ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัง หมิงเฉฺวียน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Calearm77 (คุย | ส่วนร่วม)
4 ดรุณีหยก ใช้ว่า 4 ยอดนางเอก จะเข้าใจได้ง่ายกว่า
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล นักแสดง
| name = วังหวัง หมิงฉวน
| image = LizaWangOperapic.jpg
| imagesize = 230px
| caption = '''วังหวังหมิงฉวน อิริยาบถในการแสดงอุปรากรจีน'''
| birthname =วัง หวังหมิงฉวน
| nickname =
| ส่วนสูง=
บรรทัด 50:
"[http://www.thestandard.com.hk/news_detail.asp?pp_cat=21&art_id=62710&sid=17950181&con_type=1&d_str=20080307&sear_year=2008 The standard HK]". ''Wang in Big step on home permits''. Retrieved on 2008-03-07.</ref> เรียกได้ว่าเธอเป็น[[ปูชนียบุคคล]]ของวงการละครโทรทัศน์ฮ่องกงเลยก็ว่าได้ เพราะเธอเป็นที่เคารพนับถือของบรรดานักแสดงด้วยกันทั้งรุ่นพี่,รุ่นน้อง และรุ่นเดียวกันทั้งชายและหญิง ซึ่งต่างก็ยอมรับในความเก่งของเธอ ในอดีตเธอมีผลงานละครดังที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชม มากมายหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งผลงานละครที่เธอรับบทแสดงนำหรือร่วมแสดง ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมอย่างสูง จนขึ้นมาเป็น 1 ใน 4 นางเอกยอดนิยมแถวหน้าแห่งยุคทศวรรษที่ 70 ของทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ซึ่งประกอบไปด้วย [[เจิ้งอวี้หลิง]], [[หวง ซิ่งซิ่ว]], [[เจ้าหย่าจือ]] และเธอ อีกทั้งบทเพลงประกอบละครที่แสนไพเราะหวานซึ้งตรึงใจมากมายที่เธอได้ขับขานลงในละครที่เธอเล่น ต่างก็ได้รับความนิยมอย่างมากจนทุกวันนี้บทเพลงเหล่านั้นได้กลายเป็นเพลงจีนกวางตุ้งอมตะขึ้นหิ้ง
 
วังหมิงฉวน เกิดที่เซี่ยงไฮ้ ต่อมาครอบครัวของเธอได้ย้ายมาอยู่ที่ฮ่องกง หลังจากเรียนจบในชั้นมัธยมปลายแล้ว เธอได้เริ่มเข้าสู่วงการแสดงจากการเข้าเป็นนักเรียนการแสดงรุ่นแรกของ[[สถานีโทรทัศน์เอทีวี|สถานีโทรทัศน์อาร์ทีวี]] โดยเป็นคนแรกที่จบการศึกษาในรุ่นที่ 1 หมายเลขประกาศนียบัตรหมายเลข 001 จากนั้นจึงเริ่มแสดงละครโทรทัศน์ให้กับสถานีอาร์ทีวี เป็นเวลา 3 ปี โดยมีผลงานที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในเฉพาะฮ่องกง อย่างเช่นละครเรื่อง 4ใบเถ้าเถา (四千金 1968), ภาพยนตร์เรื่อง เพลงรัก...ดอกโบตั๋น (Singing Darlings 1969) และผลงานภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง บ้านสาวโสด (小姐不在家 1970)
 
หลังจากหมดสัญญากับทางค่ายอาร์ทีวีในปีพ.ศ. 2513 เธอได้เดินทางไป[[ญี่ปุ่น]]เพื่อเรียนการร้องเพลงและการเต้นประมาณกว่าปี หลังจากเรียนจบครอส์ที่นั้นแล้วเธอก็ได้บินกลับมายังฮ่องกงและได้เข้าร่วมงานกับ[[สถานีโทรทัศน์ทีวีบี]] (TVB) เนื่องจากพรสวรรค์ที่มีพร้อมทางด้านต่าง ๆ ของเธอทั้งการแสดง-ร้องเพลง และเต้น จึงทำให้เธอมักจะได้รับมอบหมายงานแสดงโชว์รวมถึงเป็นพิธีกรในงานสำคัญ ๆ ของทางช่องอยู่บ่อย ๆ เช่น งานครบรอบวันเกิดของทางช่องและงานแสดงโชว์ตามงานการกุศลต่าง ๆ รวมไปถึงกิจกรรมงานสำคัญ ๆ ของทางช่อง ซึ่งในช่วงแรก ๆ ที่ร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเธอได้ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการผลิตรายการโทรทัศน์ ต่อมาก็ได้มีผลงานละครตามมาและได้เป็นสมาชิกในกลุ่ม[[เกิร์ลกรุ๊ป]]ภายใต้ชื่อ '''กลุ่ม 4 ดอกไม้สีทอง''' (Four Golden Flowers) และมีอัลบั้มที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อกลุ่มออกมา ซึ่งก็ได้รับความนิยมในฮ่องกงช่วงนั้นเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ต้องแยกวงกันไปตามทางที่ตัวเองถนัด จนกระทั่งผลงานละครที่ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในระดับเอเชียคือเรื่อง [[จอมใจจอมยุทธ]] (The Legend Of The Book and the Sword 1976) ซึ่งเป็นละครที่สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง ตำนานอักษรกระบี่ ของกิมย้ง โดยในเรื่อง วังหมิงฉวน ได้รับบทเป็น '''ฮั่วชิงถง''' ตามด้วยผลงานละครแนวสากลเรื่อง '''บ้านแตก''' (Homoe is not Home 1977) ที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงในระดับเอเชียเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากในเรื่องที่เธอได้สวมบทบาทเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้และมีความมั่นใจในตัวเองสูงซึ่งกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวของเธอนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกทั่วเอเชียกับบทบาท [[เตี๋ยเมี่ยง]] ในละครกำลังภายในจากบทประพันธ์ของ[[กิมย้ง]] เรื่อง[[ ดาบมังกรหยก]] (Heaven Sword and Dragon Saber 1978) ซึ่งความสำเร็จของละครเรื่องนี้ได้ทำให้เธอขึ้นมาเป็นนักแสดงหญิงเบอร์หนึ่งของทางช่องทีวีบี และดารายอดนิยมแถวหน้าของเอเชียโดยทันที ตามต่อด้วยผลงานที่ทำให้เธอยิ่งเพิ่มความดังขึ้นไปอีกกับผลงานสุดฮิต เรื่อง [[ชอลิ้วเฮียง|ชอลิ้วเฮียงจอมโจรจอมใจ]] (Chor Lau Heung 1979) ซึ่งเป็นละครที่สร้างมาจากบทประพันธ์ของโกวเล้ง โดยเธอรับบทเป็น '''ซิมฮุ่ยซัง''' ถึงแม้บทบาทของเธอในเรื่องนี้จะมีไม่มากนักก็ตามแต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวออกมาก็จะโดดเด่นมาก และนับได้ว่าเป็นอีกผลงานอมตะที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเธออีกเรื่อง
บรรทัด 60:
ทำให้ต่อมาเธอได้ถูกเสนอชื่อให้เข้าเป็นสมาชิก[[สภาประชาชนแห่งชาติ]] (National People's Congress - NPC) ระหว่างปีพ.ศ. 2531-2540 (1988-1997) และทำให้เธอได้มีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่นั้น
ถือได้ว่าเธอเป็นศิลปินไม่กี่คนในวงการบันเทิงที่ได้ทำงานทั้งในวงการบันเทิงควบคู่กับการทำงานด้านการเมืองไปด้วย อีกทั้งในอดีตเธอยังเคยเป็นนักแสดง[[อุปรากรจีน]] จนต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็น'''ประธานสมาพันธ์อุปรากร''' จีน–ฮ่องกง นอกจากบทบาทดังกล่าว เธอยังเคยทำงานด้านช่วยเหลือสังคม เช่น เป็น'''ทูตของอ๊อกแฟม''' (Oxfam) สาขาฮ่องกง ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือเด็กยากจนทั่วโลก และ เธอยังเคยเป็นหนึ่งใน'''คณะกรรมการต่อต้านโรคมะเร็งแห่งฮ่องกง''' ของ[[สภาสมาคมโรคมะเร็งฮ่องกง]]
รวมถึงเคยเป็น'''ประธานสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพ'''ด้านสื่อโทรทัศน์แห่งฮ่องกง ซึ่งในปีพ.ศ. 2545 เธอได้รับ '''เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์''' ขั้น Golden Bauhinia Star อันทรงเกียรติในฐานะที่เธอเป็นบุคคลผู้มุ่งมั่นในการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรมของฮ่องกงอย่างจริงจัง และในปีพ.ศ. 2547 [[รัฐบาลฮ่องกง]]ก็ได้มอบ'''เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์'''ขั้น Silver Bauhinia Star (銀紫荊星章) อันทรงเกียรติให้กับเธอในฐานะบุคคลผู้อุทิศตนในการช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้ทั่วโลก อีกทั้งเธอยังเคยได้รับ "[[ปริญญากิตติมศักดิ์]]ด้าน[[วรรณกรรม]]" จาก '''มหาลัยวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเมืองฮ่องกง''' (City University of Hong Kong), ได้รับ "[[ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์]]ทางด้าน[[มนุษยศาสตร์]]" จาก '''มหาวิทยาลัยการศึกษาฮ่องกง''' (The Education University of Hong Kong)
และเข้ารับ "[[ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์]]" จาก '''สถาบันการแสดงศิลปะ ฮ่องกง''' (The Hong Kong Academy for Performing Arts)ส่วนบทบาททางการเมืองล่าสุดของเธอ คือ เป็น'''สมาชิกสภาที่ประชุมปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน''' (Chinese People's Political Consultative Conference - CPPCC)
 
บรรทัด 67:
==ประวัติ==
===ชีวิตช่วงต้นและชีวิตแรกเริ่มในวงการบันเทิง (พ.ศ. 2490-2513)===
'''วังหวังหมิงฉวน''' เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2490 (1947) ที่นคร[[เซี่ยงไฮ้]] [[ประเทศจีน]] เธอมีพี่น้องทั้งหมด 3 คนรวมเธอด้วยโดยเธอเป็นลูกสาวคนที่สองของครอบครัวโดยมีพี่สาวคนโตและน้องชายคนเล็กอีกคน ตอนที่เธออายุได้ 1 ขวบพ่อกับแม่ของเธอได้แยกครอบครัวออกมาจากเดิมที่เคยอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายในเซี่ยงไฮ้ เธอได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้อยู่ช่วงหนึ่งต่อมาเมื่อเธออายุ 9 ขวบ เนื่องจากเกิดสงครามกลางเมืองอย่างรุนแรงขึ้นในประเทศจีน จึงทำให้ครอบครัวของเธอต้องหนีสงครามและอพยพไปตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่[[ฮ่องกง]] ในราวช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีพ.ศ. 2499 (1956) และที่ฮ่องกงก็เป็นที่ที่เธอได้เรียนต่อจนจบในชั้นประถม ต่อมาเธอก็ได้เข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยม และในช่วงนี้เองที่เธอมีความสนใจอยากจะเป็นนางพยาบาลขึ้นมา เพราะเธอมองว่าเป็นอาชีพที่มีอนาคตและมั่นคง แต่ทว่า...ด้วยผลการเรียนที่ไม่ค่อยดีนักในวิชาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งเธอยังเป็นคนกลัวเลือด เพราะทุกครั้งที่เธอเห็นเลือดเธอจะรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เธอล้มเลิกความคิดที่จะเป็นนางพยาบาล และหันไปสนใจทางด้านศิลปะวรรณกรรมที่เธอชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก
หลังจากเรียนจบในระดับชั้นมัธยมปลายเมื่อปีพ.ศ. 2509 (1966) วังหวังหมิงฉวนในวัย 19 ปี ได้เริ่มต้นอาชีพแรกเป็นพนักงานบริษัท แต่เพียงไม่นานเธอก็รู้ตัวว่าไม่เหมาะกับอาชีพนี้ จึงได้สมัครเรียนศิลปะการแสดงที่ สถาบันสอนการแสดงแห่งหนึ่ง ด้วยการแสดงที่เยี่ยมยอดของเธอ จึงได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่สอนในชั้นเรียนให้ไปสมัครเป็นนักแสดงกับทางค่ายของ[[สถานีโทรทัศน์เอทีวี|สถานีโทรทัศน์อาร์ทีวี]] ที่กำลังประกาศรับสมัครหานักแสดงอยู่พอดี ในปีพ.ศ. 2510 (1967) วังหวังหมิงฉวนในวัย 20 ปีได้ตัดสินใจลองเข้าสมัครดู ซึ่งในตอนนั้นมีผู้สนใจเข้าสมัครเป็นจำนวนหลายพันคนด้วยกัน แต่เธอก็สามารถผ่านการคัดเลือกและติดหนึ่งในเก้าคนเท่านั้น ที่ได้มีโอกาสเรียนหลักสูตรการแสดงกับทางค่ายอาร์ทีวี ด้วยพื้นฐานที่เธอเรียนการแสดงมาก่อน จึงทำให้เธอเรียนจบคอร์สเรียนการแสดงในรุ่นที่ 1 ก่อนคนอื่น ๆ ใน 9 คนและได้รับประกาศนียบัตรหมายเลข 001 หลังจากจบคอร์สเธอได้ทำสัญญากับสถานีโทรทัศน์อาร์ทีวีเป็นเวลา 3 ปีและเริ่มต้นชีวิตการเป็นนักแสดงที่นั้น โดยประเดิมผลงานละครชิ้นแรกในปีพ.ศ. 2511 คือเรื่อง '''4ใบเถ้าเถา''' (四千金 1968) ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในฮ่องกง และกลายเป็นดาวรุ่งมาแรงของทางค่ายอาร์ทีวี
 
ในปีถัดมาพ.ศ. 2512 ทางค่ายอาร์ทีวีก็ให้เธอได้มีโอกาสเล่นภาพยนตร์ เรื่อง '''เพลงรัก...ดอกโบตั๋น''' (Singing Darlings 1969) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ฮิตในฮ่องกง พอสิ้นปีเธอก็ได้รับรางวัล 10 นักแสดงยอดนิยมสูงสุดประจำปีมาครอง ด้วยความสำเร็จทางด้านภาพยนตร์ทำให้ต่อมาในปีพ.ศ. 2513 เธอได้มีผลงานภาพยนตร์ตามมาอีกเรื่อง คือ '''บ้านสาวโสด'''(小姐不在家 1970) หลังจากเรื่องนี้เธอก็หมดสัญญากับทางค่ายอาร์ทีวีในราวกลางปีพ.ศ. 2513 และตัดสินใจเดินทางไปเรียนทักษะการร้องเพลงและการเต้นเพิ่มเติมที่ประเทศ[[ญี่ปุ่น]] โดยที่เธอหวังจะได้นำทักษะเหล่านี้ที่ได้ไปเรียนมาใช้กับวงการบันเทิงในอนาคต ซึ่งเธอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการไปเรียนเองทั้งหมด เธอใช้เวลาเรียนที่ญี่ปุ่นนานถึง 1 ปีโดยที่เธอไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อยแต่เธอก็สามารถจบออกมาด้วยเกรดที่ยอดเยี่ยม
บรรทัด 80:
===เข้าสู่ยุคทองโด่งดังทั่วเอเชีย (พ.ศ. 2519-2525)===
ในปีก่อน ๆ ทาง[[สถานีโทรทัศน์ทีวีบี]] มักจะนิยมหยิบเอาพวกตำนานรักพื้นบ้านมาสร้างเป็นละครตอนสั้น ๆ เช่น สามยิ้มพิมพ์ใจ, เทพธิดาลำน้ำลก และ ห้องรักหอสวาท เป็นต้น
แต่ในปีพ.ศ. 2519 (1976) ถือเป็นปีแรกที่ทาง[[สถานีโทรทัศน์ทีวีบี]] ได้เริ่มหันมาสร้างละครแนวกำลังภายใน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ ที่ทางค่ายได้สร้างละครแนวกำลังภายในขึ้นมาโดยหยิบมาจากนวนิยายชื่อดังต่าง ๆ เช่นละครเรื่อง เล็กเซียวหงส์ และผลงานแนวกำลังภายในที่เธอได้ร่วมแสดงนำในเรื่อง [[จอมใจจอมยุทธ]] (The Legend Of The Book and the Sword 1976) ซึ่งเป็นละครที่สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง [[ตำนานอักษรกระบี่]] ของ[[กิมย้ง]] โดยในเรื่อง วังหวังหมิงฉวน ได้รับบทเป็น '''ฮั่วชิงถง''' (ขนนกเขียวเสื้อเหลือง) และยังมีดาราดังมากมายมาร่วมแสดง เช่น [[เจิ้งเส้าชิว]] ซึ่งในเรื่องเขาต้องรับเล่นถึง 3 บทด้วยกันคือ ฟู่คังอัน, เฉินเจียลั่ว (ประมุขพรรคดอกไม้แดง) และ ฮ่องเต้เฉียนหลง, [[หวีอันอัน]] มารับบท '''เซียงเซียงกงจู้''', [[หลี่ซือฉี]] รับบทเป็น ลั่วปิง (ดาบนกเป็ดน้ำ) และ [[อู่เว่ยกว๋อ]] ได้รับบท ฉีเทียนหง ซึ่งถือได้ว่าละครเรื่องนี้ได้ทำให้ วังหมิงฉวน เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับเอเชียมากขึ้นแต่ยังไม่ถึงกับโด่งดังมาก นอกจากนี้เธอยังมีผลงานที่ดังเฉพาะในฮ่องกง อย่างเรื่อง '''ละครตำนานรักเพลงพื้นบ้าน ตอน โคมวิเศษเจ้าแม่หัวซาน''' (民間傳奇》之寶蓮燈 1976) โดยเธอได้ร่วมแสดงนำกับ[[เยิ่นต๊ะหัว]] โดยเรื่องนี้ทางช่องทีวีบีได้นำมาสร้างเป็นละครเพลงที่เธอร้องเองทั้งเรื่อง แถมยังมีอัลบั้มเพลงประกอบละครของเรื่องนี้ออกวางขายในฮ่องกงอีกด้วย
 
ผลงานเด่นถัดมาในปีพ.ศ. 2520 เธอมีผลงานมากมายหลายเรื่อง แต่ที่ดังมาก ๆ คือละครสากลเรื่อง '''บ้านแตก''' (Homoe is not Home TVB 1977) ซึ่งนำแสดงโดย จูเจียง, วังหมิงฉวน, โจวเหวินฟะ และ เยิ่นต๊ะหัว เป็นละครที่ฮิตมากเรื่องหนึ่งในปีนั้น จากความดังในการสวมบทบาทเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้และมีความมั่นใจในตัวเอง ของเธอในเรื่องนี้ กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวของเธอไปเลย นอกจากนั้นผลงานอื่นที่เด่น ๆ ยังคงเป็นพวกละครตำนานรักพื้นบ้าน ต่าง ๆ เช่น ตอน
บรรทัด 94:
'''ฝันสลาย''' (Yesterday's Glitter 1980) ที่มีความยาว 25 ตอนจบ ที่เธอนำแสดงกับ [[หลิวสงเหยิน]] ทั้งสองเรื่องนี้นั้นต่างโด่งดังและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั่วเอเชีย ถือได้ว่าเธอขึ้นมายืนอยู่ในจุดสูงสุดในอาชีพการแสดงของเธอ อีกทั้งตัวเพลงประกอบละครทั้ง 2 เรื่อง ที่เธอเป็นคนขับร้องเองออกมาได้อย่างไพเราะกินใจก็ต่างโด่งดัง และกลายมาเป็นเพลงจีนอมตะจนถึงทุกวันนี้ และจากการสวมบทบาทเป็นหญิงสาวที่มีเลือดรักชาติอยู่เต็มตัวในละครเรื่อง '''คมเฉือนคม''' และบทเพลงประกอบละครที่มีชื่อว่า '''ชาวจีนที่กล้าหาญ'''《勇敢的中國人》 ซึ่งเธอเป็นผู้ขับร้องเอง จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการเสนอชื่อจากชาวมณฑลกวางตุ้งให้เข้าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนของเกาะฮ่องกง ซึ่งขณะนั้นฮ่องกงยังไม่สามารถเลือกตั้งผู้แทนที่จะเข้าประชุมกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรง
 
ในปีพ.ศ. 2524 ความสำเร็จยังคงต่อเนื่อง กับผลงานละครเรื่อง '''คมเฉือนคม ภาค 2''' (The Shell Game II 1981) เป็นละครที่มีการต่อเนื่องจากภาคแรกอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะตัวละครหลักอย่าง เซี่ยเสียน และ วังหวังหมิงฉวน ต้องเปลี่ยนบทเป็นตัวละครอื่นไป แต่ยังคงไว้กับตัวละครเดิมที่เยิ่นต๊ะหัวแสดงไว้ในภาคหนึ่งที่นำมาเชื่อมโยงสู่ภาคสอง โดยในภาคนี้ใช้ดาราจากภาคก่อนเกือบทั้งชุด คือ เซี่ยเสียน, วังหมิงฉวน, เยิ่นต๊ะหัว และ หวงอวิ่นไฉ แต่มีดาราดังอย่าง โจวเหวินฟะ เข้ามาร่วมแสดงนำด้วยในบทอาหลง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแต่ไม่เท่า "คมเฉือนคม ภาค1" เพราะเนื้อหาของบทละครที่เข้มข้นน้อยกว่าภาคแรกนั้นเอง ตามด้วยละครฟอร์มใหญ่แห่งปีที่หยิบยกเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์จีน นำมาสร้างเป็นละครทาง
โทรทัศน์ในเรื่อง '''14 นางสิงห์เจ้ายุทธจักร''' (Young's Female Warrior 1981 TVB) ที่มี 30 ตอนจบ โดย วังหมิงฉวน รับบทเป็น มู่กุ้ยอิง สะใภ้ตระกูลหยาง ร่วมนำแสดงกับ ฝงเป๋าเป่า รับบทเป็น หยางเหวินกว่าง ลูกชายคนเดียวของหยางจงเป่า-มู่กุ้ยอิง, สือซิว รับบทเป็น เจียงซ่างฟง, หยางพ่านพ่าน รับบทเป็น องค์หญิงเฟยหงแห่งซีเซี่ย ซึ่งบทบาทของเธอในเรื่องนี้ได้รับคำชมเป็นอย่างมากว่าเธอสวมบทบาทเป็น มู่กุ้ยอิง ที่ดูสง่างามเป็นอย่างมาก ส่วนผลงานละครอื่นที่เด่น ๆ คือเรื่อง '''ความรักสี่ฤดู''' (Love Forever 1981) มี 30 ตอนจบ เธอร่วมนำแสดงกับ หลินจื่อเสียง, หวงจิ่นเซิน, เอี้ยเต๋อเสียน และ เฉินซิ่วจู จากความสำเร็จในปีนี้ทำให้ในเดือนธันวาคม เธอได้รับเลือกให้เป็น '''หนึ่งในสิบคนหนุ่มสาวที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี''' โดยเธอเป็นศิลปินหญิงคนแรกของฮ่องกงที่ได้รับเกียรตินี้
 
บรรทัด 112:
''ถ้าเธอตายในขณะที่เธอยังได้ทำในสิ่งที่เธอรัก ถึงตายไปเธอก็ไม่เสียใจ''
 
หลังจากเข้ารับการผ่าตัดและเคมีบำบัด พร้อมทั้งดูแลรักษาตัวอย่างระมัดระวัง ทำให้ วังหวังหมิงฉวน ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และกลับมาแข็งแรงพร้อมที่จะลุยงานในวงการบันเทิง อีกครั้ง
 
ต่อมาในปีเดียวกันเธอได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ได้ร่วมเล่นในละครฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง [[ขุนศึกตระกูลหยาง]] (The Yang’s Saga 1985) ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ยักษ์ที่รวมสุดยอดดาราดังเกือบทั้งหมดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี มาแสดงร่วมกันโดยมี [[5 พยัคฆ์ทีวีบี]] เป็นตัวเอก และได้ระดมทัพดาราแถวหน้าทั้งค่ายมาเล่นเป็นดารารับเชิญ ละครเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเนื่องในโอกาสพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 18 ปี ทางช่องTVB ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกและครั้งเดียวแห่งวงการจอแก้วฮ่องกงที่สามารถเอานักแสดงชื่อดังเกือบทั้งหมดของทางช่องมาเล่นในเรื่องเดียวกันได้
 
ในปีพ.ศ. 2529 ผลงานละครแนวอภินิหาร เรื่อง '''โคมวิเศษเจ้าแม่หัวซาน''' (The Lamp Lorc 1986) ที่ทำให้เธอกลับมาโด่งดังอย่างมากอีกครั้งกับบทบาท '''เจ้าแม่หัวซาน''' ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในตอนที่ออกฉายทางทีวี เพราะเธอสวมบทบาทนี้ได้อย่างสง่างาม และดูมีเมตตามาก ละครเรื่องนี้มี 30 ตอนจบ โดยเธอร่วมนำแสดงกับ เยิ่นต๊ะหัว, หยางพ่านพ่าน และ หลูไห่เผิง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วละครเรื่องนี้เคยถูกทางช่องทีวีบีสร้างมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วในปีพ.ศ. 2519 โดยในตอนนั้นทางช่องได้สร้างเป็นละครเพลงขึ้นมาโดยมีชื่อละครว่า '''ละครตำนานรักพื้นบ้าน ตอน โคมวิเศษเจ้าแม่หัวซาน''' (民間傳奇》之寶蓮燈 1976) ซึ่งทั้งวังหวังหมิงฉวน และ เยิ่นต๊ะหัว ก็คือดารานำในบทเดียวกันของทั้งสองเวอร์ชันนั้นเอง นอกจากนี้เธอยังมีผลงานละครในปีเดียวกันอีกเรื่อง คือ '''ชวีหยวน กวีผู้รักชาติ''' (屈原1986)
 
===การแสดงงิ้ว,พบรักแท้ และบทบาทการเมือง (พ.ศ. 2530-2543)===
ในขณะที่เธอกลับมาได้รับความนิยมกับผลงานละครทีวีอีกครั้ง แต่แล้วในปีพ.ศ. 2530 เธอกลับหยุดพักงานแสดงละครทีวี 1 ปี เพื่อหันไปทุ่มเทให้กับทางด้านการเล่นละคร[[งิ้ว]][[กวางตุ้ง]] ที่เธอได้แสดงนำในเรื่อง [[มู่กุ้ยอิง ยอดหญิงตระกูลหยาง]] (Mu Guiying-穆桂英) และก็ถือได้ว่าเธอได้พบรักแท้จากการที่ได้ร่วมแสดงละครงิ้วในครั้งนี้กับนักแสดงงิ้วกวางตุ้งชายอันดับหนึ่งของฮ่องกงในยุคนั้นอย่าง "'''หลอเจียอิง'''" (羅家英) ผู้ซึ่งมีอายุแก่กว่าเธอแค่ 1 ปี จากความใกล้ชิดสนิทสนิมกันในตอนฝึกซ้อมนานหลายเดือน และด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันอีกทั้งยังมีมุมมองการใช้ชีวิตที่คล้าย ๆ กันอีก ทำให้ต่อมาทั้งคู่ตัดสินใจลองคบหากันดูอย่างเปิดเผย และจากการสวมบทบาทเป็น "มู่กุ้ยอิง" ในละครงิ้วเรื่องนี้ของเธอ ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากผู้คนในฮ่องกงที่ได้มีโอกาสไปดูการแสดงงิ้วของเธอบนเวทีการแสดง และก็เป็นละครงิ้วกวางตุ้งที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีนั้น จนทำให้ในปีถัดมาพ.ศ. 2531 (1988) เธอและแฟนของเธอ "หลอเจียอิง" ได้ร่วมกันก่อตั้งคณะละครงิ้วกวางตุ้งฟู่เซิง (Fusheng) ขึ้นมา ภายใต้ บริษัท '''ฟูกูซูมิ เรียวจู''' (Fukuzumi Ryojuu) ที่เธอร่วมเปิดกับครอบครัวของหลอเจียอิง ประจวบกับที่เธอถูกเสนอชื่อให้เข้าสู่การเมือง และก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนฮ่องกงใน[[สภาผู้แทนราษฎรแห่งชาติ]]โดยเธอจะต้องทำหน้าที่นี้เป็นระยะเวลาโดยประมาณ 10 ปี และในช่วงที่อยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ เธอยังได้ทำงานด้านช่วยเหลือสังคมควบคู่ไปด้วย เช่น งานด้านมูลนิธิเกี่ยวกับเด็กและสตรี โดยเธอมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวกับเด็กและสตรีกว่า 40 คดี ในช่วงที่เธอมีบทบาททางการเมือง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอไม่มีเวลาว่างพอที่จะรับเล่นละครได้เหมือนแต่ก่อน แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามเจียดเวลามาเล่นละครให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงเป็นช่วง ๆ ผลงานที่ตามมาได้แก่ ละครตอนสั้น เรื่อง '''คนปาบบาป''' (Behind Silk Curtains 1988) ซึ่งนำแสดงโดย [[เจิ้งเส้าชิว]], [[ชี เหม่ยเจิน|ชีเหม่ยเจิน]], [[โจวซิงฉือ]], [[เหลียงเฉาเหว่ย]] และ [[หลิวเจียหลิง]], ละครแนวสากลเรื่อง '''แดดจ้า''' (朝阳 1990) แสดงร่วมกับ [[หลีซือฉี]] และ [[เหมาซุ่นจวิน]] (毛舜筠) และละครโบราณเรื่อง '''ฤทธิ์กระบี่ฟ้าคำรณ''' (The Sword of Conquest 1991) นำแสดงโดย [[กวนหลี่เจี๋ย]], [[โจว ไห่เม่ย|โจวไห่เม่ย]] และ [[เส้าจงเหิง]]
 
จนกระทั่งดำรงตำแหน่งครบวาระในปีพ.ศ. 2539 (1997) เธอก็ได้ถอนตัวจากการเมืองและกลับเข้าสู่วงการบันเทิงในปีพ.ศ. 2541 (1998) เพื่อมารับงานแสดงเหมือนเดิมกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โดยประเดิมผลงานที่ทำให้เธอกลับเข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งกับบทบาทอาหญิง '''ฟางเจี้ยนผิง''' ในละครสากลสุดฮิตเรื่อง [[เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด]] (At the Threshold of an Era 1999) เป็นละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศในปีพ.ศ. 2542 กล่าวถึงเรื่องราวของเพื่อนรักทั้งสองคนที่ต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกันอย่างถึงพริกถึงขิง นำแสดงโดย [[หลอเจียเหลียง]], [[ก๊วะจิ้งอัน]], [[เฉินจิ้งหง]] และ [[กู่เทียนเล่อ]] ถือได้ว่าการปรากฏตัวของเธอในเรื่องนี้ได้สร้างชื่อเสียงและความนิยมให้กับเธออย่างมากอีกครั้ง และจากความโด่งดังของละครชุดนี้ทำให้มีการสร้างภาคสองตามออกมาในปีถัดมา [[เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด]] ภาค 2 ในปีพ.ศ. 2543 (At the Threshold of an Era 2000) โดยมีนักแสดงบางคนจากภาคแรกมาแสดงนำต่อ
บรรทัด 173:
"พวกเราทั้งสองคนต่างก็มีอายุที่มากแล้ว ต่างคนต่างก็ชินกับการอยู่คนเดียวมานาน เขาเองก็ไม่เคยแต่งงานมาก่อนเลยไม่รู้ว่าชีวิตคู่นั้นเป็นอย่างไร ส่วนตัวของฉันเองก็เคยผ่านการหย่าร้างมาและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานจนชินแล้วเช่นกัน การที่ต้องมาใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันเกือบทุกวันในบ้านหลังเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมาก ฉันกลัวว่าตัวเองจะอยู่ร่วมกับเขาแบบนั้นไม่ได้ แล้วอีกอย่างการที่พยายามจะจับคนสองคนมาขังอยู่ในบ้านเดียวกัน ฉันรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย"
 
จนกระทั่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 (2004) นาย "หลอเจียอิง" เกิดมีปัญหาสุขภาพอย่างหนักขึ้นมา ต่อมาได้รับการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะขั้นสาม และเมื่อ วังหวังหมิงฉวน ทราบข่าวร้ายถึงกับนอนร้องไห้ทั้งคืน พอรุ่งเช้าเธอก็รีบเดินทางไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล ต่อมาต้นปีพ.ศ. 2548 (2005) เขาได้เข้าทำการรักษา ว่ากันว่าช่วงเวลานั้น วังหวังหมิงฉวนยอมรับงานในวงการบันเทิงน้อยลงเพื่ออยู่ดูแลเขากันเลยทีเดียว จนกระทั่ง 3 ปีต่อมาในขณะที่ฝ่ายชายยังคงทำการรักษามะเร็งอยู่นั้น ทั้งเธอและเขาต่างตระหนักถึงความไม่แน่นอนในชีวิต จึงตัดสินใจแต่งงานกันในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 (2009) ซึ่งครบปีที่ 21 พอดีที่คนทั้งคู่ได้ตัดสินใจคบหากัน วังหวังหมิงฉวนในวัย 61 ปี ได้เข้าพิธีแต่งงานกับ "หลอเจียอิง" ในวัย 62 ปีโดยทั้งคู่จดทะเบียนสมรสและแต่งงานกันที่เมือง[[ลาสเวกัส]] ประเทศ[[สหรัฐอเมริกา]] หลังจากที่ได้แต่งงานกันแล้ว เขาก็กลับไปรักษาตัวเหมือนเดิม โดยมีวังหวังหมิงฉวน อยู่เคียงข้างเสมอ จนในที่สุดนาย หลอเจียอิง ก็สามารถเอาชนะโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้สำเร็จในปีพ.ศ. 2558 (2015) ซึ่งครบ 10 ปีที่ทำการรักษาพอดี
 
ปัจจุบัน วังหวังหมิงฉวนก็ยังคงรับงานแสดงเหมือนเดิมและยังคงอุทิศตนให้กับงานทางการเมืองอีกด้วย โดยมีนายหลอเจียอิง ผู้เป็นสามีอยู่เคียงข้างให้กำลังใจเสมอมา ทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกันแต่อย่างใด แต่ วังหวังหมิงฉวน มีบุตรสาวสองคนที่เธอรับอุปการะตั้งแต่เด็ก คือเซียะถิงถิง และ นิโคลัส เติ้ง ซึ่งทุกวันนี้ทั้งคู่โตเป็นสาวและมีชื่อเสียงในแวดวงฮ่องกง<ref>{{cite web|url=http://buzzlife.com.tw/article/1460104919/| language= |title=บันทึกรัก วังหมิงฉวน|publisher=โดย [[buzzlife]]|date=|accessdate=2018-10-24}}</ref><ref>{{cite web|url=http://m.tianya999.com/yule/2017/1024/12796139.html| language= |title=ชีวิตรัก วังหมิงฉวน|publisher=โดย [[tianya999]]|date=2017-10-24|accessdate=2018-10-24}}</ref><ref>{{cite web|url=https://www.blike.net/news/2015-04-01/48188-%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%89%E0%B8%A7%E0%B8%99-liza-wang-%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2-10-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%A1|language=|title=หลอเจียอิง แต่งงานกับ วังหมิงฉวน|publisher=โดย [[blike]]|date=2015-04-01|accessdate=2018-10-26}}</ref><ref>{{cite web|url=http://news.stheadline.com/figure/?id=186| language= |title=รักในอดีตที่แสนเศร้า|publisher=โดย [[stheadline]]|date=|accessdate=2018-10-27}}</ref><ref>{{cite web|url=http://www.tvb888.com/TvNews/Star/19776/| language= |title=คนรักในอดีตของเธอ|publisher=โดย [[tvb888]]|date=|accessdate=2018-10-27}}</ref><ref>{{cite web|url=https://www.xuehua.us/2018/06/29/%E3%80%8A%E6%AC%A2%E4%B9%90%E4%BB%8A%E5%AE%B5%E3%80%8B%E5%A4%A7%E8%81%9A%E4%BC%9A%E4%BD%95%E5%AE%88%E4%BF%A1%E8%A2%AB%E5%A4%B1%E8%B8%AA%EF%BC%8C%E4%BC%A0%E4%B8%8E%E6%B1%AA%E6%98%8E/zh-tw/| language=|title=อดีตรัก|publisher=โดย [[xuehua]]|date=|accessdate=2018-12-04}}</ref>
 
==บทบาทอื่น ๆ==