ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Anggorn1 (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขของ Anggorn1 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย พุทธามาตย์
ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว
บรรทัด 14:
| mother1 = [[เจ้าจอมมารดางิ้ว]]
| birth_date = {{วันเกิด|2377|12|21}}
| death_style = สวรรคตสิ้นพระชนม์
| death_date = {{วันตายและอายุ|2395|10|10|2377|12|21}}
}}
|birth_style=พระราชสมภพ}}
 
'''สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี''' (21 ธันวาคม พ.ศ. 2377 — 10 ตุลาคม พ.ศ. 2395) เป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกใน[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] เป็นพระธิดาใน[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ]] กับ[[เจ้าจอมมารดางิ้ว]]<ref name= "ancestry"/> และเป็นพระราชนัดดาใน[[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]] เพียงพระองค์เดียวที่ดำรงพระอิสริยยศเป็น ''พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า''
 
พระองค์ได้รับการสถาปนาพระราชอิสริยยศขึ้นเป็นพระอัครมเหสีเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2395 และสวรรคตสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2395 หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง[[วัดโสมนัสราชวรวิหาร]] เพื่อพระราชอุทิศให้แก่พระอัครมเหสี
 
== พระราชประวัติ ==
สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีพระราชสมภพประสูติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2377<ref>{{อ้างหนังสือ
|ผู้แต่ง=กรมศิลปากร. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
|ชื่อหนังสือ=สตรีสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย
บรรทัด 73:
ตั้งแต่ให้หมอบรัดเลย์กลับมาถวายอภิบาลอย่างลัทธิฝรั่งอย่างใหม่ ถึงวันที่ 16 กันยายน ดูเหมือนพระอาการทุเลาลงเล็กน้อย ด้วยไม่ค่อยทรงอาเจียนเป็นสีดำ สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งคาดกันว่าพระปิตตะไหลลงในพระทรวงก็ห่างและน้อยกว่าวันก่อน ๆ ไข้ก็สงบ ต่างจากตอนที่แพทย์หลวงรักษา แต่ยังทรงอ่อนเพลีย ทรงปฏิเสธเสวยพระกระยาหาร เพราะยังทรงอาเจียนอยู่ เหมือนทุก ๆ วัน ไม่มีวันไหนที่ไม่ทรงอาเจียน แม้จะถวายพระโอสถไทย ฝรั่งขนานไหน ๆ ก็ระงับขาดไม่ได้ทั้งนั้น เวลาผ่านไปหลายคืนหมอบรัดเลย์ก็ไม่สามารถบรรเทาพระอาเจียนให้น้อยลงได้ กลับทรงอาเจียนบ่อยขึ้น พระอาการโดยรวมน่าวิตก เพราะพระฉวีที่พระพักตร์และพระองค์ก็เหลืองเห็นได้ชัด จึงต้องปล่อยให้แพทย์หลวงฝ่ายไทยถวายพระอภิบาลต่อไปดังเดิม แต่แพทย์หลวงทั้งสิ้นไม่มีใครกล้ารับฉลองพระเดชพระคุณแก้ไขให้ทรงหายหรือแม้จะให้บรรเทาได้ไหว โดยหมดวิชาและสติปัญญาจะประกอบพระโอสถ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ป่าวประกาศจะพระราชทานบำเหน็จเงินตรา 2 หาบ หากผู้ใดสามารถรักษาให้พระอัครมเหสีที่ทรงพิศวาสพ้นจากพระอาการจวนสิ้นพระชนม์กลับทรงพระสบายปกติได้ดังเดิม
 
== สิ้นพระชนม์ ==
== สวรรคต ==
ตั้งแต่พระอาการทรุดหนักลงในมือหมอบรัดเลย์ พระชีพจรก็เต้นเร็วมากขึ้น ถึงวันที่ 27 กันยายน จับเฟือนพระสติ มีหมอชาวบ้านชราผู้หนึ่งรับอาสาฉลองพระเดชพระคุณด้วยยาศักดิ์สิทธิ์จนสุดกำลังแต่ขอตรวจพระอาการก่อน ก็ได้พระบรมราชานุญาตให้เข้าเฝ้าและตรวจตรา แต่หมอเฒ่าเข้าใจพระโรคผิด อ้างว่าพระโรคอันบานปลายนั้นเป็นเพราะรักษาผิดคัมภีร์ภาคครรภรักษา โดยพระองค์บรรทมเพลิงน้อยไป หมอเฒ่าสมัครจะรักษาด้วยยาศักดิ์สิทธิ์ให้ทรงหายเป็นปลิดทิ้ง หลังการยืนยันคำพูดอย่างมั่นคงของหมอเฒ่านี้ สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระนางนาฏบรมอัครราชเทวีสวรรคตสิ้นพระชนม์ในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2395 ราว 18.00 น. สิริพระชนมายุ 17 พรรษา ยังความเศร้าโศกเสียใจแก่เหล่าข้าราชบริพารยิ่งนัก
 
มีการถวายน้ำสรงพระบรมศพและทรงเครื่องขัตติยมราภรณ์ศุกลัมตามพระราชประเพณี สมพระเกียรติยศพระอัครมเหสีอันสูงศักดิ์อย่างเต็มที่ ห่อด้วยกัปบาสิกะเศวตพัสตร์หลายชั้น แล้วเชิญลงพระลองทองและสวมพระชฎากษัตริย์เหนือพระศิโรเพศประกอบพระโกศทองแห่จากพระตำหนักพระอัครมเหสีในคืนนั้นสู่[[พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท]] ใน[[พระบรมมหาราชวัง]] ประดิษฐานไว้เหนือพระแท่นแว่นฟ้าตรงที่ตั้งพระบรมศพ[[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ซึ่งประดิษฐานอยู่ไตรรัตน์มาส คือ ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2394 จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2395 พระศพสมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดีก็ประดิษฐานไว้โดยมหศักดิ์สมพระเกียรติยศอย่างสูงประดับรอบล้อมไปด้วยสรรพสิ่งอลงกตทั้งปวงที่เฉลิมพระอิสริยยศ กระทั่งพระราชทานเพลิง ซึ่งกินเวลาราว 4-5 เดือน เนื่องจากมีการสร้างพระเมรุมาศและประกอบการพระราชพิธีสมพระอิสริยศักดิ์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2395 (นับแบบปัจจุบันคือ พ.ศ. 2396)
บรรทัด 80:
เมื่อสมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดีสิ้นพระชนม์แล้ว บรรดาแพทย์ไทย จีน และอเมริกา ลงความเห็นกันว่ามูลเหตุพระโรคซึ่งยากที่จะบำบัดอย่างยิ่งและถึงทำลายพระชนม์ชีพในที่สุดนั้นได้ปรากฏขึ้นโดยลับ ๆ มาแต่ก่อนราชาภิเษกสมรส ด้วยทรงอวบพระองค์ผิดธรรมดาสตรีในวัยเดียวกัน และกลับซูบพระวรกายลงทันที ทั้งทรงพระกาสะตั้งแต่แรกเริ่มประชวร ภายหลังมาปรากฏขึ้น แต่วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2395 ด้วยเหตุที่พระองค์กำพร้าพระบิดาและได้มาเป็นพระราชธิดาบุญธรรมของพระมหากษัตริย์โดยเดชะพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์จึงเป็นผู้รับพระมรดก ทั้งสวิญญาณกทรัพย์และอวิญญาณกทรัพย์ที่เป็นของพระชนกและพระปิตุจฉา พระองค์ไม่มีพระภาดาหรือพระภคินีร่วมหรือต่างพระชนนีแม้แต่พระองค์เดียว จึงไม่มีทายาทผู้รับพระมรดก พระมรดกจำต้องตกเข้าพระคลังหลวง เมื่อเสร็จพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ตกลงพระราชหฤทัยว่าพระสมบัติของพระอัครมเหสีส่วนหนึ่งเป็นเงินจำนวนมากจะจ่ายเพื่อเพิ่มพูนทักษิณกุศล บูรณะสังฆาวาสของพระบิดา และพระปิตุจฉาของพระอัครมเหสี (วัดเทพธิดา) แต่อีกส่วนหนึ่งจะจ่ายสร้างพระอารามใหม่ที่เขตกำแพงเมืองใหม่ ในพระนามาภิไธยของพระอัครมเหสีว่า “วัดโสมนัสวิหาร” และที่เหลือนอกจากนั้นจะจ่ายบุรณะปฏิสังขรณ์พระอาราม อันจำเป็นต้องช่วยเหลือเพื่อสาธารณประโยชน์
 
หลังการสวรรคตสิ้นพระชนม์ของพระองค์ [[เจ้าจอมมารดางิ้ว]]ผู้เป็นพระมารดาได้ลาออกจากพระบรมมหาราชวังไปพำนักอยู่กับพระยาราชภักดีศรีรัตนสมบัติบวรพิริยพาหะ (ทองคำ สุวรรณทัต) ผู้เป็นพี่ชาย<ref name= "ancestry"/>
 
ต่อมาในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] รัชกาลที่ 6 มีพระบรมราชโองการให้ออกพระนามาภิไธยของพระองค์ว่า "'''สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี'''" ตามที่เป็นสมเด็จพระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 4 หากแต่มิได้เป็นพระราชชนนีในพระมหากษัตริย์รัชกาลต่อ ๆ มา อนึ่งสมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี มีศักดิ์เป็นญาติกับ[[เจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ 4]]<ref>[[ส.พลายน้อย]]. ''พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม''. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2554. หน้า 313</ref> พระมารดาใน[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]]