การเลิกระบบฟิวดัลในประเทศฝรั่งเศส

หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสคือ ราตรี 4 สิงหาคม (ฝรั่งเศส: Nuit du 4 août) ซึ่งเป็นการเลิกระบบศักดินา ตลอดจนเลิกกฎเกณฑ์เก่า ระบบภาษี และอภิสิทธิ์ที่หลงเหลือจากยุคศักดินา สภาธรรมนูญแห่งชาติได้ประชุมกันในคืนวันที่ 4 สิงหาคม และประกาศว่า "สภาแห่งชาติจะล้มเลิกระบบศักดินาทั้งปวง"[1] ซึ่งรวมถึงสิทธิถือครองที่ดินของฐานันดรที่สอง (พวกขุนนาง) และเครื่องทศางค์ที่สั่งสมโดยฐานันดรที่หนึ่ง (คณะสงฆ์คาทอลิก)[2][3] ระบบการพิจารณาคดีแบบเก่าถูกระงับใช้ในคราวเดียวกัน และถูกยกเลิกที่สุดใน ค.ศ. 1790[4]

ราตรี 4 สิงหาคม
Nuit du 4 août
การประชุมสภาสมัชชาธรรมนูญแห่งชาติในคืนวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1789
วันที่4–11 สิงหาคม ค.ศ. 1789
ที่ตั้งพระราชวังแวร์ซาย กรุงปารีส
ผลอภิสิทธิ์ของขุนนางและพระสงฆ์ถูกเพิกถอน

เหตุการณ์ แก้

ภายหลังการทลายคุกบัสตีย์ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนไปทั่วกรุงปารีสและแถบชนบท พวกขุนนางถูกทำร้ายและคฤหาสน์ต่าง ๆ ของชนชั้นสูงถูกเผาทำลาย วิหารและปราสาทหลายแห่งถูกโจมตีและทำลายเช่นกัน กลายเป็นช่วงที่เรียกว่า ลากร็องด์เปอร์ (La Grande Peur) หรือความกลัวครั้งใหญ่ สังคมอยู่ในภาวะหวาดผวาว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ผู้ก่อเหตุไม่ได้มีแต่เพียงพวกคนไร้บ้านและชาวนาชาวไร่ผู้หิวโหยเท่านั้น ยังมีพวกคนชนบทที่ถือโอกาสนี้เข้าร่วมผสมโรง

เหตุลากร็องด์เปอร์ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสตกอยู่ในภาวะเปราะบาง รัฐบาลขาดอำนาจในการตัดสินใจ การจลาจลที่ยืดเยื้อทำให้ต่างฝ่ายต่างวิตกว่าเหตุการณ์จะยิ่งบานปลายเกินกว่าจะควบคุม ซึ่งก็เป็นจริงดังว่า นับเป็นสภาวะที่ประเทศไม่เคยประสบพบมาก่อน

ปลายเดือนกรกฎาคม มีรายงานว่าชาวไร่ผู้ก่อจลาจลกำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงปารีสจากทั่วทุกทิศของประเทศ สภาแห่งชาติจึงตัดสินใจที่จะปฏิรูปโครงสร้างทางสังคมเสียใหม่เพื่อหวังลดอุณหภูมิทางการเมืองและจะนำไปสู่การปรองดอง สภาแห่งชาติได้พิจารณาวาระนี้ในกลางดึกของวันที่ 4 สิงหาคม และในเช้าวันที่ 5 นั้นเองก็ประกาศว่าจะมีการล้มเลิกระบบศักดินาทั้งหมด รวมถึงเพิกถอนสิทธิพิเศษของคณะสงฆ์และขุนนาง กฤษฎีกานี้ตราขึ้นอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 11 สิงหาคม[5]

อ้างอิง แก้

  1. Stewart, p 107 for full text
  2. Furet, 1989
  3. Markoff,
  4. Paul R. Hanson, The A to Z of the French Revolution (2007) p 250-51
  5. Robinson, James Harvey (1906). Readings in European History. Boston: Ginn. pp. 435ff. OCLC 870461. สืบค้นเมื่อ 16 January 2011.