ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โจว เอินไหล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Matable (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Matable (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 22:
โจวได้เอาชีวิตรอดจากการกำจัดแก่เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงในช่วง[[การปฏิวัติทางวัฒนธรรม]] ในขณะที่เหมาได้ทุ่มเทให้กับเวลาส่วนใหญ่ในการต่อสู้ทางการเมืองและงานทางด้านอุดมกาณ์ โจวเป็นแรงผลักดักหลักที่อยู่เบื้องหลังของสถานการณ์ภายในประเทศในช่วงส่วนใหญ่ของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม ความพยายามของเขาในการบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของพวก[[ยุวชนแดง]]และความพยายามของเขาในการปกป้องคนอื่นจากความโกรธเกรี้ยวของพวกเขา ทำให้เขาได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงระยะหลังของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม
 
เมื่อสุขภาพของเหมาเริ่มย่ำแย่ลงในปี ค.ศ. 1971 และ ค.ศ. 1972 และภายหลังจากการเสียชีวิตของ[[หลิน เปียว]]ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศจนเป็นที่น่าอับอายของจีน โจวได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานที่หนึ่งแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ที่เว้นว่างไว้โดยคณะกรรมการส่วนกลางที่ 10 ในปี ค.ศ. 1973 และถูกกำหนดให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเหมา (บุคคลที่สามที่ถูกกำหนดเอาไว้รองลงจาก[[หลิว เส้าฉี]] และหลิน) แต่ยังคงต้องต่อสู้กับ[[แก๊งออฟโฟร์]]ในการช่วงชิงการเป็นผู้นำของจีน การปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งสำคัญและครั้งสุดท้ายของเขาคือ การประชุมครั้งแรกของสภาประชาชนแห่งชาติครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1975 ซึ่งเขาได้นำเสนอรายงานการทำงานของรัฐบาล จากนั้นเขาได้หลุดพ้นจากสายตาของสาธารณชนเพื่อไปรักษาพยาบาลและเสียชีวิตในอีกหนึ่งปีต่อมา ความโศกเศร้าเสียใจของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมากมายมหาศาลซึ่งการเสียชีวิตของเขาได้ปลุกปั่นให้ประชาชนชาวปักกิ่งหันไปโกรธแค้นต่อแก๊งออฟโฟร์ จนนำไปสู่[[กรณีเทียนอันเหมิน]] ปี ค.ศ. 1976 แม้ว่าโจวจะได้รับการสืบทอดตำแหน่งโดย[[ฮั่ว กั๋วเฟิง]] ในฐานะรองประธานคนที่หนึ่งและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเป็นผู้นำของจีน แต่[[เติ้ง เสี่ยวผิง]] พันธมิตรของโจวก็สามารถเอาชนะแก๊งออฟโฟร์ทางการเมืองลงได้และเข้ามาแทนที่ฮั่วจนกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ในปี ค.ศ. 1978
 
==ประวัติ==