ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ยุทธนาสาระขันธ์ (คุย | ส่วนร่วม)
Mr.BuriramCN (คุย | ส่วนร่วม)
ปรับภาษา
บรรทัด 1:
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
{{ไม่เป็นกลาง}}
{{Infobox football club
| clubname = สุพรรณบุรี<br>Suphanburi
เส้น 51 ⟶ 50:
== ประวัติสโมสร ==
[[ไฟล์:Suphan Warrior.gif|thumb|200px|สัญลักษณ์สโมสรเก่า พ.ศ. 2546 - 2547]]
สโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี เริ่มต้นมาจากการต่อยอดให้นักเตะเยาวชนสายเลือดสุพรรณฯจากจังหวัดสุพรรณบุรี ที่สามารถคว้าแชมป์การแข่งขัน[[กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 12]] จังหวัดกำแพงเพชร ในปี(พ.ศ. 2539) ที่[[จังหวัดกำแพงเพชร]] ที่ประกอบด้วยผู้เล่นมากความสามารถมากมายที่ล้วนแต่เป็นชาวสุพรรณสุพรรณบุรีโดยกำเนิด อาทิ คำภีร์ ปิ่นฑะกูล, กฤษณะ ภูผา, และสถาพร วาจาขำ (ปัจจุบันรับบทบาทผู้ช่วยโค้ชให้กับทีมสุพรรณบุรี เอฟซี) ทำให้ ฯพณฯ [[บรรหาร ศิลปอาชา]] ที่ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี มอบหมายให้ นายเกรียง นักพาณิชย์ ต่อยอดความสำเร็จและเริ่มก่อตั้งสโมสรขึ้นในปี 2540 เพื่อให้เด็กนักเตะชุดนี้มีเวทีสำหรับพัฒนาฝีเท้าและได้ลงทำการแข่งขัน[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.]] โดยใช้สิทธิ์ของ สมาคมกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี ลงทำการแข่งขัน และใช้ชื่อทีมว่า “สโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี” มีสัญลักษณ์เป็นรูปประตูเมือง ตรงกลางเป็นรูปลูกบอลและมีแผนที่จังหวัดสุพรรณบุรีอยู่ด้านใน สีประจำทีมคือ สีส้มและสีกรมกรมท่า และได้รับฉายานามว่า "ทีมขุนแผนสุพรรณฯ" ซึ่งในขณะนั้นมี อาจารย์ชนะ ยอดปรางค์ เป็นผู้ฝึกสอนของทีม
 
ต่อมาในปี 2542 สโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เข้าร่วมลีกฟุตบอลอาชีพนำร่อง[[โปรวินเชียลลีก]]ของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยหรือที่เรียกกันว่า “โปรลีก” สำหรับโดยผลงานในลีกฤดูกาลแรกของการแข่งขันฟุตบอล[[ สุพรรณบุรีจบฤดูกาลในฐานะรองแชมป์ ต่อมาในปี 2545 สุพรรณบุรีคว้าแชมป์โปรวินเชียลลีก]]ลีกได้สำเร็จ ต่อมาในโปรลีก 2546 สโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เปลี่ยนชื่อทีมเป็น "สุพรรณบุรี วอร์ริเออร์" และจบฤดูกาลในฐานะรองแชมป์ แล้วกลับมาทำโดยผลงานภายใต้ชื่อ "สุพรรณบุรี วอร์ริเออร์" นั้น สามารถคว้าแชมป์ได้อย่างยอดเยี่ยมในปี 2547 และรองแชมป์ในปี 2548 ทำให้ได้สิทธิ์ลงเล่นใน[[ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 32549]] ของโดยสถิติการจัดตั้งลงเล่นในโปรวินเชียลลีกเชียลลีกนั้น ด้วยการคว้าแชมป์โปรลีกในปีชนะเลิศถึง 25452 ครั้ง และรองชนะเลิศ 4 ครั้ง
 
ในช่วงที่กำลังจะเริ่มต้นลีกสูงสุดฤดูกาลใหม่แรก 2554สุพรรณบุรี นายบรรหารวอร์ริเออร์ ศิลปอาชาได้เปลี่ยนชื่อทีมเป็น นายกรัฐมนตรีคนที่“สุพรรณบุรี 21เอฟซี” ของประเทศไทยและมีฉายาว่า ได้ตอบรับเทียบเชิญจาก“ช้างศึกยุทธหัตถี” นายกบุญชูต่อมาในฤดูกาล จันทร์สุวรรณ2554 บรรหาร ศิลปอาชา ได้เข้ามาทำทีมด้วยตนเองในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของสโมสร และมอบหมายให้บุตรชาย "ท็อป" ส.ส. [[วราวุธ ศิลปอาชา]] เข้ามาบุตรชายของเขา เป็นประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรีเอฟซี โดยมี นายกบุญชู จันทร์สุวรรณ นายก อบจ.สุพรรณบุรี เป็นประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ และใช้[[สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี]]เป็นสนามเหย้า แทนที่สนามเดิมคือโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี
ในการแข่งขันโปรลีก 2546 สโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ปรับเปลี่ยนชื่อตามนโยบายของฝ่ายจัดการแข่งขันโดยใช้ชื่อทีมว่า สุพรรณบุรี วอร์ริเออร์ และจบฤดูกาลในฐานะรองแชมป์ โดยการลงเล่นภายใต้ชื่อ สุพรรณบุรี วอร์ริเออร์ นั้นสามารถ สุพรรณบุรี สามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในปี 2547 และรองแชมป์ในปี 2548 ทำให้ได้สิทธิ์ลงเล่นในศึก ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของประเทศ ในปี 2549 โดยสถิติในการลงเล่นในรายการโปรวินเชียลลีกของสโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น คว้าแชมป์ถึง 2 ครั้ง และรองแชมป์ 4 ครั้ง
 
โดยการลงเล่นบนลีกสูงสุดของประเทศครั้งแรกของ สุพรรณบุรี ในฐานะทีมจากภูธรได้ปรับเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยใช้ชื่อในการลงแข่งขันว่า “สุพรรณบุรี เอฟซี” และได้รับฉายานามว่า “ช้างศึกยุทธหัตถี” และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น สโมสรแห่งนี้เป็นทีมที่สร้างนักกีฬาฝีเท้าดีมากมาย เข้าสู่ตลาดไทยลีก หรือแม้แต่ทีมชาติ นักเตะที่โด่งดังจากทีมจังหวัดสุพรรณบุรี เช่น ประเสริฐ ช้างมูล, มานิตย์ น้อยเวช, เบคเค่นบาวน์ เสืออินทร์ ฯลฯ
 
ในช่วงที่กำลังจะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ 2554 นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย ได้ตอบรับเทียบเชิญจาก นายกบุญชู จันทร์สุวรรณ เข้ามาทำทีมด้วยตนเองในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของสโมสร และมอบหมายให้บุตรชาย "ท็อป" ส.ส. [[วราวุธ ศิลปอาชา]] เข้ามาเป็นประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรีเอฟซี โดยมี นายกบุญชู จันทร์สุวรรณ นายก อบจ.สุพรรณบุรี เป็นประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ และใช้สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นสนามเหย้า แทนสนามเดิมคือโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี
 
ด้วยความพร้อมในการทำทีมอย่างจริงจัง ประกอบกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างทีมฟุตบอลอาชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันทีมให้ขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกให้ได้ภายใน 2 ปี ของ วราวุธ ศิลปอาชา มีการทุ่มเททั้งกำลังคนและงบประมาณอย่างเต็มที่ เพื่อทวงความยิ่งใหญ่ในการเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีผลงานอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งของความภาคภูมิใจของชาวสุพรรณบุรี กลับคืนมา
 
== ผู้เล่น ==