ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไรน์ฮาร์ท ไฮดริช"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 171:
== บทบาทในฮอโลคอสต์ ==
{{multiple image
| direction = horizontal
| image1 = Kristallnacht rh telegram pg1.png
| width1 = 160
| caption1 = ใน ค.ศ. 1938 โทรเลขได้มอบคำสั่งในช่วง[[คืนกระจกแตก]], ถูกลงนามโดยไฮดริช
| image2 = Carta Göring.JPG
| width2 = 155
| caption2 = เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1941 จดหมายจาก[[แฮร์มัน เกอริง|เกอริ่ง]]ถึงไฮดริชเกี่ยวกับ[[การแก้ปัญหายิวครั้งสุดท้าย|มาตรการสุดท้าย]]ของ[[ปัญหาชาวยิว]]
}}
นักประวัติศาสตร์ได้มองว่าไฮดริชเป็นสมาชิกที่น่าเกรงขามมากที่สุดของชนชั้นนำนาซี ฮิตเลอร์ได้เรียกเขาว่า "บุรุษผู้มีหัวใจดั่งเหล็ก" เขาเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบหลักของฮอโลคอสต์ในช่วงแรกของสงคราม โดยตอบรับและรับคำสั่งจากฮิตเลอร์ เกอริ่ง และฮิมเลอร์เท่านั้นในทุกเรื่องเกี่ยวกับการขับไล่เนรเทศ การคุมขัง และการกำจัดชาวยิว
ไฮดริชเป็นหนึ่งในผู้จัดฉากของ[[คืนกระจกแตก]](คริสทัลล์นัคท์) [[โพกรม|การโพกรม]]ต่อชาวยิวทั่วทั้งเยอรมนีในคืนวันที่ 9-10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1938 ไฮดริชได้ส่งโทรเลขในช่วงคืนนั้นไปยังสำนักงานหน่วยเอ็สเดและเกสตาโพหลายแห่ง ให้ความช่วยเหลือประสานงานร่วมกันในการโพกรมพร้อมด้วยหน่วยเอ็สเอ็ส หน่วยเอ็สเด เกสตาโพ ตำรวจเครื่องแบบ(ออร์โพ) หน่วยเอ็สเอ เจ้าหน้าที่พรรคนาซี และแม้แต่ทบวงดับเพลิง ในโทรเลข ไฮดริชได้รับอนุญาตในการลอบวางเพลิงและทำลายล้างธุรกิจและธรรมศาลาของชาวยิว และสั่งให้ริบเอา"เอกสารจดหมายเหตุ"ทั้งหมดมาจากศูนย์ชุมชนและธรรมศาลาของชาวยิว โทรเลขยังได้ออกคำสั่งให้"ชาวยิวจำนวนมากโดยเฉพาะชาวยิวผู้มั่นคั่งร่ำรวย-ซึ่งจะถูกจับกุมในทุกอำเภอที่สามารถเอื้ออำนวยในสถานที่คุมขังเท่าที่มีอยู่ได้... ทันทีที่ถูกจับกุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมควรติดต่อไปยังค่ายกักกันที่เหมาะสมเพื่อส่งชาวยิวเข้าไปในค่ายโดยเร็วที่สุด" ชาวยิวจำนวนสองหมื่นคนได้ถูกส่งไปยังค่ายกักกันโดยทันทีในวันต่อมา นักประวัติศาสตร์ได้ถือว่า คริสทัลล์นัคท์เป็นจุดเริ่มต้นของฮอโลคอสต์
เมื่อฮิตเลอร์ต้องการที่จะหา[[เหตุแห่งสงคราม|ข้ออ้าง]]สำหรับ[[การบุกครองโปแลนด์]]ใน ค.ศ. 1939 ฮิมเลอร์ ไฮดริช และไฮน์ริช มึลเลอร์ได้เชี่ยวชาญในการวางแผนของการสร้าง[[ธงปลอม]]ขึ้นภายใต้รหัสนามว่า [[ปฏิบัติการฮิมเลอร์]] ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโจมตีปลอมต่อสถานีวิทยุเยอรมันที่[[ไกลวิทซ์]] เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1939 ไฮดริชได้วางแผนได้อย่างเชี่ยวชาญและคอยสำรวจสถานพื้นที่ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์ประมาณ 4 ไมล์ กองกำลังทหารเยอรมันจำนวน 150 นาย ซึ่งสวมเครื่องแบบทหารโปแลนด์ได้เข้าโจมตีหลายครั้งตามแนวชายแดน ฮิตเลอร์ได้ใช้กลอุบายนี้เป็นข้ออ้างในการเปิดฉากการบุกครองทันที
[[File:Bundesarchiv Bild 183-B01718, Ausstellung "Planung und Aufbau im Osten".jpg|thumb|left|[[รูด็อล์ฟ เฮ็ส]], ฮิมเลอร์ และไฮดริช กำลังรับฟังการบรรยายของ[[คอนราด เมเยอร์]]ในงานนิทรรศการ[[เกเนอราลพลานอ็อสท์]] วันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1941.]]
ตามคำแนะนำของฮิมเลอร์ ไฮดริชได้ก่อตั้ง[[ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน|หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน]](กองกำลังเฉพาะกิจ) เพื่อการเดินทางในการปลุกใจแก่กองทัพเยอรมันในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1939 ไฮดริชได้ส่งข้อความโทรเลขเกี่ยวกับ"ปัญหาชาวยิวในดินแดนที่ถูกยึดครอง" ไปยังหัวหน้าของหน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพินทั้งหมด พร้อมกับให้คำแนะนำในการรวบรวมชาวยิวให้ไปอยู่ในเขตเกตโต เรียกร้องให้มีการจัดตั้ง Judenräte (สภาชาวยิว) ออกคำสั่งในการจัดทำสำมะโนครัวและส่งเสริมแผนการทำให้เป็นของชาวอารยัน( Aryanization) สำหรับธุรกิจและฟาร์มของชาวยิว ท่ามกลางมาตรการอื่น ๆ หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพินได้ติดตามกองทัพบกเข้าไปในโปแลนด์เพื่อดำเนินตามแผน ต่อมา, ในสภาพโซเวียต พวกเขาถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ได้ทำการไล่ล่าและสังหารชาวยิวด้วยการยิงเป้าแบบชุดทีมและรถตู้รมแก๊ส นักประวัติศาสตร์นามว่า Raul Hilberg ได้ประเมินว่า ระหว่างปี ค.ศ. 1941 และ ค.ศ. 1945 ไอน์ซัทซ์กรุพเพินและกองกำลังสนับสนุนที่เกี่ยวข้องได้สังหารผู้คนมากกว่าสองล้านคน รวมทั้งชาวยิว 1.3 ล้านคน ไฮดริชได้รับรองความปลอดภัยแก่นักกีฬาบางคน เช่น Paul Sommer ผู้ชนะเลิศนักกีฬาฟันดาบชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่เขาเคยรู้จักกันตั้งแต่สมัยก่อนที่เขาจะเข้าหน่วยเอ็สเอ็ส และทีมนักกีฬาฟันดาบโอลิมปิกสัญชาติโปแลนด์ที่ได้ร่วมการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ค.ศ. 1936
{{side box
| text ="... the planned total measures are to be kept strictly secret ... the first prerequisite for the final aim ("Endziel") is the concentration of the Jews from the countryside into the larger cities."<br><center>– Heydrich, September 1939{{efn|name=telegram}}</center>
}}
{{side box
| text = "By order of the Reichsführer-SS, residency without possession of an identification card is punishable by death."<br><center>– Heydrich, November 1939<ref name="Götz, Roth et al. 2004"/></center>
}}
เมื่อ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1939 ไฮดริชได้ออกโทรเลขเกี่ยวกับ"การอพยพของจังหวัดตะวันออกใหม่" โดยให้ข้อมูลรายละเอียดในการขับไล่เนรเทศผู้คนโดยทางรถไฟไปยังค่ายกักกัน และให้คำแนะนำในการสำรวจสำมะโนครัวโดยรอบในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1939 ซึ่งจะเป็นการปูพื้นฐานในการดำเนินการขับไล่เนรเทศดังกล่าว ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1941 ไฮดริชได้ร่างกฎเกณฑ์กับพลาธิการนายพล(Quartermaster general) Eduard Wagner สำหรับ[[ปฏิบัติการบาร์บาร็อสซา|การรุกรานสหภาพโซเวียต]]ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการรับรองว่า หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพินและกองทัพบกจะร่วมมือกันในการสังหารชาวโซเวียตเชื้อสายยิว
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1941 ไฮดริชเป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสในการประชุมเกี่ยวกับ"มาตรการสุดท้าย"ของ RSHA ในกรุงปรากที่ได้กล่าวบรรยายถึงการขับไล่เนรเทศชาวยิวจำนวน 50,000 คนจาก[[รัฐในอารักขาโบฮีเมียและมอเรเวีย]]ไปยังเขตเกตโตในมินส์คและริกา ด้วยตำแหน่งของเขา ไฮดริชมีบทบาทที่สำคัญในการดำเนินตามแผนเหล่านี้ เนื่องจากหน่วยเกสตาโพของเขาเตรียมพร้อมที่จะทำการขับไล่เนรเทศอย่างเป็นระบบในตะวันตกและหน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพินของเขาได้ดำเนินปฏิบัติการสังหารเรียบอย่างกว้างขวางในตะวันออก เจ้าหน้าที่ที่ได้เข้าร่วมยังได้หารือเกี่ยวกับการรับชาวยิวจำนวน 5,000 คนจากกรุงปราก "ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา" และส่งมอบให้แก่ผู้บัญชาการของหน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพินอย่าง Arthur Nebe และ Otto Rasch นอกจากนี้ยังมีการวางแผนในการสร้างเขตเกตโตในรัฐในอารักขา ส่งผลทำให้เกิดการก่อสร้างของ[[เธเรเซียนชตัดท์]] (Theresienstadt) ที่ซึ่งผู้คนกว่า 33,000 คนจะล้มตายในที่สุด จำนวนกว่าหมื่นคนจะผ่านการเข้าค่ายก่อนที่จะถูกส่งไปตายในตะวันออก ใน ค.ศ. 1941 ฮิมเลอร์ได้เรียกไฮดริชว่า "เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการ" การโยกย้ายแบบบังคับต่อชาวยิวจำนวน 60,000 คนจากเยอรมนีและเชโกสโลวาเกียไปยังเขตเกตตโตลอดซ์(ลิทซ์มันน์ชตัดท์) ในโปแลนด์
ช่วงก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1941 แฮร์มัน เกอริงได้มอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ไฮดริชเพื่อรับรองว่าจะมีการร่วมมือของผู้นำฝ่ายบริหารของแผนกต่าง ๆ ของรัฐบาลในการดำเนินการของ "[[การแก้ปัญหายิวครั้งสุดท้าย|มาตราการสุดท้าย]]ต่อ[[ปัญหาชาวยิว]]" ในดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเยอรมัน เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1942 ไฮดริชเป็นประธานในการประชุม ซึ่งในปัจจุบันถูกเรียกว่า [[การประชุมที่วันเซ]] เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนดังกล่าว
== เสียชีวิต ==
|