รอเบิร์ต จอห์นสัน
รอเบิร์ต ลีรอย จอห์นสัน (อังกฤษ: Robert Leroy Johnson, 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 – 16 สิงหาคม ค.ศ. 1938) เป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลงบลูส์ชาวอเมริกัน มีผลงานการบันทึกเสียงที่แพร่หลายในช่วงปี ค.ศ. 1936 และ 1937 ที่แสดงให้เห็นทักษะถึงการผสมผสานระหว่างการร้องเพลง ทักษะการเล่นกีตาร์ และความสามารถในการแต่งเพลงซึ่งมีอิทธิพลต่อนักดนตรีในรุ่นต่อมา แม้อาชีพการบันทึกเสียงของเขาจะอายุเพียงทั้งสิ้นเจ็ดเดือน แต่เขาก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นปรมาจารย์ด้านดนตรีบลูส์ โดยเฉพาะสไตล์เดลต้าบลูส์ รวมถึงยังเป็นหนึ่งในนักดนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งศตวรรษที่ 20 ร็อกแอนด์โรลฮอลล์ออฟเฟมเป็นผู้ที่นิยามว่าเขาคือ "ร็อกสตาร์คนแรก"[1]
รอเบิร์ต จอห์นสัน | |
---|---|
ชื่อเกิด | รอเบิร์ต ลีรอย จอห์นสัน |
เกิด | 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 เฮเซิลเฮิสต์ รัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐ |
เสียชีวิต | 16 สิงหาคม ค.ศ. 1938 กรีนวูด รัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐ | (27 ปี)
แนวเพลง | เดลตาบลูส์ |
อาชีพ | นักดนตรี, นักร้อง, นักแต่งเพลง |
เครื่องดนตรี | กีตาร์, เสียงร้อง, ฮาร์โมนิกา |
ช่วงปี | ค.ศ. 1929–1938 |
ค่ายเพลง | Vocalion |
เว็บไซต์ | robertjohnsonbluesfoundation |
ในฐานะนักดนตรีริมทางที่เล่นตามท้องถนนเป็นส่วนใหญ่ตามร้านภัตตาคารหรือในงานเต้นรำคืนวันเสาร์ จอห์นสันไม่ได้ประสบความสำเร็จหรือได้รับการยอมรับจากสาธารณชนมากนักในช่วงชีวิตของเขา เขาเข้าบันทึกเสียงเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกในเมืองแซนแอนโทนีโอเมื่อปี ค.ศ. 1936 และอีกครั้งในเมืองแดลลัสเมื่อปี ค.ศ. 1937 โดยบันทึกเพลงแต่ละเพลงไว้ทั้งหมด 29 เพลง (โดยยังมีอีก 13 เทคที่แตกต่างกันซึ่งยังมีสำเนาเก็บไว้) เพลงทั้งหมดได้รับการบันทึกโดยโปรดิวเซอร์จากหอเกียรติยศเพลงคันทรี่ชื่อดังอย่าง ดอน ลอว์ เพลงเหล่านี้ได้รับการบันทึกเดี่ยวในสตูดิโอชั่วคราว ผลงานที่บันทึกไว้ทั้งหมดเป็นผลงานของเขาโดยส่วนใหญ่ได้รับการเผยแพร่ในลักษณะของแผ่นเสียงซิงเกิลขนาด 10 นิ้ว 78 รอบต่อนาทีนับแต่ปี ค.ศ. 1937–1938 และมีเพียงไม่กี่เพลงเท่านั้นที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาหลังจากเขาเสียชีวิต นอกเหนือจากการบันทึกเพลงพวกนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่นอกจากวงดนตรีเล็ก ๆ ที่เล่นอยู่ในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี ซึ่งเป็นที่ ๆ เขาใช้ชีวิตอยู่โดยส่วนใหญ่ เรื่องราวของเขาส่วนมากได้รับการแต่งเติมขึ้นใหม่โดยนักวิจัย ชีวประวัติและการเสียชีวิตที่ได้รับการบอกเล่าอย่างคลุมเครือของจอห์นสันทำให้มีทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ มากมาย เรื่องที่เป็นที่แพร่หลายมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือกรณีการขายวิญญาณให้ปีศาจที่ทางแพร่งเพื่อให้ตนประสบความสำเร็จในอาชีพนักดนตรี
แม้แนวดนตรีของเขาอาจไม่ได้รับความนิยมในวงกว้างมากนักแต่ก็ทรงอิทธิพลอย่างมากในสองทศวรรษถัดมาหลังจากการเสียชีวิตของเขา ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1938 จอห์น แฮมมอนด์ได้ชวนเขาไปดูคอนเสิร์ต ฟรอมสปิริตชวลส์ทูสวิง ที่คาร์เนกีฮอลล์ แต่กลับพบว่าจอห์นสันได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว ต่อมาบรันส์วิกเรเคิร์ดผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์ในแผ่นเสียงต้นฉบับถูกซื้อไปโดยโคลัมเบียเรเคิดส์ซึ่งเป็นบริษัทที่แฮมมอนด์ทำงานอยู่ โดยมีนักดนตรีคนหนึ่งนามว่าอลัน โลแม็กซ์ได้เดินทางไปมิสซิสซิปปีเมื่อปี ค.ศ. 1941 เพื่อบันทึกงานของจอห์นสันเก็บไว้โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวเสียชีวิตไปแล้ว ลอว์ซึ่ง ณ ขณะนั้นยังทำงานให้กับโคลัมเบียเรเคิดส์ ได้รวบรวมงานแผ่นเสียงทั้งหมดของจอห์นสันนำไปจัดจำหน่ายในชื่อ คิงออฟเดลตาบลูส์ซิงเกอส์ ซึ่งได้รับการจัดจำหน่ายโดยค่ายโคลัมเบียเมื่อปี ค.ศ. 1961 นั่นถือว่าเป็นการนำผลงานของจอห์นสันออกสู่สาธารณชนได้ในที่สุด อัลบั้มชุดนี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อกระแสเพลงบลูส์ในอังกฤษที่ได้เริ่มก่อตัวขึ้น ณ ขณะนั้น เอริก แคลปตันถึงกับนิยามว่าจอห์นสันคือ "ศิลปินบลูส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา"[2] บ็อบ ดีแลน คีธ ริชาดส์ และโรเบิร์ต แพลนต์ได้กล่าวว่าจะด้วยเนื้อเพลงหรือความเป็นนักดนตรีของจอห์นสันล้วนมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อผลงานของพวกเขา เพลงของจอห์นสันหลายเพลงถูกนำมาโคฟเวอร์ใหม่ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา และหลาย ๆ รวมถึงนักดนตรีรุ่นหลังหลายคนก็ได้หยิบยืมเนื้อหาและลิกกีตาร์ของเขานำไปประยุกต์ใช้ในผลงานของตน
ผลงานและชีวประวัติของจอห์นสันได้รับการกลับมาพูดถึงอีกครั้ง ส่งผลให้การศึกษาเรื่องราวชีวิตของเขาเริ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษที่ 1960 เรื่องราวของเขาที่รับรู้กันโดยมากถูกแต่งเติมขึ้นโดยนักวิจัยเช่นเกล ดีน วอร์ดโลว์และบรูซ คอนฟอร์ธ โดยเฉพาะผลงานที่ได้รับรางวัลอัตชีวประวัติยอดเยี่ยมประจำปี ค.ศ. 2019[3] อย่าง จอห์นสัน: อัปจัมป์ดอะเดวิล: เดอะเรียลไลฟ์ออฟรอเบิร์ตจอห์นสัน (ชิคาโกรีวิวเพรส) รวมถึงภาพยนตร์อีกสองเรื่องได้แก่สารคดีชื่อ เดอะเสิร์ชฟอร์รอเบิร์ต จอห์นสัน ในปี ค.ศ. 1991 โดยจอห์น แฮมมอนด์ จูเนียร์ และสารคดีเรื่อง แคนต์ยูเฮียร์เดอะวินด์ฮาวล์: เดอะไลฟ์แอนด์มิวสิคออฟรอเบิร์ตจอห์นสัน เมื่อปี ค.ศ. 1997 ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นใหม่โดยมีเค็บ โมสวมบทบาทเป็นจอห์นสันในสารคดีอัตชีวประวัติของเขา ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความขาด ๆ เกิน ๆ จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ครบถ้วนและเรื่องราวปากต่อปากที่แตกต่างกันไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสำคัญต่อตัวจอห์นสันและผลงานของเขาได้รับการยกย่องโดยสื่อหลายสำนักอาทิเช่น ร็อกแอนด์โรล แกรมมี่ บลูส์และเนชันนัลเรเคอร์ดิงพรีเซอร์เวชันบอร์ด
ประวัติ
แก้รอเบิร์ต จอห์นสันเกิดในปี ค.ศ. 1911 ที่เมืองเฮเซิลเฮิสต์ รัฐมิสซิสซิปปี เป็นบุตรของโนอาห์ จอห์นสันกับจูเลีย ดอดส์ ต่อมาจอห์นสันย้ายตามแม่ที่แต่งงานใหม่ไปอยู่ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ที่ซึ่งความสนใจด้านดนตรีบลูส์ของเขาเริ่มขึ้น[4] จอห์นสันอาศัยอยู่ที่เมืองนี้เกือบ 10 ปีก่อนจะย้ายตามแม่ไปหลายเมืองแล้วลงหลักปักฐานที่ไร่แอบเบย์แอนด์เลเธอร์แมนในเมืองโรบินสันวิลล์[5] ในปี ค.ศ. 1929 จอห์นสันแต่งงานกับเวอร์จิเนีย เทรวิส แต่เธอเสียชีวิตขณะตั้งครรภ์ไม่นานหลังจากนั้น[6] แมก แมคคอร์มิก นักดนตรีวิทยาผู้สืบค้นประวัติศาสตร์ดนตรีบลูส์รายงานว่าญาติของเวอร์จิเนียกล่าวว่าการตายของเวอร์จิเนียเป็นการลงโทษจากเบื้องบน หลังจอห์นสัน "ขายวิญญาณให้ปีศาจ" ด้วยการตัดสินใจละทิ้งอาชีพชาวไร่ไปเป็นนักดนตรีพเนจร[7] ในช่วงเวลาเดียวกัน ซัน เฮาส์ นักดนตรีบลูส์ย้ายมาอยู่ที่เมืองโรบินสันวิลล์ เขากล่าวในช่วงบั้นปลายว่าจอห์นสันเป็น "นักเล่นฮาร์โมนิกาที่มีความสามารถ แต่เป็นมือกีตาร์ที่เล่นได้แย่มาก ๆ" จากนั้นไม่นาน จอห์นสันจากเมืองโรบินสันวิลล์ไปอยู่ใกล้เมืองมาร์ตินส์วิลล์ และฝึกฝนจนสามารถเล่นกีตาร์ได้อย่างเฮาส์และไอก์ ซิมเมอร์แมน[8] เมื่อกลับมาที่โรบินสันวิลล์ ฝีมือการเล่นกีตาร์ของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าประหลาดจนเป็นที่ร่ำลือในหมู่นักดนตรีว่าจอห์นสันขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อแลกกับความสามารถทางด้านดนตรี ปีค.ศ. 1931 จอห์นสันแต่งงานกับคาเลตตา คราฟต์ และย้ายไปอยู่ที่เมืองคลากส์เดล ก่อนเธอจะเสียชีวิตในอีกสองปีต่อมา[9] ระหว่างปีค.ศ. 1932–1938 จอห์นสันเดินทางไปมาระหว่างเมืองเมมฟิสกับเฮเลนา รัฐอาร์คันซอ[10] และบางครั้งเดินทางไปแสดงดนตรีไกลถึงชิคาโก เท็กซัสและนิวยอร์ก[11] โดยในการเดินทางแต่ละครั้ง จอห์นสันมักใช้ชื่อที่แตกต่างกันไปและผู้คนที่ให้ที่พักอาศัยแก่จอห์นสันมักไม่ทราบภูมิหลังของเขา[12]
การเสียชีวิต
แก้รอเบิร์ต จอห์นสันเสียชีวิตด้วยวัย 27 ปีที่เมืองกรีนวูด รัฐมิสซิสซิปปีในปี ค.ศ. 1938 โดยไม่ทราบสาเหตุ เกือบ 30 ปีต่อมา เกย์ล ดีน วอร์ดโลว์ นักดนตรีวิทยาทำการสืบค้นจนพบมรณบัตรของจอห์นสันที่ระบุแค่วันที่และสถานที่ แต่ไม่มีการระบุสาเหตุการเสียชีวิตและการชันสูตรพลิกศพ การเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนานี้ก่อให้เกิดเรื่องเล่าต่าง ๆ เช่น จอห์นสันถูกวางยาพิษในสุราโดยสามีของหญิงสาวที่จอห์นสันไปติดพันด้วย โดยพิษดังกล่าวอาจเป็นสตริกนิน (แต่มีการโต้แย้งว่าสตริกนินมีกลิ่นและรสแรงเกินกว่าจะอำพรางด้วยสุราได้)[13] ขณะที่หนังสือ Up Jumped the Devil เสนอว่าอาจเป็นแนฟทาลีนจากการละลายลูกเหม็นเนื่องจากเป็นวิธีทั่วไปในการวางยาพิษของทางใต้ของสหรัฐ ซึ่งถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจทำให้จอห์นสันซึ่งเป็นหลอดเลือดขอดในหลอดอาหารมีอาการเลือดออกจนเสียชีวิตได้[14] ขณะที่เดวิด คอร์เนล แพทย์สันนิษฐานจากการตรวจสอบภาพถ่ายของจอห์นสันว่าเขาอาจเป็นกลุ่มอาการมาร์แฟน ซึ่งส่งผลให้จอห์นสันเสียชีวิตจากการฉีกเซาะของเอออร์ตา[15]
อ้างอิง
แก้- ↑ Hill, Michael. "Robert Johnson". Rock and Roll Hall of Fame. สืบค้นเมื่อ September 25, 2022.
- ↑ LaVere 1990, p. 23, in essay by Eric Clapton.
- ↑ Malt, Andy (May 12, 2020). "Robert Johnson Biography Takes Penderyn Music Book Prize". Completemusicupdate.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-05-31. สืบค้นเมื่อ May 18, 2020.
- ↑ Guralnik, pp. 10–11.
- ↑ Mississippi Blues Trail. Retrieved September 25, 2018.
- ↑ Wald 2004, p. 108.
- ↑ The Search for Robert Johnson, 1992 film.
- ↑ Pearson and McCulloch, p. 7.
- ↑ Conforth and Wardlow, 2019, pp.112-113
- ↑ Pearson and McCulloch, p. 12.
- ↑ Neff and Connor, p. 56.
- ↑ Gioia, pp. 172–173.
- ↑ Graves, Tom; LaVere, Steve (2008). Crossroads: The Life and Afterlife of Blues Legend Robert Johnson. Demers Books. pp. 39–43. ISBN 978-0-9816002-0-8.
The tale most often told about how Johnson met his fate is that he was poisoned by a jealous husband who put strychnine in his whiskey.
- ↑ Conforth and Wardlow 2019, pp. 253-255.
- ↑ Connell, D. (2006). "Retrospective blues: Robert Johnson—an open letter to Eric Clapton". British Medical Journal. 333 (7566): 489. doi:10.1136/bmj.333.7566.489. PMC 1557967.