ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาณาจักรอยุธยา"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 470:
=== กลุ่มชาติพันธุ์ ===
[[ไฟล์:La_Loubere_Kingdom_of_Siam.jpg|thumb|right|225px|ภาพชาวสยามจากจดหมายเหตุลาลูแบร์ [[พ.ศ. 2236]]]]
ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 20 อาณาจักรอยุธยามีประชากรประมาณ 1,900,000 คน ซึ่งนับชายหญิงและเด็กอย่างครบถ้วน<ref>มร.เดอะ ลาลูแบรฺ. ''จดหมายเหตุลาลูแบรฺฉบับสมบูรณ์'', เล่มที่ 1, แปล สันต์ ท. โกมลบุตร. พระนคร:ก้าวหน้า. 2510, หน้า 46</ref> แต่ลาลูแบร์กล่าวว่า ตังเลขดังกล่าวน่าจะไม่ถูกต้องเนื่องจากมีผู้หนีการเสียภาษีอากรไปอยู่ตามป่าตามดงอีกมาก<ref>มร.เดอะ ลาลูแบรฺ. ''จดหมายเหตุลาลูแบรฺฉบับสมบูรณ์'', หน้า 47</ref> แอนโธนี เรด นักวิชาการด้านอุษาคเนย์เทียบหลักฐานจากคำบอกเล่าต่างๆ แล้วประมาณว่า กรุงศรีอยุธยามีประชากร ในช่วงคริสต์ศตวรรษ ที่ 17 ราว 200,000 ถึง 240,000 คน<ref>Anthony Reid, South East Asia in the Age of Commerce: Expansion and Crisis (1988), p.71-73</ref> มีกลุ่มชาติพันธุ์หลักคือ[[ไทยสยาม]]ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่ใช้[[ภาษาตระกูลขร้า-ไท]] ซึ่งบรรพบุรุษของไทยสยามปรากฏหลักแหล่งของกลุ่มคนที่ใช้ภาษาตระกูลขร้า-ไทเก่าแก่ที่สุดอายุกว่า 3,000 ปี ซึ่งมีหลักแหล่งแถบ[[เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง|
เอกสารจีนที่บันทึกโดยหม่าฮวนได้กล่าวไว้ว่า ชาวเมืองพระนครศรีอยุธยาพูดจาด้วยภาษาอย่างเดียวกับกลุ่มชนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน<ref name="อัก"/> คือพวกที่อยู่ในมณฑลกวางตุ้งกับ
ด้วยเหตุที่กรุงศรีอยุธยาเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรือง กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มอื่น ๆ ได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เชลยที่ถูกกวาดต้อน ตลอดจนถึงชาวเอเชียและชาวตะวันตกที่เข้ามาเพื่อการค้าขาย ในกฎมนเทียรบาลยุคต้นกรุงศรีอยุธยาได้เรียกชื่อชนพื้นเมืองต่าง ๆ ได้แก่ ''"[[แขก]][[ขอม]][[ชาวลาว|ลาว]][[พม่า]][[ชาวมอญ|เมง]][[ชาวมอญ|มอญ]]มสุมแสง[[ชาวจีน|จีน]][[ชาวจาม|จาม]][[ชาวชวา|ชวา]]..."''<ref name="กรุง"/> ซึ่งมีการเรียกชนพื้นเมืองที่อาศัยปะปนกันโดยไม่จำแนกว่า ''ชาวสยาม''<ref name="กรุง">สุจิตต์ วงษ์เทศ. กรุงเทพฯ มาจากไหน?. หน้า 188</ref> ในจำนวนนี้มี[[ชาวมอญ]]อพยพเข้ามาในสมัย[[สมเด็จพระมหาธรรมราชา]], [[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]], [[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]], [[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] และ[[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]] เนื่องจากชาวมอญไม่สามารถทนการบีบคั้นจากการปกครองของพม่าในช่วง[[ราชวงศ์ตองอู]] จนในปี [[พ.ศ. 2295]] พม่าได้ปราบชาวมอญอย่างรุนแรง จึงมีการลี้ภัยเข้ามาในกรุงศรีอยุธยาจำนวนมาก<ref>สุภรณ์ โอเจริญ. ''ชาวมอญในประเทศไทย:วิเคราะห์ฐานะและบทบาทในสังคมไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น.'' (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พ.ศ. 2519), หน้า 48-68</ref> โดยชาวมอญในกรุงศรีอยุธยาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำ เช่น บ้านขมิ้นริมวัดขุนแสน ตำบลบ้านหลังวัดนก ตำบลสามโคก และวัดท่าหอย<ref>''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันทานุมาศ (เจิม) กับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ''. พระนคร:คลังวิทยา, 2507, หน้า 145 และ 403</ref> ชาวเขมรอยู่วัดค้างคาว<ref>''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันทานุมาศ (เจิม) กับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) '', หน้า 446</ref> ชาวพม่าอยู่ข้างวัดมณเฑียร<ref>''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันทานุมาศ (เจิม) กับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) '', หน้า 463</ref> ส่วนชาวตังเกี๋ยและชาวโคชินไชน่า (ญวน) ก็มีหมู่บ้านเช่นกัน<ref>นิโกลาส์ แชรแวส. ''ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม (ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ''. แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร. พระนคร:ก้าวหน้า, 2506, หน้า 62</ref> เรียกว่าหมู่บ้านโคชินไชน่า<ref>ประชุมพงศาวดารภาคที่ 36 ฉบับหอสมุดแห่งชาติ, เล่ม 9. พระนคร:ก้าวหน้า, 2507, หน้า 150</ref> นอกจากนี้ชาวลาว หรือไทยวนก็มีจำนวนมากเช่นกัน โดยในรัชสมัยของ[[สมเด็จพระราเมศวร]]ครองราชย์ครั้งที่สอง ได้กวาดต้อนครัว[[ไทยวน]]จากเชียงใหม่ส่งไปไว้ยัง[[จังหวัดพัทลุง]], [[สงขลา]], [[นครศรีธรรมราช]] และ[[จันทบุรี]]<ref>พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันทานุมาศ (เจิม) กับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด), หน้า 507-508</ref> และในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่ทรงยกทัพไปตีล้านนาในปี [[พ.ศ. 2204]] ได้[[ลำปาง|เมืองลำปาง]], [[ลำพูน]], [[เชียงใหม่]], [[เชียงแสน]] และได้กวาดต้อนมาจำนวนหนึ่ง<ref>สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ไทยรบพม่า. พระนคร:คลังวิทยา, 2514. หน้า 235-237</ref>เป็นต้น โดยเหตุผลที่กวาดต้อนเข้ามา ก็เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร<ref>บังอร ปิยะพันธุ์, หน้า 11</ref> และนอกจากกลุ่มประชาชนแล้วกลุ่มเชื้อพระวงศ์ที่เป็นเชลยสงครามและผู้ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร มีทั้งเชื้อพระวงศ์ลาว, เชื้อพระวงศ์เชียงใหม่ (Chiamay), เชื้อพระวงศ์พะโค (Banca), และเชื้อพระวงศ์กัมพูชา<ref>บาทหลวงตาชารด์, แปล สันต์ ท. โกมลบุตร. ''จดหมายเหตุการเดินทางสู่ประเทศสยามของบาทหลวงตาชาร์ด.'' กรุงเทพฯ:กรมศิลปากร, 2517, หน้า 46</ref>
|