วินิจ โชติสว่าง

รองศาสตราจารย์ ดร.วินิจ โชติสว่าง อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล[1] และอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน


ดร.วินิจ โชติสว่าง

ไฟล์:วินิจ โชติสว่าง.jpg
เกิด15 มีนาคม พ.ศ. 2482 (85 ปี)
สัญชาติไทย
อาชีพข้าราชการ
มีชื่อเสียงจากอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
หมายเหตุ
อธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

ประวัติ แก้

วินิจ โชติสว่าง เกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2482[2] จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขากสิกรรมและสัตวบาล จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2507 ระดับปริญญาโท สาขาสัตวศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ และปริญญาเอก สาขาเกษตรศึกษา จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เช่นเดียวกัน

การทำงาน แก้

วินิจ โชติสว่าง เป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เคยได้รับแต่งตั้งเป็นคณบดีคณะเกษตรศาสตร์บางพระ และได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ในระหว่างปี พ.ศ. 2538-2542 ต่อมาหลังจากมีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548 จัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลขึ้น 9 แห่งทั่วประเทศไทย ดร.วินิจ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548[3] แต่ถึงแม้ว่าจะครบวาระลงในปี พ.ศ. 2552 แต่เนื่องจากปัญหาในการสรรหาอธิการบดี จึงทำให้ ดร.วินิจ โชติสว่าง ยังต้องรักษาราชการแทนในตำแหน่งต่อมาจนถึง พ.ศ. 2555

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้

อ้างอิง แก้

  1. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล (นายวินิจ โชติสว่าง)
  2. "อธิการบดี มทร.อีสาน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-29. สืบค้นเมื่อ 2011-06-27.
  3. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (จำนวน ๙ ราย)
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๗ ตอนที่ ๒๕ ข หน้า ๓๘, ๑ ธันวาคม ๒๕๔๓
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๔ ตอนที่ ๒๗ ข หน้า ๗๗, ๓ ธันวาคม ๒๕๔๐
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๐๗ ตอนที่ ๘๘ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๗๐, ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๓๓