ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปรีดี พนมยงค์"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 131:
ในช่วงที่รับราชการในกระทรวงยุติธรรมนี้ ปรีดีได้รวบรวมกฎหมายไทยตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันซึ่งอยู่ในสภาพกระจัดกระจายให้มารวมเป็นเล่มเดียว ใช้ชื่อว่า “[[ประชุมกฎหมายไทย]]” และได้รับการตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2473 ที่โรงพิมพ์นิติสาสน์ซึ่งเป็นกิจการส่วนตัวของเขาเอง หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมและสร้างรายได้ให้แก่ปรีดีเป็นอย่างมาก<ref name="bunnag-1999">เดือน บุนนาค [http://www.openbase.in.th/files/pridibook024.pdf ข้าพเจ้ารู้จักกับเขาปรีดี พนมยงค์], ปรีดีปริทัศน์, 2542, หน้า 22</ref>
นอกจากงานที่กรมร่างกฎหมายแล้ว ปรีดียังเป็นอาจารย์ผู้สอนที่โรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ในชั้นแรกได้สอนวิชากฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ว่าด้วยลักษณะหุ้นส่วน บริษัทและสมาคม ต่อมาได้สอนวิชากฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล ลูกศิษย์ของเขาในช่วงดังกล่าวนี้ได้แก่ [[สัญญา ธรรมศักดิ์]] [[จิตติ ติงศภัทิย์]] [[ดิเรก ชัยนาม]] [[เสริม วินิจฉัยกุล]] เสวต เปี่ยมพงศ์สานต์ ไพโรจน์ ชัยนาม จินดา ชัยรัตน์ โชติ สุวรรณโพธิ์ศรี และศิริ สันตะบุตร
ใน พ.ศ. 2474 ปรีดีเป็นคนแรกที่เริ่มสอนวิชา[[กฎหมายปกครอง]] (Droit Administratif)<ref name="bunnag-1999" /> กล่าวกันว่าวิชากฎหมายปกครองนี้ เป็นวิชาที่สร้างชื่อเสียงแก่ปรีดีเป็นอย่างมาก เพราะสาระของวิชานี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชากฎหมายมหาชน ซึ่งอธิบายถึงหลักการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยอันเป็นหัวใจของการปกครองในระบอบ[[ประชาธิปไตย]] ในขณะที่ประเทศไทยยังคงปกครองอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์<ref>ทิพวรรณ (บุญทวี) เจียมธีรสกุล, [http://www.openbase.in.th/files/pridibook018.pdf วิทยานิพนธ์เรื่องความคิดทางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ : ระยะเริ่มแรก], 2528, หน้า 409-421, 423-424</ref> ในขณะเดียวกัน ก็ได้อาศัยการสอนที่โรงเรียนดังกล่าว ปลุกจิตสำนึกนักศึกษาให้สนใจเป็นขั้น ๆ ถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนระบบการปกครองจากระบบเดิมให้เป็นระบบราชาธิปไตยภายใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังได้เปิดอบรมทบทวนวิชา
== บทบาททางการเมืองก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ==
|