าเหลียง (羅浩良)
ส่วนสูง179.5
คู่สมรส- ซู่หยาน (พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน)
-ฟางหมิ่นอี้ (พ.ศ. 2541–2551)
อาชีพ-นักแสดง
-นักร้อง
ปีที่แสดง-เข้าวงการบันเทิง (พ.ศ. 2527)
-เริ่มอาชีพนักแสดง (พ.ศ. 2529-ปัจจุบัน)
ผลงานเด่น-บท "เฉินลิ" ใน กุหลาบไฟ (พ.ศ. 2535)
-บท"ฟางซู่เกิน" ใน ม่านรักม่านประเพณี (พ.ศ. 2538)
-บทผู้ร้าย "ฉีเจียลี่" ใน ลูกผู้ชายต้องสู้ (พ.ศ. 2539)
-บท "หลี่ฉี" ใน หลุมรักพลางใจ (พ.ศ. 2540)
-บท "เสี่ยวเหวิน" ใน เลือดรักเลือดทรนง (พ.ศ. 2541)
-บท "เย่หยงเทียน"ใน เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด (พ.ศ. 2542) และ
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ภาค 2 (พ.ศ. 2543)
-บท "ติงซั่นเปิ่น" ใน แค้นสายโลหิต/ลูกผู้ชายหัวใจกตัญญู (พ.ศ. 2545)
ฐานข้อมูล
IMDb

หลอเจียเหลียง ได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลงในรายการ "ค้นคว้าหาดาวครั้งที่ 3" เมื่อปีพ.ศ. 2527 (1984) ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ทีวีบีถึงแม้การประกวดในครั้งนั้นเขาจะไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยและทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ก็ไม่ได้สนใจในตัวเขาแม้แต่น้อย แต่ทางโปรดิวเซอร์ของทางสถานีโทรทัศน์เอทีวีกลับเห็นพรสวรรค์ของเขาบนเวทีและได้ชักชวนให้เข้าร้องเพลงประกอบละครกับทางค่ายเอทีวี นานสองปี เช่น ร้องเพลงประกอบละครกับทางช่องในเรื่อง "จิ๋นซีฮ่องเต้" เป็นต้น ต่อมาก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว และได้ร่วมงานแสดงละครชุดกับทางช่องทีวีบีในปีพ.ศ. 2529 (1986) แต่กลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักเนื่องจากในยุคแรก ๆ ฝีมือการแสดงของเขาแข็งมาก จนสื่อต่าง ๆ ในตอนนั้นตั้งฉายาให้เขาว่า "ท่อนไม้" เป็นเหตุให้ต่อมาเขาได้พยายามพัฒนาฝีมือการแสดงของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น จนเข้าสู่ยุคทศวรรษที่ 90 เขาเริ่มได้รับความนิยมขึ้นมาในระดับหนึ่ง จากการสวมบทบาทเป็นตัวร้ายในละครสากลเรื่อง "กุหลาบไฟ" ซึ่งคนดูในตอนนั้นต่างชื่นชมกับการแสดงในบทตัวโกงของเขาในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จากนั้นชื่อเสียงของเขาก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและมีผลงานละครที่ได้รับความสนใจตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น "ม่านรักม่านประเพณี" (Plain Love 1995) ที่รับบทนำร่วมกับ โจว ไห่เม่ย และ จางจ้าวฮุย และนับได้ว่าละครเรื่องนี้เป็นการก้าวขึ้นมารับบทพระเอกเต็มตัวเป็นครั้งแรกหลังจากที่เคยรับบทพระเอกร่วมมาก่อนหน้านี้

จนมาถึงช่วงที่เข้าสู่ยุคทองทางการแสดงของเขาอย่างแท้จริง กับการสวมบทบาทตัวร้าย "ฉีเจียลี่" ในผลงานละครชุดแนวสากลเรื่อง "ลูกผู้ชายต้องสู้" (Cold Blood Warm Heart 1996) ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกและในปีพ.ศ. 2540 (1997) กับการแสดงในงานละครเรื่อง "หลุมรักพรางใจ" (Old Time Buddy 1997) ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและส่งให้เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงชายยอดนิยมแถวหน้าของสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอีกคน จากนั้นก็มีละครที่ได้รับความนิยมอย่างสูงตามมาอีก เช่น "เลือดรักเลือดทรนง" (Secret of the Heart 1998) ที่ทำให้เขาโด่งดังมากมายทั่วเอเชีย จนมาถึงผลงานละครสุดฮิตระดับมาสเตอร์พีซทางการแสดงของเขาเรื่อง "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ( At the Threshold of an Era 1999) และ "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ภาค 2" ( At the Threshold of an Era 2000) ซึ่งทั้งสองภาคนับได้ว่าเป็นผลงานละครชิ้นโบว์แดงที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดในช่วงชีวิตการแสดงของเขามาจนถึงปัจจุบัน

หลอเจียเหลียง เป็นนักแสดงชายคนแรกของวงการละครโทรทัศน์ฮ่องกงที่สามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมทางสายงานละครมาครองได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน คือ ในปีพ.ศ. 2540,2541 และ 2545 (TVB's Best Actor Award three times 1997, 1998, 2002) อีกทั้งยังเป็นนักแสดงชายในสายงานละครเพียงคนเดียว ที่ได้รับการจัดอันดับให้ติดหนึ่งในห้านักแสดงชายที่ดีที่สุดแห่งปีนานติดต่อกันถึงหกปี ในช่วงปีพ.ศ. 2540-2545 (1997, 1998, 1999, 2000, 2001, 2002)

ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 (2003) หลอเจียเหลียงได้ออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบีหลังจากอยู่ที่นี้มานานถึง 17 ปี และหันไปรับงานแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ที่ประเทศจีนเป็นหลักมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีเป็นช่วง ๆ ที่เขาได้กลับเข้ามารับเล่นละครให้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอยู่บ้างแม้จะไม่ใช่ยุคทองของเขาแล้วก็ตาม

ประวัติ

แก้

ชีวิตช่วงต้น (พ.ศ. 2505-2528)

แก้

"หลอเจียเหลียง" มีชื่อเดิมว่า "หลอเฮ่าเหลียง" (Luo Haoliang) และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า "กัลเลน หลอ" (Gallen Lo) เกิดในฮ่องกง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2505 (1962) ในครอบครัวฐานะดี ซึ่งมีกิจการเป็นของตัวเอง โดยที่เขาเป็นบุตรคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน คือมีพี่สาว 2 คน, น้องชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในย่านซัมซุยโป (Sham Shui Po) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแถวเกาลูนในฮ่องกงโดยบรรพบุรุษเดิมมีสัญชาติฮั่นเป็นชาวพื้นเมืองของมณฑลกวางตุ้งเขตตงกวน ประเทศจีน

ในวัยเยาว์ หลอเจียเหลียง เป็นเด็กพูดน้อยรักความสงบชอบอยู่คนเดียวไม่สุงสิงกับใครและค่อนข้างเก็บตัว แต่ว่ากลับชอบการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 11 ปีหลังจากเรียนจบในระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 จาก "โรงเรียนประถมสมาคมไคฟงสวัสดิการ" แล้วก็ได้เข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ "โรงเรียนมัธยมเหมียนเฟิ่ง" และในช่วงนี้ หลอเจียเหลียงเกิดป่วยเป็นโรคแปลก ๆ ที่ชื่อว่า โรคติกส์  (TICS) ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุคือเขามักจะมีอาการขยิบตา หรือกระพริบตาเร็ว ๆ ถี่ ๆ บ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีอาการพูดติดอ่างตามมาจนบางครั้งไม่สามารถพูดเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้ ประจวบกับช่วงนั้นพอดีที่ทางครอบครัวของเขาต้องประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนักเข้าขั้นวิกฤต เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางครอบครัวไม่มีเงินพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องให้หายขาดได้ และด้วยอาการของโรคนี้ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายของการถูกเพื่อน ๆ ในโรงเรียนล้อเลียนเป็นประจำ แต่โชคดีที่เกือบสามปีต่อมาอยู่ ๆ เขาก็หายขาดจากโรคแปลกประหลาดดังกล่าว

ในปีพ.ศ. 2519 (1976) ด้วยปัญหาทางการเงินของครอบครัว หลังจาก หลอเจียเหลียงเรียนจบในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นชั้นปีที่สาม (ม.3) แล้ว เขาต้องย้ายไปเรียนต่อภาคค่ำในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพราะมีเหตุจำเป็นต้องออกมาทำงานช่วยเหลือกิจการทางบ้านในตอนกลางวันเพื่อหารายได้ส่งน้อง ๆ ที่เหลืออีกสองคนให้ได้เรียนต่อจบจน จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2522 (1979) เขาก็ได้ศึกษาสำเร็จในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่หก (ม.6) และได้มีโอกาสเข้าทำงานเป็นคนเขียนแบบที่ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง "ซันฮังไค พร็อพเพอร์ตี้" (Sun Hung Kai) นานอยู่หลายปี ต่อมาเขาก็ได้ย้ายไปเข้าร่วมเป็นพนักงานออกแบบในแผนกการก่อสร้างของเมืองท่าเรือฮ่องกง ซึ่งในเวลาเดียวกันเขาก็ได้เข้าศึกษาต่อภาคค่ำไปด้วยในสาขากราฟิกดีไซน์ เพื่อนำมาพัฒนาทักษะในอาชีพการงานของเขา และในปีพ.ศ. 2526 (1983) ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมในการออกแบบก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมของ"ห้างสรรพสินค้าฮาร์เบอร์ซิตี้" (Harbour City) ย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง (มีขนาด 700,000 ตารางฟุต)

ต่อมาในปีพ.ศ. 2527 (1984) ในขณะที่ยังคงทำงานประจำอยู่ หลอเจียเหลียง ได้ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงในรายการ "ค้นคว้าหาดาว" ครั้งที่3 (the New Talent Singing Awards 1984) ที่จัดการประกวดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ทีวีบีถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับรางวัลใด ๆ จากการประกวดในครั้งนี้ แต่ด้วยความสามารถในการร้องเพลงของเขาบนเวทีได้ไปแตะตานักแต่งเพลงชาวฮ่องกงนามว่า "ลู่กั๊วซาน" (Lu Guozhan) ซึ่งในตอนนั้นเขาคนนี้เป็นโปรดิวเซอร์ทำเพลงประกอบละครให้กับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี และได้ชักชวน หลอเจียเหลียง ให้เข้าร่วมงานร้องเพลงประกอบละครกับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี (ATV) เป็นระยะเวลาสองปีโดยที่เขายังคงทำงานประจำควบคู่ไปด้วย ซึ่งผลงานเพลงประกอบละครที่เขาได้ร้องให้กับทางค่ายเอทีวีมีทั้งหมด 7 เรื่องด้วยกัน แต่ที่โดดเด่นมาก ๆ เช่น ละครเรื่อง "แค้นศรสวาท" (Jade Bow Connection 1984), "กระบี่กู้บัลลังก์" (Chronicles Of The Shadow Swordsman 1985) ส่วนเพลงประกอบละครที่เขาร้องแล้วคุ้นหูผู้ชมมากที่สุด คือ เพลงไตเติ้ลของละครเรื่อง "จิ๋นซีฮ่องเต้" (The Rise of the Great Wall - Emperor Qin Shi Huang 1986) ฉบับปีพ.ศ. 2529 ซึ่งเป็นละครแนวอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มใหญ่ที่ได้รับความนิยมของทางค่ายเอทีวี นั่นเอง

ช่วงไต่เต้า (พ.ศ. 2529-2532)

แก้

กลางปีพ.ศ. 2529 (1986) หลังจากหมดสัญญาการร้องเพลงประกอบละครให้กับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวีแล้ว หลอเจียเหลียง ได้ตัดสินใจ เข้าสมัครคัดเลือกเป็นศิลปินกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เมื่อผ่านการคัดเลือกก็ได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมการแสดงกับทางค่ายในหลักสูตรระยะสั้น 6 เดือน และเริ่มงานแสดงครั้งแรกในปลายปีนั้นทันทีด้วยละครแนวซิทคอม ตอนสั้น เรื่อง "ชีวิตคนเมือง" (City Japes 1986)

ปีต่อมาพ.ศ. 2530 ยังคงเล่นละครซิทคอม ตอนสั้น ๆ ในเรื่อง "อ้อมอกแม่" (The Seasons 1987) จากนั้นเริ่มขยับขึ้นมารับบทสมทบในละครหลายตอนจบ เช่น "ดับเครื่องชน" (The Final Verdict 1988), "คนปาบ"(Behind Silk Curtains 1988), "เกิดมาเฮง"(The Legend of Master Chan 1989), "คุณรักกันอย่างไร" (相愛又如何 1989), "คู่แค้นสายโลหิต" (Looking Back in Anger 1989), "กลับเมืองจีนดีกว่า" (Yanky Boy 1989), "ดาบจอมภพ" (龙廷争霸 1989) แต่ผลงานละครเหล่านี้ กลับไม่ได้นำพาชื่อเสียงให้กับเขาได้เลย แถมยังโดนสื่อในตอนนั้น วิจารณ์ว่าการแสดงของเขานั้นแข็งมาก และตั้งฉายาให้กับเขาว่า "ท่อนไม้" แต่หลอเจียเหลียง กลับไม่หวั่นต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อ และพยายามพัฒนาฝีมือด้านการแสดง ให้ดีขึ้น

ช่วงพัฒนาฝีมือการแสดง (พ.ศ. 2533-2534)

แก้

หลังจากได้รับฉายาจากสื่อว่า "ท่อนไม้" หลอเจียเหลียง ได้พยายามพัฒนาฝีมือการแสดงของเขาเองเพื่อลบคำสบประมาทต่างๆ และก้าวเข้าสู่ยุค 90 ประเดิมบทบาทการแสดงที่เด่นขึ้นกว่ายุคก่อนด้วยบทพระรองในละครสากลฟอร์มใหญ่เรื่อง "เลือดนักสู้" (Rain in the Heart 1990 ) นำแสดงโดย กัวจิ้นอันและหลินเจียหัว เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับการยอมรับขึ้นมาในระดับหนึ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มมีบทบาทที่หลากหลายมากขึ้น

ตามต่อด้วยละครสากลแนวคอมเมดี้เรื่อง "สามี...ขี้จุ๊" (失職丈夫 1990), "กระบี่เลือดเหล็กไหล" (The Hunter's Prey 1990), "แม้ฟ้าจะลิขิต" (Silken Hands 1990), "มังกรเจ้ายุทธจักร" (MYSTERY OF THE PARCHMENT :天龍奇俠 1991), "รอยรักรอยแค้น"(Live For Life 1991) ละครเรื่องนี้เป็นการรับบทพระเอกครั้งแรกแต่ในฐานะพระเอกร่วมกับดาราชายอีกคน, "หน่วยกู้จรชน" (Police on the Road 1991) และ ประกาศิตเพชรฆาตสาว (The Survivor 1991)

ซึ่งผลงานละครเหล่านี้ทั้งหมดทำให้เขาได้รับการยอมรับทางด้านฝีมือการแสดงขึ้นมาในระดับหนึ่งและลบคำสบประมาทจากสื่อได้สำเร็จ

ช่วงเริ่มได้รับความนิยม (พ.ศ. 2535-2537)

แก้

จนมาถึงในปีพ.ศ. 2535 (1992) กับการสวมบทบาทตัวร้ายได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับคำชื่นชมจากคนดูละครมากมาย กับผลงานละครสากลสุดฮิตเรื่อง "กุหลาบไฟ" (Vengeance 1992) ที่นำแสดงโดย เวิ่นปี้เสีย และ เวินเจ้าหลุน จากความโด่งดังของละครเรื่องนี้ทำให้ตัวเขาเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นกว่าเดิมถึงแม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงเหมือนสองพระนางของเรื่องนี้ก็ตาม

ต่อด้วยผลงานละครเด่น ๆ ตามมาอีกหลายเรื่องเช่น "หลักสูตรมรณะ" (Tales from Beyond 1992), "หักเหลี่ยม" โค่นเซียนพนัน (Bet On Fate 1992), "มังกรหยกภาคพิเศษ ตอน เฮ้งเตงเอี้ยง" (Rage And Passion 1992), "ตำรวจหญิงตระกูลหยาง" (Yang`s Women Warrior 1993), "จ้าวพยัคฆ์เซี่ยงไฮ้" (The Hero from Shanghai1993), "ห้าคู่ชูชื่น" (the art of being together 1993), "พลังรัก" (A Spirit of Love 1993), "จอมใจจักรพรรดิ์ ตอนหงส์มังกรผงาดฟ้า" (THE LAST CONQUEST 1994), "มังกรหยก ภาค1" (The Legend of the Condor Heroes 1994) และ "วิบากชีวิต" (Hand of Hope 1995) โดยเฉพาะการสวมบทบาท "เอี้ยคัง" ในละครกำลังภายในรีเมคเรื่อง มังกรหยก ภาค1 ฉบับปีพ.ศ. 2537 ได้ทำให้เขาได้รับคำชมจากสื่อหลายสำนักว่า เขาสามารถแสดงบท เอี้ยคังออกมาได้ดีใกล้เคียงกับดาราชายชื่อดังรุ่นพี่ เหมียวเฉียวเหว่ย ที่เคยสวมบทบาทนี้ในเวอร์ชันก่อน


ช่วงยุคทอง (พ.ศ. 2538-2545)

แก้

และก็มาถึงช่วงที่ หลอเจียเหลียงได้รับความนิยมถึงจุดขีดสุดในอาชีพการเป็นนักแสดงกับสายงานละคร เมื่อเขาได้รับโอกาสจากทางค่ายทีวีบี ให้รับบทนำเป็นพระะเอกอย่างเต็มตัว ประกบกับดาราสาวชื่อดังแห่งยุค 90 โจว ไห่เม่ยในละครดราม่าเรื่อง "ม่านรักม่านประเพณี" (Plain Love 1995) ที่มีดาราชาย จางจ้าวฮุย ร่วมแสดงนำด้วย เมื่อละครได้ลงสู่จอโทรทัศน์ ปรากฏว่าผลตอบรับจากคนดูและยอดเรตติ้งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้ทางค่ายทีวีบี เริ่มผลักดันส่งเสริมเขาอย่างเต็มที่กับผลงานละครถัดมา ซึ่งในปีเดียวกันทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ได้ประกาศสร้างละครสากลสมัยใหม่ฟอร์มใหญ่ที่จะนำออกฉายสู่จอทีวีในปีหน้าเรื่อง "ลูกผู้ชายต้องสู้" (Cold Blood Warm Heart 1996) ที่มีความยาวถึง 65 ตอนโดยมีรายชื่อนักแสดงที่เป็นทั้งดาราชื่อดังในอดีตและปัจจุบันมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง สร้างความฮือฮาแก่ผู้คนในตอนนั้นเป็นอย่างมาก เช่น เจิ้งเส้าชิว, จาง จื้อหลิน, เฉิน สงหลิง, ซุนซวน, กู่ เทียนเล่อ, จางเข่ออี้, จางเจ้าฮุย, หลี่จือสง, พานจื่อเหวิน, กวนไห่ซัน และเขา ในบทบาทตัวร้าย

ในปีพ.ศ. 2539 (1996) เมื่อละครเรื่อง "ลูกผู้ชายต้องสู้" ได้ออกฉายลงสู่จอโทรทัศน์ก็ได้สร้างปรากฏการณ์กลายเป็นละครสากลที่ได้รับความนิยมสูงมากแห่งปี นำพาชื่อเสียงและความนิยมให้แก่เหล่านักแสดงในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับ หลอเจียเหลียงในบทบาทตัวร้าย "ฉีเจียลี่" ที่เขาแสดงบทนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่กล่าวขวัญถึงจากคนดูละครในตอนนั้นเป็นอย่างมาก และด้วยความสำเร็จทางด้านเรตติ้งของละครชุดเรื่องนี้ ส่งให้เขากลายเป็นนักแสดงชายแม่เหล็กแถวหน้าคนหนึ่งของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีโดยทันที ส่วนผลงานละครเด่นเรื่องอื่น ๆ ในปีเดียวกัน ได้แก่ "โปเยโปโลเย ภาค 1" (Dark Tales 1996), "ไฟรักไฟลวง" (Ambition 1996), "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" (Once Upon a Time in Shanghai 1996), "ล้างมาเฟีย ภาค 2" (Criminal Investigator II 1996) ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จพอควร

ปีถัดมาพ.ศ. 2540 (1997) ประเดิมบทบาทการแสดงกับผลงานละครเรื่อง "อาถรรพ์สองภพ" (Mystery Files 1997) ตามต่อด้วยผลงานสุดฮิตแห่งปีเรื่อง "หลุมรักพรางใจ" (Old Time Buddy 1997) ที่ร่วมแสดงนำกับจางเข่ออี้, อู๋เจิ้นหวี่ และ ซวนซวน โดยเฉพาะละครเรื่องหลังนี้ทำให้เขาคว้า"รางวัลเฉลิมฉลองครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบีประจำปี" (TVB Anniversary Awards) ในสาขา "นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม" เป็นครั้งแรกจากการสวมบทบาทพระเอกในละครเรื่องนี้มาครองได้สำเร็จซึ่งสามารถเอาชนะนักแสดงชื่อดัง หวงเย่อหัว ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลในสาขาเดียวกันกับเขาจากการสวมบทบาท เฉียวฟง ในละครกำลังภายในรีเมคยอดนิยมเรื่อง "8 เทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับปีพ.ศ. 2540 จากความสำเร็จอย่างสูงของ หลอเจียเหลียง ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงชายเบอร์หนึ่งอีกคนหนึ่งของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีโดยทันที และมีค่าตัวต่อตอนในการเล่นละครสูงมากคนหนึ่งของทางค่ายทีวีบีจนสื่อขนานนามว่าเป็น "พี่ใหญ่ในสังกัดทีวีบี" (TVB One Brother )

ปีพ.ศ. 2541 (1998) จากความสำเร็จของละคร"หลุมรักพรางใจ" (Old Time Buddy 1997) ทำให้ทางค่ายทีวีบีต้องสร้างภาคต่อขึ้นมาโดยได้นักแสดงนำจากภาคแรกเกือบทุกคนมาเล่นในภาคต่อนี้ โดยใช้ชื่อละครว่า "พยัคฆ์ร้ายหลี่ฉี" (Old Time Buddy - To Catch A Thief 1998) เมื่อออนแอร์ลงจอทีวีก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ไม่เท่าภาคหนึ่งด้วยบทที่อ่อนลงกว่าภาคแรกนั้นเองและในปีเดียวกันผลงานละครแนวสากลยุคใหม่ฟอร์มใหญ่แห่งปีเรื่อง "เลือดรักเลือดทรนง" (Secret of the Heart 1998) ที่มีความยาวถึง 62 ตอนจบและได้ดาราดังมากมายมาร่วมงานกันเช่น หวงเย่อหัว, กัวอ่ายหมิง, โจวไห่เม่ย, จางเจียฮุย และเขา เมื่อละครออกฉายก็สามารถคว้าแชมป์เป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดแห่งปีมาครองได้สำเร็จ เพราะด้วยบทที่น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง สามารถตรึงคนดูให้ติดตามได้ตลอด 62 ตอนจบกลายเป็นอีกหนึ่งละครแนวสากลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของทางค่ายทีวีบีในยุคทศวรรษที่ 90 อีกด้วย และด้วยเรตติ้งความนิยมอย่างสูงของละครโทรทัศน์เรื่องนี้ ต่อมาในปีเดียวกัน หลอเจียเหลียง ได้เปิดตัวอัลบั้มเพลงที่ใช้ชื่อเดียวกับละคร "เลือดรักเลือดทรนง" (Heaven and Earth) ซึ่งสามารถทำยอดขายเดือนแรกได้ถึง 75,000 ชุดในฮ่องกง และต่อมายอดขายก็สามารถทะลุผ่านหลักแสนจนได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวถึงสองครั้งด้วยกันจาก "สมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ" (IFPI) จากความสำเร็จของยอดขายในอัลบั้มชุดนี้ ทำให้เขาได้มีโอกาสจัดคอนเสิร์ต 4 รอบต่อเนื่องเป็นของตัวเองภายใต้ชื่อคอนเสิร์ตว่า "หลอเจียเหลียง แฟลช แฟลช แฟลช อิน คอนเสิร์ต" (Luo Jialiang flash flash flash) และการแสดงคอนเสิร์ตทั้ง 4 รอบก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนต้องจัดคอนเสิร์ตเพิ่มอีก 2 รอบในเวลาต่อมา ถือได้ว่าเป็นปีทองของเขาเป็นอย่างมาก เพราะ ผลงานในปีนี้ของ หลอเจียเหลียงประสบความสำเร็จทั้งงานด้านละครและงานเพลง พอสิ้นปีเขาได้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล "โกลเด้น ท็อปเท็นจิงเกิล" (Golden Ten Top Jinge) และสามารถคว้ารางวัล "ผลงานเพลงดีเด่นแห่งปี 1998" มาครองอีกทั้งทางด้านการแสดง หลอเจียเหลียง ยังมีชื่อเข้าชิง "รางวัลเฉลิมฉลองครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบีประจำปี" (TVB Anniversary Awards) ในสาขา "นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแห่งปี" อีกด้วยและเขาก็สามารถคว้ารางวัลนี้มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งที่สอง

ปีถัดมาพ.ศ. 2542 (1999) หลอเจียเหลียง ได้โชว์ความสามารถทางการแสดงของเขาด้วยการ พลิกคาแร็คเตอร์ ของตัวเองเข้าแสดงสวมบทบาทเป็นสาวประเภท 2 ครั้งแรกและครั้งเดียวในลยชะครสากลแนวตลกเรื่อง "มิสเตอร์ไดอาน่า...ผู้หญิงสวย...ล่ำบึ๊ก"(Feminine Masculinity) 1999) ร่วมนำแสดงกับ เฉินฮุ่ยซัน และ เจียงหัว ปรากฏว่าเมื่อออกฉายลงสู่จอทีวีในฮ่องกง ก็ได้สร้างความฮือฮาแก่คนดูละครเป็นอย่างมากกับการสวมบทบาทสาวประเภทสองของเขาในครั้งนี้ และมาถึงผลงานละครในปีเดียวกันที่สร้างเรตติ้งสูงสุดของปีเรื่อง "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ( At the Threshold of an Era 1999) ซึ่งเป็นละครแนวสากลฟอร์มใหญ่แห่งปีที่มีความยาว 51 ตอนจบ โดยสามารถดึงดาราชั้นนำของทางช่องทีวีบีหลายรุ่นมาประชันบทบาทกันอย่างถึงพริกถึงขิง เช่น เฉินจิ่นหง, กัวจิ้นอัน, เฉินฮุ่ยซัน, เส้าเหม่ยฉี, อู๋ฉีหลง, กัวเส้าเหวิน, หลิวข่ายเวย, หม่าเต๋อจง, หวังหมิงฉวน, ฉินเพ่ย, กัวฟง, หลอเล่อหลิน, ไซ่เส้าเฟิน, กู่เทียนเล่อ และ หลินฟง โดยมีคู่พระนางหลักคือหลอเจียเหลียง กับ กัวเข่ออิง เมื่อละครออนแอร์ออกอากาศทางทีวี ก็ได้สร้างกระแสเป็นที่กล่าวขวัญจากผู้ชมละครเรื่องนี้มากมาย ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นน่าติดตามและการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเหล่านักแสดงทุกคนในเรื่อง ทำให้ละครเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วเอเชีย โดยเฉพาะการแสดงที่ตีบทแตกของ หลอเจียเหลียง ในบท "เย่หยงเทียน" ซึ่งเป็นพระเอกที่มีความร้ายกาจแฝงอยู่ ส่งให้เขากลายเป็นพระเอกละครดราม่าเบอร์หนึ่งแห่งยุคของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีทันที พอสิ้นปี หลอเจียเหลียง มีรายชื่อเข้าชิง "รางวัลเฉลิมฉลองครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบีประจำปี" (TVB Anniversary Awards) ในสาขา "นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแห่งปี" อีกครั้งแต่ทว่าเมื่อประกาศผลรางวัลผู้ชนะกลับพลิกล็อกตกเป็นของนักแสดงชายรูปหล่อ กู่เทียนเล่อ แทนกับการแสดงบทนำของเขาในผลงานละครสากลแนวสืบสวนคลี่คลายคดีเรื่อง "ทีมล่าพระกาฬ (คดีดังกอง ปราบ ภาค 4)" [etective Investigation 1999] ทำให้ หลอเจียเหลียงต้องชวดรางวัลนี้ลงไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามละครเรื่อง "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ถือได้ว่าเป็นละครชุดที่โด่งดังทั่วเอเชียมากที่สุดในช่วงชีวิตการเป็นนักแสดงของ หลอเจียเหลียง มาจนถึงทุกวันนี้

ปีพ.ศ. 2543 (2000) ละครภาคต่อของเรื่อง "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ภาค 2" ( At the Threshold of an Era II 2000) ได้ออนแอร์ลงสู่จอโทรทัศน์ทันที ซึ่งมีนักแสดงเกือบทั้งหมดจากภาคหนึ่งมาร่วมแสดง โดยมีแกนนำเป็น หลอเจียเหลียง เช่นเดิม แต่บทบาทตัวละครเดิมของเขาในภาคนี้กลับมีบุคลิกที่แตกต่างจากภาคก่อน โดยภาคแรกเขาเล่นเป็นพระเอกที่มีความร้ายกาจอยู่ในตัวแต่ภาคหลังเขาแสดงบทเดิมแต่เป็นพระเอกที่แสนดี ซึ่งเขาก็สามารถแสดงคาแรกเตอร์ที่ต่างกันออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และผลตอบรับจากผู้ชมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกันถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าภาคแรกก็ตามเพราะเนื้อหาของบทที่อ่อนลงและดูไม่สมเหตุสมผลของตัวละครในเรื่องนั้นเอง

ในปีเดียวกันละครสุดฮิตเรื่องนี้ทั้งภาค1และ2 ได้ออนแอร์ลงสู่จอโทรทัศน์ในจีนแผ่นดินใหญ่ และได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ทำให้ หลอเจียเหลียง กลายเป็นดาราเนื้อหอมที่ทางผู้กำกับในจีนแผ่นดินใหญ่หลายคนอยากร่วมงานด้วยทันที ถือได้ว่าละครเรื่องนี้เป็นใบเบิกทางให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่วงการแสดงในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่

ปีพ.ศ. 2544 (2001) เนื่องจากความสำเร็จของละครชุดเรื่อง "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ในจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เขาต้องเดินทางไปโชว์ตัวที่นั้นและช่วงนี้ หลอเจียเหลียงได้ถูกติดต่อทาบทามจากผู้กำกับในจีนหลายคนให้เข้าร่วมแสดงละครที่จีนพร้อมยื่นของเสนอราคาต่อตอนที่สูงมากให้แก่เขา แต่เนื่องจากเขาได้ติดสัญญากับทางค่ายทีวีบีอยู่ในขณะนั้น จึงทำให้เขาต้องปฏิเสธข้อเสนอเม็ดงามนี้ลงไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนผลงานละครในปีนี้ที่เด่น ๆ ได้แก่ ละครสั้นอย่างเรื่อง " 7 sisters", "หัวใจจำหน่ายรัก(ความหวังของหัวใจ)" (Hope For Sale 2001) ร่วมนำแสดงกับ อู่หยางเหว่ย และ อู๋เหม่ยเหิง ซึ่งเป็นละครสากลแนวตลกขบขัน และ"เกมแค้นทะลุพิกัดรัก" (At Point Blank 2001) ทั้งสามผลงานละครเมื่อได้ออกฉายลงจอทีวีกลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเหมือนละครเรื่องอื่น ๆ ของเขาที่ผ่านมาจนมีบางสื่อวิจารณ์ว่าเขาเริ่มขาลงแล้ว แต่ทว่า หลอเจียเหลียงกลับไม่สนใจเพราะเขาเริ่มหาลู่ทางที่จะไปเป็นนักแสดงในจีนแผ่นดินใหญ่สำหรับอนาคตไว้แล้วเพียงแต่รอเวลาให้หมดสัญญากับทางช่องทีวีบีเท่านั้น

ในปีถัดมาพ.ศ. 2545 (2002) ละครสากลสมัยใหม่ฟอร์มใหญ่เรื่อง "แค้นสายโลหิต" (Golden Faith 2002) ที่เขาได้แสดงประชันบทบาทอย่างเข้มข้นกับดาราชายเจ้าบทบาทชื่อดัง เวินเจ้าหลุน และยังมีนักแสดงชั้นนำที่ร่วมแสดงด้วย เช่น ซุนซวน, ฉินเพ่ย และ หลินฟง เนื้อเรื่องเป็นการชิงไหวพริบ ความรัก และความแค้นระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือด โดย หลอเจียเหลียง รับบทเป็นพี่ชาย "ติงซั่นเปิ่น" และ เวินเจ้าหลุน รับบทเป็นน้องชาย "จงโส่วคัง" และด้วยเนื้อหาของละครที่เข้มข้นและการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาและเวินเจ้าหลุนทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์เป็นอย่างมากและนับได้ว่าเป็นผลงานละครอีกเรื่อง หนึ่งที่เขาได้โชว์ทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมอย่างเต็มที่ พอสิ้นปี หลอเจียเหลียง ก็สามารถคว้า "รางวัลเฉลิมฉลองครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบีประจำปี" (TVB Anniversary Awards) ในสาขา "นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแห่งปี" ได้สำเร็จเป็นครั้งที่สาม ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงชายคนแรกในสายละครโทรทัศน์ฮ่องกงที่สามารถคว้ารางวัลนี้มาครองได้ถึงสามครั้ง

ปีพ.ศ. 2546 (2003) ผลงานละครแนวสืบสวน–ผจญภัยเรื่อง "ผ่าคดีปริศนาท้ามรณะ" (The W Files 2003) ที่มีความยาว 30 ตอนจบ โดยเขาร่วมแสดงนำกับ เมิ่งเจียฮุย, กั๊วะจิ้นอัน และเซี่ยงไห่หลาน เป็นละครที่มีการดำเนินเรื่องคล้ายบทละครโทรทัศน์ยอดนิยมของอเมริกาเรื่อง "แฟ้มลับคดีพิศวง" (The X-Files) โดย หลอเจียเหลียง รับบทเป็น "เว่ยซิ่วหลี่" หรือ "เวสลี่ย์" นักสืบเอกชนที่มักจะได้เจองานแปลกๆ เป็นประจำ และต้องเข้าไปพัวพันกับคดีแปลกๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ถึงแม้ละครจะสนุกแต่ด้วยบทที่ค่อนข้างอ่อนทำให้ผลเรตติ้งประสบความสำเร็จในระดับกลาง ๆ เท่านั้น ถือเป็นละครเรื่องสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสัญญากับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีและตัดสินใจออกจากช่องเพื่อหันไปรับงานแสดงที่จีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลักด้วยค่าตัวที่สูงกว่าตอนที่อยู่กับทีวีบีหลายเท่า

หมดยุคทองเข้าสู่ปัจจุบัน (พ.ศ. 2547-ปัจจุบัน)

แก้

หลังจากออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ที่เขาอยู่ร่วมงานแสดงมาอย่างยาวนานถึง 17 ปี (พ.ศ. 2529-2546) เขาก็ได้ผันตัวเองเข้าไปรับงานแสดงที่จีนแผ่นดินใหญ่ทั้งงานละครและภาพยนตร์เป็นหลัก กับบริษัทตัวแทนหลากหลาย ซึ่งเน้นตลาดจีนแผ่นดินใหญ่โดยมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอยู่ที่นั้นด้วยค่าตัวทางด้านละครต่อตอนที่สูงมากทำให้เขาไม่จำเป็นต้องรับงานแสดงปีละหลาย ๆ เรื่องเหมือนแต่ก่อน แต่ทว่าหลังจากออกจากทางค่ายทีวีบีแล้ว ชื่อเสียงในระดับเอเชียของเขาก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน

ในขณะที่เขาประสบความสำเร็จกับงานแสดงเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ ต่อมา หลอเจียเหลียงก็ได้มีโอกาสกลับมารับงานแสดงในฮ่องกง กับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อีกครั้งเป็นช่วง ๆ และมีผลงานละครชุดกับทางค่ายที่โดดเด่น ได้แก่ "ยุทธจักรยอดนักปรุง หรือ เซียนบะหมี่" (Magic Chef 2005) ผลงานละครเมื่อปีพ.ศ. 2548, "สื่อรักสัตว์เลี้ยง" (When A Dog Loves A Cat 2008) ผลงานละครเมื่อปีพ.ศ. 2551, "หักเหลี่ยมตระกูลโหด" (Born Rich 2009) ผลงานละครเมื่อปีพ.ศ. 2552 และ "ยอดคนซ่อนคม" (Provocateur 2017) ผลงานละครเมื่อปีพ.ศ. 2560

แต่ทว่าผลงานละครเหล่านี้ก็ไม่ได้นำพาความสำเร็จในระดับเอเชียให้แก่เขาได้เหมือนในอดีต สาเหตุเพราะหมดยุคทองของละครชุดทางฮ่องกงไปแล้วนั่นเอง

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

แก้

"หลอเจียเหลียง" ประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงกับสายงานละครโทรทัศน์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะตอนเล่นละครให้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) และเคยได้รับความนิยมถึงจุดสูงสุดมาแล้วในช่วงกลางยุคทศวรรษที่ 90-ต้นสหัสวรรษใหม่ (1996-2003) แตกต่างจากงานแสดงทางด้านภาพยนตร์ที่เขากลับไม่พบกับความความสำเร็จเท่างานละคร

นอกจากอาชีพนักแสดงแล้ว หลอเจียเหลียงยังมีอีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นนักร้องอาชีพอีกด้วยและเขาก็ประสบความสำเร็จกับอาชีพนักร้องพอสมควรในฮ่องกง โดยในช่วงระยะเวลา 17 ปี(พ.ศ. 2529-2546) ที่เขาได้ทำงานร่วมกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) หลอเจียเหลียง มีผลงานอัลบั้มเพลงทั้งหมดถึง 13 ชุดด้วยกัน แต่ที่ประสบความสำเร็จและกลายเป็นคลาสสิกมาจนถึงปัจจุบันมีสองชุดคือ อัลบั้มเพลงประกอบละครเรื่อง หลุมรักพรางใจ (Difficult Brothers Original Soundtrack 1997) และ เลือดรักเลือดทรนง (Heaven and Earth Soundtrack Original Soundtrack 1998) ซึ่งทั้งสองชุดนี้ต่างได้รับรางวัลยอดขายระดับแพลตตินั่ม

รางวัลใหญ่

แก้

ผลงาน

แก้

ยุค 80

แก้
  • ชีวิตคนเมือง (City Japes 1986) ละครสั้น
  • อ้อมอกแม่ (The Seasons 1987) ละครซิทคอม
  • ดับเครื่องชน (The Final Verdict 1988) นำแสดงโดย เจิ้งเส้าชิว,กัวจิ้นอัน,หลอเจียเหลียง
  • "คนปาบ" (Behind Silk Curtains 1988)
  • เกิดมาเฮง (The Legend of Master Chan 1989) นำแสดงโดย เหวินเจ้าหลุน+เจิ้งหัวเชี่ยน+ โจวไห่เหม่ย +หลอเจียเหลียง
  • คุณรักกันอย่างไร (相愛又如何 1989)
  • คู่แค้นสายโลหิต (Looking Back in Anger 1989) นำแสดงโดย
  • กลับเมืองจีนดีกว่า (Yanky Boy 1989) นำแสดงโดย
  • ดาบจอมภพ (龙廷争霸 1989) นำแสดงโดย อู๋ไต้หย่ง, เซียะหนิง และ เหลียงเพ่ยหลิง

ยุค 90

แก้
  • "เลือดนักสู้" (Rain in the Heart 1990 ) นำแสดงโดย กัวจิ้นอันและหลินเจียหัว
  • "สามี...ขี้จุ๊" (失職丈夫 1990)
  • "กระบี่เลือดเหล็กไหล" (The Hunter's Prey 1990) นำแสดงโดย หลิวซิหมิง โจวฮุ่ยเหมิ่น หลอเจียเหลียง จางเจ้าฮุย หลินอิงเสีย
  • "แม้ฟ้าจะลิขิต" (Silken Hands 1990)
  • "มังกรเจ้ายุทธจักร" (MYSTERY OF THE PARCHMENT :天龍奇俠 1991)
  • "รอยรักรอยแค้น"(Live For Life 1991) นำแสดงโดย เจิ้งหัวเชี่ยน และ เจิ้งเฮ่าหนาน
  • "หน่วยกู้จรชน" (Police on the Road 1991)
  • "ประกาศิตเพชรฆาตสาว" (The Survivor 1991)
  • "กุหลาบไฟ" (Vengeance 1992) นำแสดงโดย เวิ่นปี้เสีย เหวินเจ้าหลุน หลอเจียเหลียง
  • "หลักสูตรมรณะ" (Tales from Beyond 1992)
  • "หักเหลี่ยม โค่นเซียนพนัน" (Bet On Fate 1992)
  • "มังกรหยก ตอน เฮ้งเตงเอี้ยง" (Rage And Passion 1992)
  • "ตำรวจหญิงแซ่หยาง" (Yang`s Women Warrior 1993)
  • "จ้าวพยัคฆ์เซี่ยงไฮ้" (The Hero from Shanghai1993)
  • "ห้าคู่ชูชื่น" (the art of being together 1993)
  • "พลังรัก" (A Spirit of Love 1993)
  • "จอมใจจักรพรรดิ์ ตอนหงส์มังกรผงาดฟ้า" (THE LAST CONQUEST 1994)
  • "มังกรหยก ภาค1" (The Legend of the Condor Heroes 1994)
  • "วิบากชีวิต"(Hand of Hope 1995)
  • "ม่านรักม่านประเพณี" (Plain Love 1995) นำแสดงโดย หลอเจียเหลียง, โจวไห่เม่ย, จางจ้าวฮุย
  • "ลูกผู้ชายต้องสู้" (Cold Blood Warm Heart 1996)
  • "โปเยโปโลเย ภาค 1"( Dark Tales 1996)
  • "ไฟรักไฟลวง" (Ambition 1996)
  • "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" (Once Upon a Time in Shanghai 1996)
  • "ล้างมาเฟีย ภาค 2" (Criminal Investigator II 1996)
  • "อาถรรพ์สองภพ" (Mystery Files 1997)
  • "หลุมรักพรางใจ" (Old Time Buddy 1997) นำแสดงโดย หลอเจียเหลียง, จางเข่ออี้, อู๋เจิ้นหวี่, ซวนซวน
  • "พยัคฆ์ร้ายหลี่ฉี" (Old Time Buddy - To Catch A Thief 1998)
  • "เลือดรักเลือดทรนง" (Secret of the Heart 1998) นำแสดงโดย หวงเย่อหัว, หลอเจียเหลียง, กัวอ่ายหมิง, โจวไห่เม่ย, จางเจียฮุย
  • "มิสเตอร์ไดอาน่า..ผู้หญิงสวย ล่ำบึ๊ก" (Feminine Masculinity 1999) นำแสดงโดย หลอเจียเหลียง, เฉินฮุ่ยซัน, เจียงหัว
  • "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ( At the Threshold of an Era 1999)

ยุค 00

แก้
  • "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ภาค 2" ( At the Threshold of an Era II 2000)
  • "เกมแค้นทะลุพิกัดรัก/รักเต็มร้อย...ไม่(ค่อย)ปันใจ" (At Point Blank 2001) นำแสดงโดย หลอเจียเหลียง,เซียะเทียนหัว,ซูอี้หัว,หูซิ่งเอ๋อ
  • "ลูกผู้ชายหัวใจกตัญญู/แค้นสายโลหิต" (Golden Faith 2002) นำแสดงโดย หลอเจียเหลียง, เหวินเจ้าหลุน, ซุนซวน, ฉินเพ่ย
  • 7 sisters
  • "หัวใจจำหน่ายรัก(ความหวังของหัวใจ)" (Hope For Sale) นำแสดงโดย อู่หยางเหว่ย และ อู๋เหม่ยเหิง
  • "ผ่าคดีปริศนาท้ามรณะ" (The W Files 2003) นำแสดงโดย เมิ่งเจียฮุย, กั๊วะจิ้นอัน, เซี่ยงไห่หลาน
  • "ยุทธจักรยอดนักปรุง [เซียนบะหมี่]" (Magic Chef 2005) นำแสดงโดย จางเว่ยเจี้ยน, อู๋เจินหวี่, หลอเจียเหลียง และ สวีจื่ออัน
  • "สื่อรักสัตว์เลี้ยง" (When A Dog Loves A Cat 2008)
  • "หักเหลี่ยมตระกูลโหด" (Born Rich 2009)

ยุค 10

แก้
  • "ยอดคนซ่อนคม" (Provocateur 2017)

อ้างอิง

แก้
  1. เรื่องราวในชีวิตของ หลอเจียเหลียง
  2. นักแสดงชายที่ดีที่สุดหกปี หลอเจียเหลียง
  3. ชีวิตส่วนตัวของ หลอเจียเหลียง
  4. หลอเจียเหลียง[ลิงก์เสีย]
  5. ประวัติย่อๆของ หลอเจียเหลียง
  6. "เส้นทางบันเทิง ของ อาหลอ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-11-01. สืบค้นเมื่อ 2019-11-01.
  7. ประวัติโดยละเอียดของ หลอเจียเหลียง

แหล่งข้อมูล

แก้