ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กบทูด"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 18:
}}
 
'''กบทูด''', '''กบภูเขา''' หรือ '''เขียดแลว''' ({{ชื่อวิทยาศาสตร์|Limnonectes blythii}}) เป็น[[กบ]]ขนาดใหญ่ที่สุดในที่พบได้ใน[[ประเทศไทย]] <ref>http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view (id=9724) </ref> ความยาวจากปลายปากถึงก้น ประมาณ 1 [[ฟุต]] น้ำหนักกว่า 5 [[กิโลกรัม]] มีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณป่าต้นน้ำบนภูเขาสูง อยู่ตามลำห้วย[[ป่าดิบ]]เฉพาะแห่ง โดยพบ[[ภาคตะวันตก]]ของไทย ตั้งแต่[[ภาคเหนือ]]จรด[[ภาคใต้]]ไปจนถึง[[มาเลเซีย]]และ[[อินโดนีเซีย]] เช่นใน[[เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา]], [[อุทยานแห่งชาติเขาสก]] เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังพบได้ใน[[กัมพูชา]], [[ลาว]] และ[[เวียดนาม]]
 
มีลักษณะ ปลายปากเรียวแหลมจนเห็นได้ชัด ส่วนลำตัวอ้วนใหญ่ ผิวเป็นตุ่มเล็ก ๆ ไม่สะดุดตาดูคล้ายเป็นผิวหนังเรียบ เมื่อโตเต็มที่ลำตัวจะมีสีน้ำตาลแดง ริมฝีปากดำ มีขีดดำจากท้ายตาลากมาจนถึงเหนือวงแก้วหู บริเวณสีข้างอาจมีลาย หรือจุด[[สีดำ]] [[สีน้ำตาล|น้ำตาล]]เข้ม ส่วนขามีลายเข้มคาด เป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ ยังพบว่าสามารถปรับเปลี่ยนสีผิวไปตามที่อยู่อาศัย เช่น ลำตัวจะมีสีน้ำตาลแดงเมื่ออาศัยอยู่ตามพงหญ้าแห้ง หรือมีสีดำเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโพรงไม้ กบทูดเป็นสัตว์ที่มีนิสัยหากินตอน[[กลางคืน]] ชอบสภาพอากาศค่อนข้าง[[เย็น]] เวลากลางวันมักหลบซ่อนอยู่ตามที่มืดทึบ เช่น โพรงไม้, หลุม, พงหญ้า บริเวณเหล่านี้ล้วนมีสภาพ[[ชุ่มชื้น]]อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากกบทูดไม่สามารถอาศัยอยู่ในที่แห้งแล้งหรือร้อนจัดได้นาน เพราะสภาพเช่นนี้จะทำให้ผิวหนังแห้ง อาจทำให้[[ตาย]]ได้
 
ความแตกต่างเพศผู้เพศเมีย สามารถดูได้จากระยะห่างระหว่างตากับวงแก้วหู ตัวผู้จะมีระยะห่างดังกล่าวนี้ยาวกว่าตัวเมีย นอกจากนี้ ยังสังเกตได้จากเขี้ยว ซึ่งตัวผู้จะเห็นได้เด่นชัดมากกว่าตัวเมียที่มีลักษณะคล้ายตุ่มเล็ก ๆ และโดยส่วนใหญ่แล้ว กบทูดตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย
 
ฤดู[[ผสมพันธุ์]]ของกบทูดอยู่ระหว่างเดือน[[มกราคม]]-[[มกราคม–มีนาคม]] เมื่อช่วงฤดูวางไข่ ตัวผู้จะขุดหลุมสำหรับตัวเมียวางไข่ เวลาผสมพันธุ์ตัวผู้ลงไปอยู่ในหลุมที่ตัวเองขุด แล้วจะส่งเสียงร้องเรียกตัวเมีย ตัวเมียที่พร้อมผสมพันธุ์ก็จะลงไปในหลุมนั้น หลังจากผสมพันธุ์เสร็จ ตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันกลบหลุมไข่ ซึ่งมีลักษณะเป็นกองหินนูนขึ้นมา ทั้งตัวเมียและตัวผู้จะผลัดกันเฝ้าหลุมไข่พร้อมกับออกหาอาหาร
 
กบทูด จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ใน[[พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535]] แต่จัดเป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ <ref>[http://www.ubonzoo.com/law/law_department/law_department6.htm กฎกระทรวงฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535]</ref>
 
ปัจจุบัน กบทูดเป็นสัตว์ที่หายากชนิดหนึ่งในประเทศไทย อันเนื่องจาก[[สิ่งแวดล้อม|สภาพแวดล้อม]]และถิ่นที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป [[กรมประมง]]จึงมีการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงเป็น[[สัตว์เศรษฐกิจ]] โดยทาง[[กรมประมง]] เช่น [[สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดแม่ฮ่องสอน]] สามารถเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ<ref>[http://www.fisheries.go.th/sf-maehongson/web2/index.php?option=com_content&view=article&id=17&Itemid=22 เขียดแลว]</ref> และกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจได้แล้วในขณะนี้<ref>[http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=0544010545&srcday=2008/05/15&search=no การเพาะเลี้ยงกบทูด หรือกบภูเขา หรือเขียดแลว]จาก[[มติชน]]</ref>
 
ปัจจุบัน กบทูดเป็นสัตว์ที่หายากชนิดหนึ่งในประเทศไทย อันเนื่องจาก[[สิ่งแวดล้อม|สภาพแวดล้อม]]และถิ่นที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป จึงมีการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงเป็น[[สัตว์เศรษฐกิจ]] โดยทาง[[กรมประมง]] เช่น [[สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดแม่ฮ่องสอน]] สามารถเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ<ref>[http://www.fisheries.go.th/sf-maehongson/web2/index.php?option=com_content&view=article&id=17&Itemid=22 เขียดแลว]</ref>
และกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจได้แล้วในขณะนี้<ref>[http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=0544010545&srcday=2008/05/15&search=no การเพาะเลี้ยงกบทูด หรือกบภูเขา หรือเขียดแลว]จาก[[มติชน]]</ref>
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/กบทูด"