วิหารไฟแห่งแยซด์

วิหารไฟแห่งแยซด์ (เปอร์เซีย: آتشکده یزد, Ātaškade-ye Yazd, อังกฤษ: Fire Temple of Yazd) หรือ ออแตชแบฮ์รอเมแยซด์ (เปอร์เซีย: آتش بهرام یزد, Ātaš Bahrām-e Yazd หรือ Yazd Atash Behram) เป็นวิหารไฟในศาสนาโซโรอัสเตอร์ ตั้งอยู่ที่แยซด์ แคว้นแยซด์ ประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการนับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์มาตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล[1] ในวิหารเป็นที่ประดิษฐานออแตชแบฮ์รอมหรือ "ไฟแห่งชัยชนะ" ที่ลุกไหม้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 470 และเป็นไฟเดียวในเก้าออแตชแบฮ์รอม ที่ตั้งอยู่ในอิหร่าน ที่เหลืออีกแปดไฟปัจจุบันอยู่ในประเทศอินเดีย[2][3] การบูชาไฟในศาสนาโซโรอัสเตอร์เป็นการบูชาไฟในฐานะรูปอวตารของพระอาฮูรามาซดา[2] ไฟชนิดออแตชแบฮ์รอมเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ประกอบขึ้นมาจากไฟสิบหกแหล่งแตกต่างกัน เช่น ไฟที่เกิดจากฟ้าผ่า[4]

ด้านหน้าของออแตชแบฮ์รอเมแยซด์

ประวัติศาสตร์ แก้

ในป้ายข้อมูลของวิหารระบุว่าวิหารสร้างขึ้นในปี 1934 ทุนทรัพย์การก่อสร้างวิหารมาจากการบริจาคของสมาคมชาวปาร์สีในประเทศอินเดีย การก่อสร้างเป็นไปภายใต้การดูแลกำกับของญามชีด อามานัต (Jamshid Amanat) ส่วนไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหารว่ากันว่าเผาไหม้มาตั้งแต่ ค.ศ. 470[3] เริ่มมาตั้งแต่ในสมัยชาฮ์แห่งซาสซาเนีย ที่ซึ่งไฟนี้ประดิษฐานอยู่ที่วิหารไฟแปร์สแกร์แยน ที่ปัจจุบันอยู่ในแคว้นแลเรสถาน[4] จากนั้น ไฟได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังออกแด และอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 700 ปี ก่อนที่จะถูกย้ายอีกครั้งในปี 1173 ไปยังวิหารแนฮีเดแปร์ส (Nahid-e Pars) ในออร์แดแกนที่อยู่ไม่ไกลกัน ตั้งอยู่อีก 300 ก่อนที่จะย้ายไปยังที่พำนักของนักบวชระดับสูงในแยซด์ และในปี 1934 ได้ประกอบพิธีย้ายไฟมาประดิษฐานในวิหารหลังปัจจุบัน[3][5]

รูปปั้นท่อนบนของ Maneckji Limji Hataria ผู้มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนก่อสร้างวิหาร สามารถพบได้อยู่ในบริเวณวิหาร was ประกอบสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์และดวงจันทร์[6]

ลักษณะ แก้

 
ไฟนิรันดร์ในวิหาร

วิหารสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมอะเคเมนิด ด้วยงานก่ออิฐถือปูน ตามการออกแบบโดยสถาปนิกจากบอมเบย์ ลักษณะการออกแบบของวิหารคล้ายคลึงกับวิหารระดับออแตชเบฮ์รอมในอินเดีย โดยรอบของวิหารเป็นสวนที่มีต้นผลไม้[7] ประตูทางเข้าของวิหารมีรูปของพระอะฮูระมาซดาติดตั้งอยู่บนเหนือประตู[8]

ไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหารประดิษฐานอยู่หลังกระจก ห้องที่มีไฟศักดิ์สิทธิ์นี้อนุญาตให้เฉพาะศาสนิกชนของโซโรอัสเตอร์เข้าไปได้เท่านั้น คนนอกศาสนาสามารถมองไฟได้จากนอกห้องกระจก[9] ไฟนี้เผาไหม้อยู่ในเตาบรอนซ์ขนาดใหญ่ โดยมีบุคคลที่เรียกว่า "ฮีร์โบด" (Hirbod) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ[10]

ออแก รูสแตม โนชีแรแวน เบลีแวนี (Aga Rustam Noshiravan Belivani) แห่งชารีฟาบาด ระบุว่าแอนจูแมนีแนซีรี (Anjuman-i Nasiri; เจ้าหน้าที่ทางศาสนาโซโรอัสเตอร์ที่มาจากการเลือกตั้ง) ได้เปิดวิหารไฟสู่สาธารณชนที่รวมถึงคนที่ไม่ใช่ศาสนิกชนของโซโรอัสเตอร์นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา[11] ตามธรรมเนียมแล้วนิยมสร้างวิหารไฟให้อยู่ติดแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อให้เป็นการครบธาตุทั้งสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) แต่วิหารไฟนี้ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งน้ำใด ๆ จึงมีการสร้างสระน้ำด้านหน้าแทน

อ้างอิง แก้

  1. Steytler, Georgina (26 May 2010). "Iran: treasures and contrasts". The West Australian. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 13 April 2015.
  2. 2.0 2.1 Ejaz 2010, p. 18.
  3. 3.0 3.1 3.2 Eduljee, K. E. "Yazd". Heritage Institute. สืบค้นเมื่อ 13 April 2015.
  4. 4.0 4.1 Rogerson 2013, p. 140.
  5. Eduljee, K. E. "Zoroastrian Places of Worship". Heritage Institute. สืบค้นเมื่อ 13 April 2015.
  6. Warden 2002, p. 32.
  7. Godrej & Mistree 2002, p. 315.
  8. Karber 2012, p. 160.
  9. Godrej & Mistree 2002, p. 285.
  10. "Yazd Atashkadeh (Yazd Atash Behram)". DAD Hotel (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2019-10-26. สืบค้นเมื่อ 2020-02-10.
  11. Godrej & Mistree 2002, p. 323.

บรรณานุกรม แก้

31°54′20″N 54°20′21″E / 31.90556°N 54.33917°E / 31.90556; 54.33917