ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แคทารีน เฮปเบิร์น"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 61:
 
ด้วยความโดดเด่นนี้ เฮปเบิร์นตัดสินใจแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่ของจอร์จ คูกอร์ ในเรื่อง ''[[ซิลเวีย สการ์เล็ต]]'' (ปี 1935) ซึ่งเธอแสดงคู่กับ[[แครี แกรนต์]]เป็นครั้งแรก<ref name="Berg p 109" /> เธอตัดผมสั้นเพราะตัวละครของเธฮนั้นปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเกือบทั้งเรื่อง นักวิจารณ์นั้นไม่ชอบซิลเวีย สการ์เล็ตและไม่เป็นที่นิยมต่อสาธารณชน<ref>Berg (2004) p. 110.</ref> ภาพยนตร์ต่อไปเธอแสดงเป็น[[สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งสกอตแลนด์]] หรือ แมรี สจวต ในภาพยนตร์เรื่อง ''[[แมรีแห่งสกอตแลนด์ (ภาพยนตร์)|แมรีแห่งสกอตแลนด์]]''ของ[[จอห์น ฟอร์ด]] (ปี 1936) ซึ่งได้รับการตอบรับกระแสไม่ค่อยดีเช่นกัน<ref>Berg (2004) pp. 111–112.</ref> ตามมาด้วยเรื่อง ''[[อะวูเม่นรีเบลส์]]'' (ปี 1936) ภาพยนตร์ดราม่ายุควิกตอเรียนที่ซึ่งเฮปเบิร์นรับบทที่ท้าทายจากการมีลูกนอกสมรส<ref>Berg (2004) p. 126.</ref> เรื่อง ''[[ควอลิตี้สตรีท (ภาพยนตร์ปี 1937)|ควอลิตี้สตรีท]]'' (ปี 1937) ละครย้อนยุคเช่นกันแต่คราวนี้มีภาพยนตร์ตลก ภาพบนตร์แต่ละเรื่องไม่ได้รับความนิยมจากสาธารณชนเลย ซึ่งหมายความว่าเธอไม่ประสบความสำเร็จในภาพยนตร์สี่เรื่องติดต่อกัน<ref>Berg (2004) p. 112.</ref>
 
นอกเหนือจากภาพยนตร์ที่ล้มเหลวแล้ว ปัญหาอีกประการคือ กิริยาท่าทางของเธอ<ref>Horton and Simmons (2007) p. 120.</ref> เธอมักมีปัญหากับสื่อมวลชนซึ่งมองว่าเธอหยาบคายและยั่วยุ<ref name="lat life" /> เมื่อสื่อถามว่าเธอมีลูกหรือไม่ เธอตอบกลับไปว่า "ใช่ฉันมีลูกห้าคน ผิวขาวสองคน ผิวสีสามคน"<ref>Kanin (1971) p. 284.</ref> เธอไม่ให้สัมภาษณ์และปฏิเสธที่จะให้ลายเซ็นต์<ref name="Kanin p 85">Kanin (1971) p. 85.</ref> ทำให้ได้รับสมญาว่า "แคทารีนจอมหยิ่งยโส"<ref>Berg (2004) p. 111.</ref> สื่องงงันกับพฤติกรรมแบบเด็กๆของเธอ และการเลือกแฟชั่นของเธอ และนั่นทำให้เธอเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความนิยมอย่างมาก<ref name="lat life">{{cite news|last=McNamara |first=Mary |title=It was her defining role: life |url=http://articles.latimes.com/2003/jul/01/entertainment/et-mary1 |accessdate=October 2, 2011 |newspaper=[[Los Angeles Times]] |date=July 1, 2003 |url-status=live |archiveurl=https://web.archive.org/web/20120113051140/http://articles.latimes.com/2003/jul/01/entertainment/et-mary1 |archivedate=January 13, 2012}}</ref><ref>Britton (2003) p. 16.</ref> เฮปเบิร์นรู้สึกว่าเธอต้องออกไปจากฮอลลีวูด<ref name="Berg p 114" /> ดังนั้นเธอเดินทางกลับไปยังตะวันออกและเล่นละครเวทีตามบทประพันธ์ของ[[เจน ไอร์]] ซึ่งประสบความสำเร็จ<ref>Chandler (2011) p. 105.</ref> แต่ด้วยบทที่ไม่แน่นอน และความไม่เต็มใจเสี่ยงต่อความล้มเหลวเพราะกลัวจะซ้ำรอยเรื่องเดอะเลค เฮปเบิร์นจึงตัดสินใจไม่รับงานแสดงบรอดเวย์<ref name="Berg p 114">Berg (2004) p. 114.</ref> จนถุงปลายปีค.ศ. 1936 เฮปเบิร์นต้องการเล่นบท[[สการ์เล็ต โอฮารา]]ในเรื่อง[[วิมานลอย (ภาพยนตร์)|วิมานลอย]]<ref>Haver (1980) pp. 237–238.</ref> เดวิด โอ.เซลสนิก ผู้ผลิตปฏิเสธที่จะให้บทเธอเพระามองว่าเธอไม่มีแรงดึงดูดทางเพศ เขาบอกเฮปเบิร์นว่า "ผมไม่สามารถเห็นเลยว่า[[เร็ท บัทเลอร์]]จะสามารถไล่ตามคุณได้ถึง 12 ปี"<ref>Higham (2004) p. 94.</ref>
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง|3}}