ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัง หมิงเฉฺวียน"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
4 ดรุณีหยก ใช้ว่า 4 ยอดนางเอก จะเข้าใจได้ง่ายกว่า ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล นักแสดง
| name =
| image = LizaWangOperapic.jpg
| imagesize = 230px
| caption = '''
| birthname =
| nickname =
| ส่วนสูง=
บรรทัด 50:
"[http://www.thestandard.com.hk/news_detail.asp?pp_cat=21&art_id=62710&sid=17950181&con_type=1&d_str=20080307&sear_year=2008 The standard HK]". ''Wang in Big step on home permits''. Retrieved on 2008-03-07.</ref> เรียกได้ว่าเธอเป็น[[ปูชนียบุคคล]]ของวงการละครโทรทัศน์ฮ่องกงเลยก็ว่าได้ เพราะเธอเป็นที่เคารพนับถือของบรรดานักแสดงด้วยกันทั้งรุ่นพี่,รุ่นน้อง และรุ่นเดียวกันทั้งชายและหญิง ซึ่งต่างก็ยอมรับในความเก่งของเธอ ในอดีตเธอมีผลงานละครดังที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชม มากมายหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งผลงานละครที่เธอรับบทแสดงนำหรือร่วมแสดง ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมอย่างสูง จนขึ้นมาเป็น 1 ใน 4 นางเอกยอดนิยมแถวหน้าแห่งยุคทศวรรษที่ 70 ของทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ซึ่งประกอบไปด้วย [[เจิ้งอวี้หลิง]], [[หวง ซิ่งซิ่ว]], [[เจ้าหย่าจือ]] และเธอ อีกทั้งบทเพลงประกอบละครที่แสนไพเราะหวานซึ้งตรึงใจมากมายที่เธอได้ขับขานลงในละครที่เธอเล่น ต่างก็ได้รับความนิยมอย่างมากจนทุกวันนี้บทเพลงเหล่านั้นได้กลายเป็นเพลงจีนกวางตุ้งอมตะขึ้นหิ้ง
วังหมิงฉวน เกิดที่เซี่ยงไฮ้ ต่อมาครอบครัวของเธอได้ย้ายมาอยู่ที่ฮ่องกง หลังจากเรียนจบในชั้นมัธยมปลายแล้ว เธอได้เริ่มเข้าสู่วงการแสดงจากการเข้าเป็นนักเรียนการแสดงรุ่นแรกของ[[สถานีโทรทัศน์เอทีวี|สถานีโทรทัศน์อาร์ทีวี]] โดยเป็นคนแรกที่จบการศึกษาในรุ่นที่ 1 หมายเลขประกาศนียบัตรหมายเลข 001 จากนั้นจึงเริ่มแสดงละครโทรทัศน์ให้กับสถานีอาร์ทีวี เป็นเวลา 3 ปี โดยมีผลงานที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในเฉพาะฮ่องกง อย่างเช่นละครเรื่อง 4ใบ
หลังจากหมดสัญญากับทางค่ายอาร์ทีวีในปีพ.ศ. 2513 เธอได้เดินทางไป[[ญี่ปุ่น]]เพื่อเรียนการร้องเพลงและการเต้นประมาณกว่าปี หลังจากเรียนจบครอส์ที่นั้นแล้วเธอก็ได้บินกลับมายังฮ่องกงและได้เข้าร่วมงานกับ[[สถานีโทรทัศน์ทีวีบี]] (TVB) เนื่องจากพรสวรรค์ที่มีพร้อมทางด้านต่าง ๆ ของเธอทั้งการแสดง-ร้องเพลง และเต้น จึงทำให้เธอมักจะได้รับมอบหมายงานแสดงโชว์รวมถึงเป็นพิธีกรในงานสำคัญ ๆ ของทางช่องอยู่บ่อย ๆ เช่น งานครบรอบวันเกิดของทางช่องและงานแสดงโชว์ตามงานการกุศลต่าง ๆ รวมไปถึงกิจกรรมงานสำคัญ ๆ ของทางช่อง ซึ่งในช่วงแรก ๆ ที่ร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเธอได้ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการผลิตรายการโทรทัศน์ ต่อมาก็ได้มีผลงานละครตามมาและได้เป็นสมาชิกในกลุ่ม[[เกิร์ลกรุ๊ป]]ภายใต้ชื่อ '''กลุ่ม 4 ดอกไม้สีทอง''' (Four Golden Flowers) และมีอัลบั้มที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อกลุ่มออกมา ซึ่งก็ได้รับความนิยมในฮ่องกงช่วงนั้นเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ต้องแยกวงกันไปตามทางที่ตัวเองถนัด จนกระทั่งผลงานละครที่ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในระดับเอเชียคือเรื่อง [[จอมใจจอมยุทธ]] (The Legend Of The Book and the Sword 1976) ซึ่งเป็นละครที่สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง ตำนานอักษรกระบี่ ของกิมย้ง โดยในเรื่อง วังหมิงฉวน ได้รับบทเป็น '''ฮั่วชิงถง''' ตามด้วยผลงานละครแนวสากลเรื่อง '''บ้านแตก''' (Homoe is not Home 1977) ที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงในระดับเอเชียเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากในเรื่องที่เธอได้สวมบทบาทเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้และมีความมั่นใจในตัวเองสูงซึ่งกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวของเธอนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกทั่วเอเชียกับบทบาท [[เตี๋ยเมี่ยง]] ในละครกำลังภายในจากบทประพันธ์ของ[[กิมย้ง]] เรื่อง[[ ดาบมังกรหยก]] (Heaven Sword and Dragon Saber 1978) ซึ่งความสำเร็จของละครเรื่องนี้ได้ทำให้เธอขึ้นมาเป็นนักแสดงหญิงเบอร์หนึ่งของทางช่องทีวีบี และดารายอดนิยมแถวหน้าของเอเชียโดยทันที ตามต่อด้วยผลงานที่ทำให้เธอยิ่งเพิ่มความดังขึ้นไปอีกกับผลงานสุดฮิต เรื่อง [[ชอลิ้วเฮียง|ชอลิ้วเฮียงจอมโจรจอมใจ]] (Chor Lau Heung 1979) ซึ่งเป็นละครที่สร้างมาจากบทประพันธ์ของโกวเล้ง โดยเธอรับบทเป็น '''ซิมฮุ่ยซัง''' ถึงแม้บทบาทของเธอในเรื่องนี้จะมีไม่มากนักก็ตามแต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวออกมาก็จะโดดเด่นมาก และนับได้ว่าเป็นอีกผลงานอมตะที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเธออีกเรื่อง
บรรทัด 60:
ทำให้ต่อมาเธอได้ถูกเสนอชื่อให้เข้าเป็นสมาชิก[[สภาประชาชนแห่งชาติ]] (National People's Congress - NPC) ระหว่างปีพ.ศ. 2531-2540 (1988-1997) และทำให้เธอได้มีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่นั้น
ถือได้ว่าเธอเป็นศิลปินไม่กี่คนในวงการบันเทิงที่ได้ทำงานทั้งในวงการบันเทิงควบคู่กับการทำงานด้านการเมืองไปด้วย อีกทั้งในอดีตเธอยังเคยเป็นนักแสดง[[อุปรากรจีน]] จนต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็น'''ประธานสมาพันธ์อุปรากร''' จีน–ฮ่องกง นอกจากบทบาทดังกล่าว เธอยังเคยทำงานด้านช่วยเหลือสังคม เช่น เป็น'''ทูตของอ๊อกแฟม''' (Oxfam) สาขาฮ่องกง ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือเด็กยากจนทั่วโลก และ เธอยังเคยเป็นหนึ่งใน'''คณะกรรมการต่อต้านโรคมะเร็งแห่งฮ่องกง''' ของ[[สภาสมาคมโรคมะเร็งฮ่องกง]]
รวมถึงเคยเป็น'''ประธานสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพ'''ด้านสื่อโทรทัศน์แห่งฮ่องกง ซึ่งในปีพ.ศ. 2545 เธอได้รับ '''เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์''' ขั้น Golden Bauhinia Star อันทรงเกียรติในฐานะที่เธอเป็นบุคคลผู้มุ่งมั่นในการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรมของฮ่องกงอย่างจริงจัง และในปีพ.ศ. 2547 [[รัฐบาลฮ่องกง]]ก็ได้มอบ'''เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์'''ขั้น Silver Bauhinia Star (銀紫荊星章) อันทรงเกียรติให้กับเธอในฐานะบุคคลผู้อุทิศตนในการช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้ทั่วโลก อีกทั้งเธอยังเคยได้รับ "[[ปริญญากิตติมศักดิ์]]ด้าน[[วรรณกรรม]]" จาก '''
และเข้ารับ "[[ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์]]" จาก '''สถาบันการแสดงศิลปะ ฮ่องกง''' (The Hong Kong Academy for Performing Arts)ส่วนบทบาททางการเมืองล่าสุดของเธอ คือ เป็น'''สมาชิกสภาที่ประชุมปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน''' (Chinese People's Political Consultative Conference - CPPCC)
บรรทัด 67:
==ประวัติ==
===ชีวิตช่วงต้นและชีวิตแรกเริ่มในวงการบันเทิง (พ.ศ. 2490-2513)===
'''
หลังจากเรียนจบในระดับชั้นมัธยมปลายเมื่อปีพ.ศ. 2509 (1966)
ในปีถัดมาพ.ศ. 2512 ทางค่ายอาร์ทีวีก็ให้เธอได้มีโอกาสเล่นภาพยนตร์ เรื่อง '''เพลงรัก...ดอกโบตั๋น''' (Singing Darlings 1969) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ฮิตในฮ่องกง พอสิ้นปีเธอก็ได้รับรางวัล 10 นักแสดงยอดนิยมสูงสุดประจำปีมาครอง ด้วยความสำเร็จทางด้านภาพยนตร์ทำให้ต่อมาในปีพ.ศ. 2513 เธอได้มีผลงานภาพยนตร์ตามมาอีกเรื่อง คือ '''บ้านสาวโสด'''(小姐不在家 1970) หลังจากเรื่องนี้เธอก็หมดสัญญากับทางค่ายอาร์ทีวีในราวกลางปีพ.ศ. 2513 และตัดสินใจเดินทางไปเรียนทักษะการร้องเพลงและการเต้นเพิ่มเติมที่ประเทศ[[ญี่ปุ่น]] โดยที่เธอหวังจะได้นำทักษะเหล่านี้ที่ได้ไปเรียนมาใช้กับวงการบันเทิงในอนาคต ซึ่งเธอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการไปเรียนเองทั้งหมด เธอใช้เวลาเรียนที่ญี่ปุ่นนานถึง 1 ปีโดยที่เธอไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อยแต่เธอก็สามารถจบออกมาด้วยเกรดที่ยอดเยี่ยม
บรรทัด 80:
===เข้าสู่ยุคทองโด่งดังทั่วเอเชีย (พ.ศ. 2519-2525)===
ในปีก่อน ๆ ทาง[[สถานีโทรทัศน์ทีวีบี]] มักจะนิยมหยิบเอาพวกตำนานรักพื้นบ้านมาสร้างเป็นละครตอนสั้น ๆ เช่น สามยิ้มพิมพ์ใจ, เทพธิดาลำน้ำลก และ ห้องรักหอสวาท เป็นต้น
แต่ในปีพ.ศ. 2519 (1976) ถือเป็นปีแรกที่ทาง[[สถานีโทรทัศน์ทีวีบี]] ได้เริ่มหันมาสร้างละครแนวกำลังภายใน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ ที่ทางค่ายได้สร้างละครแนวกำลังภายในขึ้นมาโดยหยิบมาจากนวนิยายชื่อดังต่าง ๆ เช่นละครเรื่อง เล็กเซียวหงส์ และผลงานแนวกำลังภายในที่เธอได้ร่วมแสดงนำในเรื่อง [[จอมใจจอมยุทธ]] (The Legend Of The Book and the Sword 1976) ซึ่งเป็นละครที่สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง [[ตำนานอักษรกระบี่]] ของ[[กิมย้ง]] โดยในเรื่อง
ผลงานเด่นถัดมาในปีพ.ศ. 2520 เธอมีผลงานมากมายหลายเรื่อง แต่ที่ดังมาก ๆ คือละครสากลเรื่อง '''บ้านแตก''' (Homoe is not Home TVB 1977) ซึ่งนำแสดงโดย จูเจียง, วังหมิงฉวน, โจวเหวินฟะ และ เยิ่นต๊ะหัว เป็นละครที่ฮิตมากเรื่องหนึ่งในปีนั้น จากความดังในการสวมบทบาทเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้และมีความมั่นใจในตัวเอง ของเธอในเรื่องนี้ กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวของเธอไปเลย นอกจากนั้นผลงานอื่นที่เด่น ๆ ยังคงเป็นพวกละครตำนานรักพื้นบ้าน ต่าง ๆ เช่น ตอน
บรรทัด 94:
'''ฝันสลาย''' (Yesterday's Glitter 1980) ที่มีความยาว 25 ตอนจบ ที่เธอนำแสดงกับ [[หลิวสงเหยิน]] ทั้งสองเรื่องนี้นั้นต่างโด่งดังและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั่วเอเชีย ถือได้ว่าเธอขึ้นมายืนอยู่ในจุดสูงสุดในอาชีพการแสดงของเธอ อีกทั้งตัวเพลงประกอบละครทั้ง 2 เรื่อง ที่เธอเป็นคนขับร้องเองออกมาได้อย่างไพเราะกินใจก็ต่างโด่งดัง และกลายมาเป็นเพลงจีนอมตะจนถึงทุกวันนี้ และจากการสวมบทบาทเป็นหญิงสาวที่มีเลือดรักชาติอยู่เต็มตัวในละครเรื่อง '''คมเฉือนคม''' และบทเพลงประกอบละครที่มีชื่อว่า '''ชาวจีนที่กล้าหาญ'''《勇敢的中國人》 ซึ่งเธอเป็นผู้ขับร้องเอง จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการเสนอชื่อจากชาวมณฑลกวางตุ้งให้เข้าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนของเกาะฮ่องกง ซึ่งขณะนั้นฮ่องกงยังไม่สามารถเลือกตั้งผู้แทนที่จะเข้าประชุมกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรง
ในปีพ.ศ. 2524 ความสำเร็จยังคงต่อเนื่อง กับผลงานละครเรื่อง '''คมเฉือนคม ภาค 2''' (The Shell Game II 1981) เป็นละครที่มีการต่อเนื่องจากภาคแรกอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะตัวละครหลักอย่าง เซี่ยเสียน และ
โทรทัศน์ในเรื่อง '''14 นางสิงห์เจ้ายุทธจักร''' (Young's Female Warrior 1981 TVB) ที่มี 30 ตอนจบ โดย วังหมิงฉวน รับบทเป็น มู่กุ้ยอิง สะใภ้ตระกูลหยาง ร่วมนำแสดงกับ ฝงเป๋าเป่า รับบทเป็น หยางเหวินกว่าง ลูกชายคนเดียวของหยางจงเป่า-มู่กุ้ยอิง, สือซิว รับบทเป็น เจียงซ่างฟง, หยางพ่านพ่าน รับบทเป็น องค์หญิงเฟยหงแห่งซีเซี่ย ซึ่งบทบาทของเธอในเรื่องนี้ได้รับคำชมเป็นอย่างมากว่าเธอสวมบทบาทเป็น มู่กุ้ยอิง ที่ดูสง่างามเป็นอย่างมาก ส่วนผลงานละครอื่นที่เด่น ๆ คือเรื่อง '''ความรักสี่ฤดู''' (Love Forever 1981) มี 30 ตอนจบ เธอร่วมนำแสดงกับ หลินจื่อเสียง, หวงจิ่นเซิน, เอี้ยเต๋อเสียน และ เฉินซิ่วจู จากความสำเร็จในปีนี้ทำให้ในเดือนธันวาคม เธอได้รับเลือกให้เป็น '''หนึ่งในสิบคนหนุ่มสาวที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี''' โดยเธอเป็นศิลปินหญิงคนแรกของฮ่องกงที่ได้รับเกียรตินี้
บรรทัด 112:
''ถ้าเธอตายในขณะที่เธอยังได้ทำในสิ่งที่เธอรัก ถึงตายไปเธอก็ไม่เสียใจ''
หลังจากเข้ารับการผ่าตัดและเคมีบำบัด พร้อมทั้งดูแลรักษาตัวอย่างระมัดระวัง ทำให้
ต่อมาในปีเดียวกันเธอได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ได้ร่วมเล่นในละครฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง [[ขุนศึกตระกูลหยาง]] (The Yang’s Saga 1985) ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ยักษ์ที่รวมสุดยอดดาราดังเกือบทั้งหมดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี มาแสดงร่วมกันโดยมี [[5 พยัคฆ์ทีวีบี]] เป็นตัวเอก และได้ระดมทัพดาราแถวหน้าทั้งค่ายมาเล่นเป็นดารารับเชิญ ละครเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเนื่องในโอกาสพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 18 ปี ทางช่องTVB ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกและครั้งเดียวแห่งวงการจอแก้วฮ่องกงที่สามารถเอานักแสดงชื่อดังเกือบทั้งหมดของทางช่องมาเล่นในเรื่องเดียวกันได้
ในปีพ.ศ. 2529 ผลงานละครแนวอภินิหาร เรื่อง '''โคมวิเศษเจ้าแม่หัวซาน''' (The Lamp Lorc 1986) ที่ทำให้เธอกลับมาโด่งดังอย่างมากอีกครั้งกับบทบาท '''เจ้าแม่หัวซาน''' ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในตอนที่ออกฉายทางทีวี เพราะเธอสวมบทบาทนี้ได้อย่างสง่างาม และดูมีเมตตามาก ละครเรื่องนี้มี 30 ตอนจบ โดยเธอร่วมนำแสดงกับ เยิ่นต๊ะหัว, หยางพ่านพ่าน และ หลูไห่เผิง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วละครเรื่องนี้เคยถูกทางช่องทีวีบีสร้างมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วในปีพ.ศ. 2519 โดยในตอนนั้นทางช่องได้สร้างเป็นละครเพลงขึ้นมาโดยมีชื่อละครว่า '''ละครตำนานรักพื้นบ้าน ตอน โคมวิเศษเจ้าแม่หัวซาน''' (民間傳奇》之寶蓮燈 1976) ซึ่งทั้ง
===การแสดงงิ้ว,พบรักแท้ และบทบาทการเมือง (พ.ศ. 2530-2543)===
ในขณะที่เธอกลับมาได้รับความนิยมกับผลงานละครทีวีอีกครั้ง แต่แล้วในปีพ.ศ. 2530 เธอกลับหยุดพักงานแสดงละครทีวี 1 ปี เพื่อหันไปทุ่มเทให้กับทางด้านการเล่นละคร[[งิ้ว]][[กวางตุ้ง]] ที่เธอได้แสดงนำในเรื่อง [[มู่กุ้ยอิง ยอดหญิงตระกูลหยาง]] (Mu Guiying-穆桂英) และก็ถือได้ว่าเธอได้พบรักแท้จากการที่ได้ร่วมแสดงละครงิ้วในครั้งนี้กับนักแสดงงิ้วกวางตุ้งชายอันดับหนึ่งของฮ่องกงในยุคนั้นอย่าง "'''หลอเจียอิง'''" (羅家英) ผู้ซึ่งมีอายุแก่กว่าเธอแค่ 1 ปี จากความใกล้ชิดสนิทสนิมกันในตอนฝึกซ้อมนานหลายเดือน และด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันอีกทั้งยังมีมุมมองการใช้ชีวิตที่คล้าย ๆ กันอีก ทำให้ต่อมาทั้งคู่ตัดสินใจลองคบหากันดูอย่างเปิดเผย และจากการสวมบทบาทเป็น "มู่กุ้ยอิง" ในละครงิ้วเรื่องนี้ของเธอ ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากผู้คนในฮ่องกงที่ได้มีโอกาสไปดูการแสดงงิ้วของเธอบนเวทีการแสดง และก็เป็นละครงิ้วกวางตุ้งที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีนั้น จนทำให้ในปีถัดมาพ.ศ. 2531 (1988) เธอและแฟนของเธอ "หลอเจียอิง" ได้ร่วมกันก่อตั้งคณะละครงิ้วกวางตุ้งฟู่เซิง (Fusheng) ขึ้นมา ภายใต้ บริษัท '''ฟูกูซูมิ เรียวจู''' (Fukuzumi Ryojuu) ที่เธอร่วมเปิดกับครอบครัวของหลอเจียอิง ประจวบกับที่เธอถูกเสนอชื่อให้เข้าสู่การเมือง และก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนฮ่องกงใน[[สภาผู้แทนราษฎรแห่งชาติ]]โดยเธอจะต้องทำหน้าที่นี้เป็นระยะเวลาโดยประมาณ 10 ปี และในช่วงที่อยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ เธอยังได้ทำงานด้านช่วยเหลือสังคมควบคู่ไปด้วย เช่น งานด้านมูลนิธิเกี่ยวกับเด็กและสตรี โดยเธอมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวกับเด็กและสตรีกว่า 40 คดี ในช่วงที่เธอมีบทบาททางการเมือง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอไม่มีเวลาว่างพอที่จะรับเล่นละครได้เหมือนแต่ก่อน แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามเจียดเวลามาเล่นละครให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงเป็นช่วง ๆ ผลงานที่ตามมาได้แก่ ละครตอนสั้น เรื่อง '''คน
จนกระทั่งดำรงตำแหน่งครบวาระในปีพ.ศ. 2539 (1997) เธอก็ได้ถอนตัวจากการเมืองและกลับเข้าสู่วงการบันเทิงในปีพ.ศ. 2541 (1998) เพื่อมารับงานแสดงเหมือนเดิมกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โดยประเดิมผลงานที่ทำให้เธอกลับเข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งกับบทบาทอาหญิง '''ฟางเจี้ยนผิง''' ในละครสากลสุดฮิตเรื่อง [[เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด]] (At the Threshold of an Era 1999) เป็นละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศในปีพ.ศ. 2542 กล่าวถึงเรื่องราวของเพื่อนรักทั้งสองคนที่ต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกันอย่างถึงพริกถึงขิง นำแสดงโดย [[หลอเจียเหลียง]], [[ก๊วะจิ้งอัน]], [[เฉินจิ้งหง]] และ [[กู่เทียนเล่อ]] ถือได้ว่าการปรากฏตัวของเธอในเรื่องนี้ได้สร้างชื่อเสียงและความนิยมให้กับเธออย่างมากอีกครั้ง และจากความโด่งดังของละครชุดนี้ทำให้มีการสร้างภาคสองตามออกมาในปีถัดมา [[เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด]] ภาค 2 ในปีพ.ศ. 2543 (At the Threshold of an Era 2000) โดยมีนักแสดงบางคนจากภาคแรกมาแสดงนำต่อ
บรรทัด 173:
"พวกเราทั้งสองคนต่างก็มีอายุที่มากแล้ว ต่างคนต่างก็ชินกับการอยู่คนเดียวมานาน เขาเองก็ไม่เคยแต่งงานมาก่อนเลยไม่รู้ว่าชีวิตคู่นั้นเป็นอย่างไร ส่วนตัวของฉันเองก็เคยผ่านการหย่าร้างมาและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานจนชินแล้วเช่นกัน การที่ต้องมาใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันเกือบทุกวันในบ้านหลังเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมาก ฉันกลัวว่าตัวเองจะอยู่ร่วมกับเขาแบบนั้นไม่ได้ แล้วอีกอย่างการที่พยายามจะจับคนสองคนมาขังอยู่ในบ้านเดียวกัน ฉันรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย"
จนกระทั่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 (2004) นาย "หลอเจียอิง" เกิดมีปัญหาสุขภาพอย่างหนักขึ้นมา ต่อมาได้รับการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะขั้นสาม และเมื่อ
ปัจจุบัน
==บทบาทอื่น ๆ==
|