ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้ใช้:Timekeepertmk/กระบะทราย4"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
แทนที่เนื้อหาด้วย "{{กระบะทรายผู้ใช้}}"
ป้ายระบุ: ถูกแทน
บรรทัด 1:
{{กระบะทรายผู้ใช้}}
{{Infobox Former Country
| native_name = {{lang|pon|Mwehin Sau Deleur}}
| conventional_long_name = ราชวงศ์เซาเตเลวูร์
| common_name = เซาเตเลวูร์
| image_flag =
| image_coat =
| status = [[อาณาจักร]]
| year_start = {{circa}} 1100
| year_end = {{circa}} 1628
| national_anthem =
| capital = [[นันมาโตล]]
| flag =
| flag_type =
| image_map = Pohnpei Island.png
| map_caption = เกาะโปนเปย์
| national_motto =
| government_type = [[สมบูรณาญาสิทธิราชย์]]
| event_start = การมาถึงของโอลิซีปาและโอโลโซปา
| year_start = {{circa}} 1100
| event_end = การรุกรานของอิโซเกเลเก็ล
| year_end = {{circa}} 1628
| p1 = วัฒนธรรมแลพีตา
| s1 = อิโซเกเลเก็ล|สมัยนานมวาร์กิ
| flag_s1 =
| title_leader = เซาเตเลวูร์
|leader1 = โอโลโซปา
|year_leader1 = {{circa}} ค.ศ. 1100–1200
|leader2 = มโวน มเวย์<ref group=note>อ้าง Ballinger (1978), มโวน มเวย์เป็นเซาเตเลวูร์คนที่สองและเซาเต็มโวลเป็นคนสุดท้าย แต่ชิ้อและลำดับอื่นไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด</ref>
|year_leader2 = ?
|leader3 = อิเนเน็น มเวย์
|year_leader3 = ?
|leader4 = เกจิปาเรลง
|year_leader4 = ?
|leader5 = ไรปเว็นลาเก
|year_leader5 = ?
|leader6 = ไรปเว็นลัง
|year_leader6 = ?
|leader7 = ซากน มเวย์
|year_leader7 = ?
|leader8 = ซาไรเต็น ซัปว์
|year_leader8 = ?
|leader9 = เซาเต็มโวล
|year_leader9 = {{circa}} ค.ศ. 1628
| footnotes =
| footnotes2 =
| today = {{FSM}}
}}
 
[[File:Nan Madol 5.jpg|thumb|right|250px|[[นันมาโตลl]]อันเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เซาเตเลวูร์]]
'''ราชวงศ์เซาเตเลวูร์''' ({{lang-pon|Mwehin Sau Deleur, "สมัยเจ้าเหนือหัวแห่งเตเลวูร์" อาจสะกด ''Chau-te-leur'' ก็ได้)}}<ref name=Hanlon/> เป็นหน่วยการปกครองแรกที่สามารถรวมผู้คนของเกาะ[[โปนเปย์]] ปกครองระหว่าง ค.ศ. 1100<ref name=Flood/> จนถึงประมาณ ค.ศ. 1628{{#tag:ref|สมัยเซาเตเลวูร์กินเวลาประมาณ 500 ปี<ref name=Hanlon/> ตำนานโดยทั่วไประบุว่าล่มสลายประมาณคริสต์ทศวรรษ 1500<ref>{{cite book|title=The Lelu Stone Ruins (Kosrae, Micronesia): 1978-81 Historical and Archaeological Research |issue=10 |series=Asian and Pacific Archaeology |first=Ross H |last=Cordy |publisher=Social Science Research Institute, University of Hawaii at Manoa |year=1993 |isbn=0-8248-1134-8 |pages=14, 254, 258 |url=https://books.google.com/books?id=hQMNAQAAMAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref> แต่นักโบราณคดีระบุอายุของซากปรักหักพังของเซาเตเลวูร์จนถึงประมาณ ค.ศ. 1628<ref name=Morgan>{{cite book|title=Prehistoric Architecture in Micronesia |first=William N |last=Morgan |publisher=University of Texas Press |year=1988 |isbn=0-292-76506-1 |pages=60, 63, 76, 85 |url=https://books.google.com/books?id=B3Z-aH7govUC |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=PlaceNames>{{cite book|title=Place Names of Pohnpei Island: Including And (Ant) and Pakin Atolls |first1=Tom |last1=Panholzer |first2=Mauricio |last2=Rufino |publisher=Bess Press |year=2003 |isbn=1-57306-166-2 |pages=xiii, 21, 22, 25, 38, 48, 56, 63, 71. 72, 74, 104 |url=https://books.google.com/books?id=h2EWUggiuQIC |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=UG>{{cite book|title=Micronesica |publisher=University of Guam |year=1990 |pages=92, 203, 277 |url=https://books.google.com/books?id=LgAcAAAAMAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref> |group=note}} โดยเป็นสมัยที่อยู่ระหว่าง ''มเวอินกาวา'' หรือ ''มเวอิน อารามัส'' (สมัยแห่งการสร้างหรือสมัยแห่งผู้คน) และ ''มเวอินนาน-มวาร์กิ''<ref name=Hanlon/> เดิม ''เตเลวูร์''เป็นชื่อโบราณของโปนเปย์ อันเป็นรัฐที่ตั้งเมืองหลวงของ[[สหพันธรัฐไมโครนีเซีย<ref name=Petersen1>{{cite journal|title=Lost in the Weeds: Theme and Variation in Pohnpei Political Mythology |volume=35 |journal=Occasional Papers |chapter=5. Isokelekel |pages=34 et seq |first=Glenn |last=Petersen |publisher=Center for Pacific Islands Studies, School of Hawaiian, Asian & Pacific Studies, University of Hawaiʻi at Mānoa |year=1990 |url=http://scholarspace.manoa.hawaii.edu/bitstream/handle/10125/15545/OP35.pdf |accessdate=2011-12-31}}</ref>
 
ตำนานโปนเปย์เล่าว่าผู้ปกครองเซาเตเลวูร์มีต้นกำเนิดจากต่างพื้นที่ และรูปร่างของพวกเขาก็ต่างกับชาวโปนเปย์พื้นเมือง การปกครองรวมศูนย์แบบสมบูรณาญาสิทะิราชย์ของเซาเตเลวูร์ถูกอธิบายในตำนานว่าการกดขี่ได้เพิ่มเติมมากขึ้นเมื่อผ่านไปหลาย ๆ รุ่น มักมีข้อเรียบร้องไม่สมเหตุสมผลและเป็นภาระของประชาชน รวมถึงการมีพฤติการณ์ละลาบละล้วงต่อเทพของชาวโปนเปย์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวโปนเปย์เป็นอย่างยิ่ง ราชวงศ์เซาเตเลวูร์สิ้นสุดลงจากการรุกรานของ[[อิโซเกเลเก็ล]] ชาวต่างชาติกึ่งตำนานอีกคนหนึ่ง ที่เข้ามาแทนที่การปกครองขจองเซาเตเลวูร์ในระบบ''นาน-มวาร์กิส'' ที่เน้นการกระจายอำนาจ ซึ่งยังคงอยู่ในปัจจุบัน<ref name=Ballinger/><ref name=Native/>
 
==ต้นกำเนิด==
ผู้คนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานน่าจะเป็น[[วัฒนธรรมแลพีตา|ชาวแลพีตา]]จากตะวันออกเฉียงใต้ของ[[หมู่เกาะโซโลมอน]]หรือ[[กลุ่มเกาะ]][[วานูอาตู]]<ref name="McCoy et al">{{cite journal|last1=McCoy|first1=Mark D.|last2=Alderson|first2=Helen A.|last3=Hemi|first3=Richard|last4=Cheng|first4=Hai|last5=Edwards|first5=R. Lawrence|title=Earliest direct evidence of monument building at the archaeological site of Nan Madol (Pohnpei, Micronesia) identified using 230Th/U coral dating and geochemical sourcing of megalithic architectural stone|journal=Quaternary Research|date=November 2016|volume=86|issue=3|pages=295–303|doi=10.1016/j.yqres.2016.08.002|doi-access=free}}</ref> จากตำนานของ[[โปนเปย์]]กล่าวถึงการสร้างเกาะหลักด้วยการถมหินลงไปล้อมรอบ[[พืดหินปะการัง]]ของกลุ่มชายและหญิงจำนวน 17 คน จากดินแดนห่างไกลทางใต้ ประชากรที่ตั้งถิ่นฐานเป็นชาวพื้นเมืองที่มีเชื้อสายผสมกับผู้มาใหม่ จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น แต่สภาพสังคมของพวกเขามีลักษณะเป็น[[อนาธิปไตย]]
 
ราวงศ์เซาเตเลวูร์เริ่มต้นขึ้นจากการมาถึงของผู้วิเศษฝาแฝดได้แก่ โอลิซีปาและโอโลโซปา จากกาเตาตะวันตกหรือกานัมไวโซ อันเป็นดินแดนในตำนาน มีการกล่าวกันว่าโอลิซีปาและโอโลโซปามีความสูงมากกว่าชาวพื้นเมืองโปนเปย์ พี่น้องคู่นี้เดินทางมาถึงด้วยเรือ[[แคนู]]ขนาดใหญ่ เพื่อแสวงหาพื้นที่าสำหรับการสร้างแท่นบูชาสำหรับการบูชาเทพนานีโซน ซาปว์ เทพแห่งเกษตรกรรม หลังจากการเริ่มต้นที่ผิดพลาดหลายครั้ง สองพี่น้องก็สร้างแท่นบูชาที่[[นันมาโตล]]ได้สำเร็จ อันเป็นสถานที่ในการประกอบพิธีกรรม ตำนานยังเล่าอีกว่าสองพี่น้องทำให้หินก้อนใหญ่ลอยขึ้นด้วยความช่วงเหลือของมังกรบิน เมื่อโอลิซีปาเสียชีวิตจากโรคชรา โอโลโซปาได้เป็นผู้ปกครองเซาเตเลวูร์คนแรก โอโลโซปาแต่งงานกับหญิงท้องถิ่น และเป็นต้นตระกูลของอีก 12 รุ่นต่อมา คิดเป็นจำนวนผู้ปกครองเซาเตเลวูร์แห่งตระกูลติปวิลัป 16 คน{{#tag:ref|Hanlon (1988) อธิบายถึงแหล่งข้อมูลที่แตกต่างเกี่ยวกับจำนวนผู้ปกครองเซาเตเลวูร์ มีตั้งแต่ประมาณ 8–17 คน ทำให้ไม่สามารถทราบตัวเลขที่แน่ชัดได้<ref name=Hanlon/>{{rp|234}} |group=note}} ผู้สถาปนาราชวงศ์ปกครองอย่างมีเมตตา แต่ผู้สืบทอดรุ่นหลังเริ่มเรียกร้องความต้องการจากประชาราษฎร์มากยิ่งขึ้น<ref name=PlaceNames/><ref name=Native>{{cite book|title=The Native Polity of Ponape |volume=10 |series=Contributions to Anthropology |first=Saul H |last=Riesenberg |publisher=Smithsonian Institution Press |year=1968 |pages=38, 51 |url=https://books.google.com/books?id=JV-0AAAAIAAJ |accessdate=2012-01-01}}</ref><ref name=Goodenough>{{cite book|title=Under Heaven's Brow: Pre-Christian Religious Tradition in Chuuk |volume=246 |series=Memoirs of the American Philosophical Society |first=Ward Hunt |last=Goodenough |publisher=American Philosophical Society |year=2002 |isbn=0-87169-246-5 |page=293 |url=https://books.google.com/books?id=iOktNiIoMHAC |accessdate=2012-01-01}}</ref>
 
==สภาพสังคม==
ผู้ปกครองเซาเตเลวูร์ที่นันมาโตลเป็นเจ้าของดินแดนและประชากร โดยยกดินแดนบางส่วนให้ชนชั้นนำเพื่อกำกับการเก็บเกี่ยวของสามัญชน สามัญชนจะต้องมอบบรรณาการผลไม้และปลาให้กับผู้ปกครอง<ref name=Flood>{{cite book|title=Micronesian Legends |first1=Bo |last1=Flood |first2=Beret E. |last2=Strong |first3=William |last3=Flood |publisher=Bess Press |year=2002 |isbn=1-57306-129-8 |pages=145–7, 160 |url=https://books.google.com/books?id=IVVQ46epBqwC |accessdate=2012-01-01}}</ref>
 
บรรณาการประกอบด้วย[[สาเก]]เป็นส่วนมากในฤดู''รัก'' (ฤดูแห่งความอุดมสมบูรณ์) ขณะที่เปลี่ยนไปเป็น[[มัน]] [[เผือก]]และสาเกหมักในฤดู''อิซล'' (ฤดูแห่งความขาดแคลน) นอกจากนี้มีการมอบอาหารทะเลให้กับเซาเตเลวูร์ในเวลาที่ระบุไว้ ระบบบรรณาการระยะแรกเป็นไปตามฤดูกาล อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป การเรียกร้องของเซาเตเลวูร์ทำให้ประชาชนอดอยากและใช้ชีวิตเยี่ยงทาส ด้วยการที่พวกเขาต้องใช้แรงงานและมอบวัสดุเกือบทั้งหมดให้กับเซาเตเลวูร์เป็นลำดับแรก ความไม่พอใจของผู้คนนำไปการลอบสังหารไม่ต่ำกว่าสองครั้ง แต่เซาเตเลวูร์อื่นก็ขึ้นมามีอำนาจแทนที่คนก่อน<ref name=Hanlon>{{cite book|title=Upon a Stone Altar: A History of the Island of Pohnpei to 1890 |volume=5 |series=Pacific Islands Monograph |first=David L |last=Hanlon |publisher=University of Hawaii Press |year=1988 |isbn=0-8248-1124-0 |pages=13–25 |url=https://books.google.com/books?id=OzgF5vZByVoC |accessdate=2012-01-01}}</ref><ref name=Flood/><ref name=Native/> นอกจากนี้มักพบการต่อต้านผู้กดขี่ด้วยการต่อต้านคำสั่งและขโมยวัตถุดิบที่จะมอบให้เซาเตเลวูร์<ref name=Hanlon/>
 
เซาเตเลวูร์บางคนมีใจกรุณา เช่น อิเนน มเวย์สถาปนาระบบ[[อภิชนาธิปไตย]]และไรปเว็นลัง ซึ่งเป็นนักเวทย์ที่ชำนาญ อย่างไรก็ตามเซาเตเลวูร์ผู้อื่นเป็นที่รู้จัึกในฐานะผู้อำมหิต เช่น ซากน มเวย์เก็บภาษีชาวโปนเปย์อย่างโหดเหี้ยม และไรปเว็นลาเกใช้เวทมนต์เพื่อระบุตำแหน่งชาวโปนเปย์ที่อ้วนที่สุดและกินเขา ขณะที่เกจิปาเรลงได้รับการจดจำในฐานะที่มีภรรยาตะกละ ส่วนผู้ปกครองถัดมาอย่างซาไรเต็น ซัปว์เป็นผู้สถานปนาธรรมเนียม[[ผลไม้แรก]]บนเกาะโปนเปย์<ref name=Ballinger/>
 
===การแบ่งเขตการปกครอง===
[[File:Pohnpei map.gif|thumb|right|250px|แผนที่เทศบาลของโปนเปย์ในปัจจุบันห้าแห่ง แต่ในสมัยเซาเตเลวูร์มีหน่วยการปกครองระดับบนเพียงสามแห่งเท่านั้น]]
ในรัชสมัยของเซาเตเลวูร์ มโวนมเวย์แบ่งโปนเปย์ออกเป็น 3 ''เวย์''หรือรัฐ ภาคตะวันออกเรียกว่าโกปวาเล็ง ([[มาโตเลนีมว์]]) ประกอบด้วยพื้นที่ 7 ส่วน ได้แก่ เว็นอิก เปย์ตี, เว็นอิก เปย์ตัก, เอนีมวัน, เลเดา, เซนิเปน, เลปินเซ็ตและเตเลวูร์ ส่วนภาคตะวันตกเรียกว่ามาเล็นโกปวาเล ([[กิจี]]) ประกอบด้วย 4 พื้นที่ ได้แก่ โอโนนเล็ง, เกปีเล็ง, เลนปเว็ลและ[[อะทอลล์อันต์]] และภาคเหนือเรียกว่าปวาปวาลิก ประกอบด้วย ปาลีกีร์, โซเก็ส, ติปเว็น โดงาลัป, กามาร์, นันมาอีร์และ[[เกาะปะกิน]] ระบบการปกครองรวมศูนย์ได้รวมระดับการแบ่งเขตปกครองย่อยที่มีก่อนหน้าเข้ามาไว้และนำโครงสร้างชนชั้นนำท้องถิ่นมาใช้ ต่อมาอูและเน็จกลายเป็นรัฐทางตอนเหนือ ซึ่งนำไปสู่การก่อกำเนิดของเทศบาล 5 แห่งบนเกาะโปนเปย์ในปัจจุบัน<ref name=Hanlon/>
 
[[โซเกน]]เป็นดินแดนที่มั่งคั่งภายใต้การปกครองของเซาเตเลวูร์<ref name=Petersen2/><ref>{{cite book|title=Broken Canoe: Conversations and Observations in Micronesia |first=Ann |last=Nakano |editor=Tim Porter |publisher=University of Queensland Press |year=1983 |isbn=0-7022-1684-4 |pages=246–7 |url=https://books.google.com/books?id=P71BAAAAYAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref> ขณะที่โอโนนเล็งมีอำนาจปกครองตนเองสูงมาก พื้นที่กิจีและเกปีเล็งทางตะวันตกมีชื่อเสียงในการต่อต้านการปกครองของเซาเตเลวูร์ที่อยู่ทางตะวันออก<ref name=Hanlon/>
 
ที่เมืองหลวง[[นันมาโตล]] ผู้ปกครองเซาเตเลวูร์พัฒนาระบบตำแหน่งแบ่งชั้นเพื่อแสดงถึงอาชีพ ซึ่งรวมถึง ที่ปรึกษา ผู้เตรียมอาหาร องครักษ์ประจำประตูและองครักษ์ย่านที่อยู่อาศัย<ref name=Hanlon/>
 
ตามตำนานกล่าวว่าผู้ปกครองราชวงศ์เซาเตเลวูร์ไม่มีความสนใจและเกี่ยวข้องกับกิจการทางทหาร เนื่องจากโดยรวมแล้วเป็นยุคสมัยแห่งสันติ แม้ว่าชาวโปนเปย์พื้นเมืองจะได้รับความทุกข์และมีความไม่พอใจเกี่ยวกับการปกครอง<ref name=Hanlon/><ref name=Ballinger/>
 
===ศาสนา===
{{further|นันมาโตล}}
[[File:Map FM-Nan Madol.PNG|thumb|right|250px|แผนที่นันมาโตล]]
ศาสนาในสมัยราชวงศ์เซาเตเลวูร์มีลักษณะของอารามหินขนาดใหญ่และพื้นที่สุสาน การถวายอาหารและการทำนายศักดิ์สิทธิ์ ลัทธิบูชาราชวงศ์เซาเตเลวูร์พบได้ที่[[นันมาโตล]] ที่จะมีการถวายบรรณาการแด่เทพสายฟ้า[[นานซัปเว]] หรือเดากาเตา ซึ่งเป็นที่มาของความชอบธรรมของราชวงศ์เซาเตเลวูร์ ชาวโปนเปเดิมเคารพนานซัปเว ซึ่งจากนันมาโตล ลัทธิบูชานานซัปเวแผ่กระจายไปยังพื้นที่อื่นของโปนเปย์ ส่วนลัทธิบูชาอื่นที่พบเช่นลัทธิบูชาปลาไหลน้ำจืดและลัทธิบูชาเทพ[[อิลาเกะ]]<ref name=Hanlon/><ref name=Goodenough/>
 
เซาเตเลวูร์ไม่ประสบความสำเร็จในความพยายามที่จะแนะนำให้ชาวโปนเปย์บูชาเทพของตน[[นานีโซน ซัปว์]] ซึ่งชาวโปนเปย์เคารพพอเป็นพิธีเท่านั้น ผู้ปกครองเซาเตเลวูร์ใช้[[วงศ์ปลาไหลมอเรย์|ปลาไหลมอเรย์]]นานซัมโวลในฐานะตัวกลางของนานนีโซน ซัปว์ ผู้ที่ระบุว่าเทพต่างถิ่นจะพอใจด้วยการกลืนกินบรรณาการในรูปของเต่า ชนชั้นนักบวชนำโดยหัวหน้านักบวช[[โซว์กีเซเล็ง]]เป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลในสังคมโปนเปย์<ref name=Hanlon/><ref name=Goodenough/>
 
พิธีกรรม ''กัมปา'' ที่จัดเป็นประจำทุกปีเป็นเครื่องยืนยันการอุทิศของชาวโปนเปย์แด่เทพและวิญญาณแห่งแผ่นดิน ส่วนพิธี ''ซาเกา'' เป็นการยืนยันการมีอำนาจเหนือของเซาเตเลวูร์ โดยพิธีกรรมส่วนมากเกี่ยวข้องกับการเตรียมของขวัญแด่ผู้ปกครอง<ref name=Hanlon/>
 
การถวายอาหาร โดยเฉพาะแด่เซาเตเลวูร์ มี[[เต่า]]และ[[สุนัข]] ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางพิธีกรรมรวมอยู่ด้วย เต่า (''เวย์'') แทนการแบ่งเขตการปกครอง 3 ส่วน (''เวย์'') และเป็นศูนย์กลางตำนานที่สองพี่น้องต้องสังเวยแม่ของพวกเขา คือ เต่าที่ให้ชีวิต เพื่อให้เซาเตเลวูร์กิน หลังจากที่พวกเขาพูดอย่างติดตลกว่าจะขายเธอเพื่อแลกกับการลิ้มลองเนื้อสุนัขของเซาเตเลวูร์ ส่วนสุนัขมีสถานะที่สำคัญมากในสังคม โดยผู้ปกครองเซาเตเลวูร์ เนื่องจากเซาเตเลวูร์ถูกมอบอำนาจการปกครองโดยสุนับในตำนานอย่าง''โอนุนมาตาไก'' (''ผู้เผ้าดูดินแดน'')<ref name=Hanlon/>
 
==การล่มสลาย==
{{further|อิโซเกเลเก็ล}}
[[อิโซเกเลเก็ล]]พิชิตการปกครองของเซาเตเลวูร์ ด้วยการรุกรานเกาะโปนเปย์จาก[[โกชาเอ]] หรือดินแดนในตำนานกาเตาตะวันออก มีหลักฐานที่แตกต่างกันมากที่อธิบายเหตุการณ์ก่อนและระหว่างการรุกรานเกาะโปนเปย์ โดยพบว่ามีหลักฐาน 13 ชิ้นที่มีการเผยแพร่ ในตำนานฉบับส่วนมากกล่าวถึงการปกครองของเซาเตเลวูร์ที่กดขี่ผ่านระบบสังคมรวมศูนย์ นอกจากนี้เจ้าเหนือหัวยังละเมิดเทพสายฟ้านานซัปเว ส่งผลให้เกิดจุดจบของราชวงศ์ในที่สุด<ref name=Petersen1/><ref name=Petersen2>{{cite book|title=Traditional Micronesian Societies: Adaptation, Integration, and Political Organization |first=Glenn |last=Petersen |publisher=University of Hawaii Press |year=2009 |isbn=978-0-8248-3248-3 |pages=141, 145, 152, 208 |url=https://books.google.com/books?id=00fNj3w_lN0C |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=Lessa>{{cite book|title=More Tales from Ulithi Atoll: a Content Analysis |volume=32 |series=Folklore and Mythology Studies |first=William Armand |last=Lessa |publisher=University of California Press |year=1980 |isbn=0-520-09615-0 |pages=73, 130 |url=https://books.google.com/books?id=5fS5CSCOLqIC |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=PH>{{cite book|title=Pacific History: Papers from the 8th Pacific History Association Conference |first=Donald H |last=Rubinstein |publisher=University of Guam Press & Micronesian Area Research Center |pages=206–7 |year=1992 |isbn=1-878453-14-9 |url=https://books.google.com/books?id=8JpyAAAAMAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=Kirch>{{cite book|title=On the Road of the Winds: An Archaeological History of the Pacific Islands Before European Contact |first=Patrick Vinton |last=Kirch |publisher=University of California Press |year=2002 |isbn=0-520-23461-8 |pages=200, 205 |url=https://books.google.com/books?id=qQ0ApgIOPtEC |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=Castle>{{cite book|title=Earthwalking Sky Dancers: Women's Pilgrimages to Sacred Sites |volume=56 |first=Leila |last=Castle |publisher=Frog Books |year=1996 |isbn=1-883319-33-1 |pages=100–1 |url=https://books.google.com/books?id=01zpM4GUpX0C |accessdate=2011-12-31}}</ref>
 
เทพสายฟ้านานซัปเวมีความสัมพันธ์เป็นชู้กับภรรยาของเจ้าเหนือหัวเซาเตเลวูร์ เจ้าเหนือหัวเซาเตเลวูร์จึงออกเดินทางเพื่อตามจับนานซัปเวด้วยความโกรธ ผู้ปกครองยังใช้การมีความสัมพันธ์นี้ในการปราบปรามการบูชานานซัปเว ตำนานบางฉบับยังกล่าวถึงผู้ปกครองยังทำให้บรรดาเทพโปนเปย์องค์อื่นโกรธและปลดนักบวชชั้รสูงซาวุมที่ทำนายความหายนะของเซาเตเลวูร์ การกระทำทั้งหมดนี้ทำให้เทพ มนุษย์และสัตว์ไม่พอใจ<ref name=Hanlon/><ref name=Petersen1/><ref name=Lindsay>{{cite book|title=Encyclopedia of Religion |volume=9 |first=Lindsay |last=Jones |edition=2 |publisher=Macmillan Reference |year=2005 |isbn=0-02-865742-X |url=https://books.google.com/books?id=WwEtAAAAMAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=Fields>{{cite book|title=South Pacific |first1=Jack |last1=Fields |first2=Dorothy |last2=Fields |publisher=A. H. & A. W. Reed |pages=111–2 |year=1973 |url=https://books.google.com/books?id=urUVAQAAIAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref> เทพนานซัปเวออกจาก[[โปนเปย์]]เพื่อเดินทางไปยัง[[โกชาเอ]] (กาเตา) ช่วงหลบหนี พระองค์ได้ทำให้มนุษย์เป็นหมัน ซึ่งเป็นคนในตระกูลติปเว็นปานเมย์ของเขาตั้งครรภ์ ด้วยการให้กิน[[มะนาวเขียว]] การร่วมความสัมพันธ์ที่ผิดประเวณีดังกล่าวก่อให้เกิดบุคคลกึ่งเทพอย่าง[[อิโซเกเลเก็ล]] ผู้ซึ่งอยู่ในครรภ์ แต่รู้ถึงชะตากรรมการแก้แค้นของเขา<ref name="UG"/><ref name=Petersen1/><ref name=Petersen2/><ref name=Lessa/><ref name=Kirch/><ref name=Castle/><ref name=Lindsay/><ref name=Goetzfridt>{{cite book|title=Micronesian Histories: An Analytical Bibliography and Guide to Interpretations |issue=54 |series=Bibliographies and Indexes in World History |first1=Nicholas J |last1=Goetzfridt |first2=Karen M |last2=Peacock |publisher=Greenwood Publishing Group |year=2002 |isbn=0-313-29103-9 |pages=3, 34–5, 102, 156–9 |url=https://books.google.com/books?id=oqqdbU0tBvAC |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref>{{cite book|title=American Anthropologist |volume=95 |issue=1–2 |publisher=American Anthropological Association |location=Washington, D.C. |year=1993 |isbn=9780028657424 |url=https://books.google.com/books?id=dzQOAQAAMAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref> เมื่อเติบใหญ่ เขาได้ล่องเรือไปกับชาย หญิงและเด็กจำนวน 333 คน โดยมีจุดมุ่งหมายลับเพื่อพิชิตโปนเปย์<ref name=Morgan/><ref name=PlaceNames/><ref name=UG/><ref name=Lessa/><ref name=Kirch/><ref name=Castle/><ref name=Goetzfridt/> เมื่อลงเรือมีการบูชายัญมนุษย์ อันเป็นพิธีกรรมที่แพร่หลายใน[[วัฒนธรรมพอลินีเซีย]] แต่พบได้น้อยมากในประวัติศาสตร์โปนเปย์<ref name=Petersen1/> ในระหว่างการเดินทางสู่นันมาโตล เขาได้รับมอบเมล็ดสาเกจากหัวหน้าของ[[แอนต์อะทอลล์]] ในวัฒนธรรมของพวกเขา มื้ออาหารที่มีเมล็ดสาเกเป็นมื้ออาหารของนักรบที่กำลังเข้าสู่สงคราม และการมอบครั้งนี้ก็เป็นการเชื้อเชิญเพื่อทำสงครามกับเซาเตเลวูร์ ระหว่างที่อยู่บนแอนต์อะทอลล์ เขามีความสัมพันธ์คู่รักกับหญิงท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงการที่เขาตั้งใจมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชาวโปนเปย์และต่อต้านเซาเตเลวูร์เท่านั้น<ref name=Hanlon/>
 
จากตำนานหลายฉบับกล่าวว่าสงครามเกิดขึ้นที่[[นันมาโตล]] หลังจากที่การเล่นระหว่างเด็กท้องถิ่นกับเด็กจากเรือแคนูของอิโซเกเลเก็ลขยายเป็นการต่อสู้กัน<ref name=Lessa/> ในตำนานฉบับอื่นกล่าวว่า ผู้ช่วยของเขายั่วนักรบท้องถิ่นที่จุดนัดพบที่ตระเตรียมไว้ก่อน<ref name=Fields/> อีกฉบับหนึ่งกล่าวว่าอิโซเกเลเก็ลได้เริ่มการจลาจลหลังจากได้รับความไว้วางใจจากเจ้าบ้าน<ref name=Kahn>{{cite book|title=A Reporter in Micronesia |first=Ely Jacques |last=Kahn |publisher=W. W. Norton |year=1966 |page=151 |url=https://books.google.com/books?id=-2eyAAAAIAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref> and with help from the oppressed locals.<ref name=Petersen2/><ref name=Castle/> บางฉบับกล่าวว่าหลังจากที่อิโซเกเลเก็ลเห็นป้อมปราการที่นันมาโตล แล้วต้องการถอนตัว แต่ได้รับการช่วยเหลือจากหญิงที่ถูกรังเกียจจากครอบครัวผู้ปกครอง<ref name=Price>{{cite book|title=Pacific Adventure |first=Willard |last=Price |publisher=Reynal & Hitchcock |year=1936 |pages=[https://archive.org/details/in.ernet.dli.2015.89520/page/n278 240]–1 |url=https://archive.org/details/in.ernet.dli.2015.89520 |accessdate=2011-12-31}}</ref> ในอีกฉบับหนึ่งกล่าวว่านักรบของอิโซเกเลเก็ลได้รับความช่วยเหลือจากอาวุธที่ถูกซ่อนที่ปรากฎออกมาให้เห็นในขณะนั้น<ref name=Fields/>
 
กระแสของสงครามพลิกกลับไปมาอยู่หลายครั้ง แต่จบด้วยการที่เซาเตเลวูร์ถอนทหารออกจากเกาะโปนเปย์<ref name=Petersen1/> ตำนานกล่าวว่าสงครามจบลงเมื่อเซาเตเลวูร์อย่างเซาเต็มโวลถอนทัพขึ้นไปบนแนวเขาสู่ลำธาร จากนั้นเขากลายร่างเป็นหลาและยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน อิโซเกเลเก็ลสถาปนาตนเป็น''นาน-มวาร์กิส'' และครองอำนาจที่[[นันมาโตล]]เหมือนกับราชวงศ์เซาเตเลวูร์ที่ปกครองมาก่อนเขา<ref name=Petersen1/><ref name=Ballinger>{{cite book|title=Lost City of Stone: The Story of Nan Madol, the "Atlantis" of the Pacific |first=Bill Sanborn |last=Ballinger |publisher=Simon and Schuster |year=1978 |isbn=0-671-24030-7 |pages=45–8 |url=https://books.google.com/books?id=l6oSAQAAIAAJ |accessdate=2011-12-31}}</ref><ref name=Lessa/>
 
==สิ่งสืบทอด==
ระบบบรรณาการของเซาเตเลวูร์ลดรูปลง แต่ยังคงอยู่ในทางประเพณีในยุคหลัง ประเพณีการมอบของขวัญและจัดงานเลี้ยงในงานศพของยุคหลังได้รับแนวปฏิบัติมาจากการมอบบรรณาการในสมัยเซาเตเลวูร์<ref name=Petersen1/>{{rp|30}} <ref>{{cite book|title=Power Sharing: Language, Rank, Gender, and Social Space in Pohnpei, Micronesia |volume=23 |series=Oxford Studies in Anthropological Linguistics |first=Elizabeth Lillian |last=Keating |publisher=Oxford University Press |year=1998 |isbn=0-19-511197-4 |page=89 |url=https://books.google.com/books?id=-QSYktkf81wC |accessdate=2011-12-31}}</ref>
 
==เชิงอรรถ==
{{reflist|group=note}}
 
==อ้างอิง==
{{reflist|2}}
 
===หนังสืออ่านเพิ่ม===
* Ayres, William S. Nan Madol, Pohnpei. SAA Bulletin. Vol. 10, Nov. 1992. Society for American Archaeology.
* Ayres, William S. Pohnpei's Position in Eastern Micronesian Prehistory, Micronesica, Supplement 2: Proceedings, Indo Pacific Prehistory Association, Guam, 1990, pp.&nbsp;187–212.
* Ayres, William S. Mystery Islets of Micronesia. Archaeology Jan-Feb 1990, pp.&nbsp;58–63
 
==แหล่งข้อมูลอื่น==
*{{cite web|url=http://www.uoregon.edu/~wsayres/pohnpei/NanMadol.html |title=Nan Madol, Madolenihmw, Pohnpei |first=William |last=Ayres |publisher=Department of Anthropology University Of Oregon |accessdate=2012-01-01}}
 
{{Coord|6|51|N|158|13|E|display=title}}