ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าค็อนราทที่ 3 แห่งเยอรมนี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mda (คุย | ส่วนร่วม)
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{เก็บกวาด}}
[[ไฟล์:Konrad III Miniatur 13 Jahrhundert.jpg|thumb|พระเจ้าคอนรัดที่ค็อนราทที่ 3 (''คุนรากุนราดุส เร็กซ์สแร็กส์'') ในภาพวาดย่อส่วนในคริสตศควรรษที่ 13 จาก ''ครอนิคา ซังซ์ติ กาซังก์ตีปันตาลีออนิสเลออนิส'' คริสต์ศควรรษที่ 13]]
'''คอนรัดที่พระเจ้าค็อนราทที่ 3''' ({{Lang-ende|ConradKonrad III.}}, {{Lang-de|Konrad}},; {{Lang-it|Corrado III}}) ประสูติ ค.ศ. 1093 สิ้นพระชนม์ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1152 เป็นกษัตริย์เยอรมันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1138 ถึงปี ค.ศ. 1152 พระองค์เป็นบุตรชายของ[[ฟรีดริชที่ 1 ดยุคแห่งสวาเบีย]] กับแอ็กเนสอักเน็ส พระธิดาของ[[จักรพรรดิไฮน์ริชที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ไฮน์ริชที่ 4]] ทรงเป็นกษัตริย์เยอรมันคนแรกที่มาจาก[[ราชวงศ์โฮเอินชเตาเฟิน|ตระกูลโฮเฮินสเตาเฟินเอินชเตาเฟิน]]
 
== ปรปักษ์ของจักรพรรดิโลแธร์โลทาร์ ==
คอนรัดค็อนราทเป็นบุตรชายของฟรีดริชที่ 1 ดยุคแห่งสวาเบีย และเป็นพระนัดดาของจักรพรรดิไฮน์ริชที่ 4 พระองค์ได้รับการแต่งตั้งจากพระมาตุลา [[จักรพรรดิไฮน์ริชที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิไฮน์ริชที่ 5]] ให้เป็นดยุคแห่งแฟรงโกเนีย<ref>Malcolm Barber, ''The Two Cities: Medieval Europe 1050–1320'', 2nd edition, (Routledge, 2004), 193.</ref> ในปี ค.ศ. 1115 และในปี ค.ศ. 1116 จักรพรรดิไฮน์ริชให้พระองค์เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของเยอรมนีร่วมกับพระเชษฐา [[ฟรีดริชที่ 2 ดยุคแห่งสวาเบีย]]
 
เมื่อจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1125 [[เจ้านครรัฐผู้คัดเลือก|ผู้คัดเลือก]]ไม่สนใจกฎการสืบทอดทางสายเลือดและเลือก[[จักรพรรดิโลทาร์ที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|โลแธร์โลทาร์ ดยุคแห่งแซ็กโซนีซัคเซิน]] เป็นผู้สืบทอดต่อตำแหน่ง สิ้นปีนั้นฟรีดริชกับคอนรัดดริชกับค็อนราทก่อการปฏิวัติ ในวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 1127 คอนรัดค็อนราทได้รับเลือกให้เป็นผู้อ้างตนเป็นกษัตริย์ที่[[เนือร์นแบร์ค|เนิร์นแบร์ก]] และในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1128 แม้จะถูก[[สมเด็จพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 2|พระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 2]] [[การตัดขาดจากศาสนา|ตัดขาดจากศาสนา]] แต่พระองค์ก็ได้รับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์แห่งอิตาลีที่มอนซา ทรงกลับมาเยอรมนีในปี ค.ศ. 1132 และต่อสู้กับจักรพรรดิโลแธร์โลทาร์จนถึงปี ค.ศ. 1135 เมื่อพระองค์ยอมสวามิภักดิ์ ทรงได้รับการอภัยโทษและได้รับทรัพย์สินที่ดินกลับคืนมา
 
== กษัตริย์แห่งเยอรมนี ==
[[ไฟล์:III Konrad atvonul Magyarorszagon.jpg|thumb|คอนรัดที่ค็อนราทที่ 3 กับศัตรูในฮังการี ภาพจาก ''ครอนิคอง ปิกตุม'']]
หลังจักรพรรดิโลแธร์โลทาร์สิ้นพระชนม์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1137 ผู้คัดเลือกที่หวาดกลัวต่ออำนาจที่เพิ่มมากขึ้นของพระชามาดาของจักรพรรดิโลแธร์ [[ไฮน์ริชที่ 10 ดยุคแห่งบาวาเรีย|ไฮน์ริชผู้หยิ่งทะนงแห่งบาวาเรีย]] (พระชามาดาของจักรพรรดิโลทาร์) ประชุมกันที่โคเบลนซ์เบล็นทซ์ภายใต้การนำของอัลเบโรแห่งเทรียร์ คอนรัดถูกค็อนราทได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอดต่อตำแหน่งในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1138 ต่อหน้าผู้แทนพระองค์ของพระสันตะปาปา พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎที่เอ็กซ์แอ็กซ์-ลา-ชาเปลล์แปล ([[อาเคิน]]) ในอีกหกวันต่อมา พระองค์ได้รับการยอมรับจากเจ้าชายเยอรมันใต้หลายคน ไฮน์ริชผู้หยิ่งทะนงไม่ยอมถวายความจงรักภักดีและเกิดสงครามขึ้นใน[[รัฐบาวาเรีย|บาวาเรีย]]และ[[รัฐซัคเซิน|แซ็กโซนีซัคเซิน]] คอนรัดริบดัชค็อนราทริบดัชชีซัคเซินและดัชชีมาจากไฮน์ริชบาวาเรียจากไฮน์ริชและยกแซ็กโซนีให้อัลเบิร์ตที่ให้อัลเบร็ชท์ที่ 1 (หมี) และบาวาเรียให้เลโอปอลด์แห่งออสเตรียลูอิทพ็อลท์ที่ 4 แห่งออสเตรียตามลำดับ ไฮน์ริชเสียชีวิตในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1139 และคอนรัดค็อนราทปราบน้องชายชาวเกิล์ฟ (หรือ[[ตระกูลเวล์ฟ|เวล์ฟ]]) ของไฮน์ริชได้ที่ไวน์สแบร์กไฮน์ริชได้ที่ไวนส์แบร์คในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1140 การสงบศึกกับตระกูลเวล์ฟเกิดขึ้นในเวลาต่อมาที่[[แฟรงก์เฟิร์ต]]ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1142 ตระกูลโฮเฮินสเอินชเตาเฟินครองความเป็นใหญ่ในประวัติศาสตร์เยอรมันตลอดศตวรรษที่เหลือ
 
ความสำเร็จท่ามกลางความวุ่นวายที่เป็นเรื่องปกติในจักรวรรดิคือการออกเดินทางไปสู้รบใน[[โบฮีเมีย]]ของคอนรัดในปีค็อนราทในปี ค.ศ. 1142 ที่พระองค์ช่วยพระชามาดา วลาดิสลาฟที่วลัดยิสลัฟที่ 2 ให้กลับมาเป็นเจ้าชายได้อีกครั้ง ความพยายามที่จะทำแบบเดียวกันกับเจ้าชายววาดึสวัฟ ชาวโปแลนด์ (พระชามาดาอีกคน เจ้าชายวาดิสวาฟชาวโปแลนด์) ล้มเหลว เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นในแซ็กโซนีซัคเซิน, บาวาเรีย และเบอร์กันดีบูร์กอญ
 
== สงครามครูเสดครั้งที่สอง ==
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1146 คอนรัดค็อนราทได้รับการแนะนำจาก[[แบร์นาร์แห่งแกลร์โว|นักบุญแบร์นาด์แห่งแกลร์โวซ์]]ให้เข้าร่วมทำ[[สงครามครูเสดครั้งที่ 2|สงครามครูเสดครั้งที่สอง]]พร้อมกับ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส]] เพื่อให้พระโอรสน้อย ไฮน์ริช ได้รับเลือกและราชาภิเษกเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งคนต่อไปในอนาคต พระองค์แต่งตั้งไฮน์ริชที่ 1 อาร์ชบิชอปแห่งเมนซ์ชบิชอปแห่งไมนทซ์ เป็นผู้พิทักษ์ของพระโอรส และในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1147 ทรงเดินทางไปทำสงครามครูเสดครั้งที่ 2 ที่[[ปาเลสไตน์ (ภูมิภาค)|ปาเลสไตน์]] พระองค์มีส่วนในการปิดล้อมโจมตี[[ดามัสกัส|ดามาสกัส]]ที่ล้มเหลวและเดินทางออกจากปาเลสไตน์ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1148 ทรงใช้เวลาในฤดูหนาวที่[[คอนสแตนติโนเปิล]]ซึ่งพระองค์ได้ผนึกกำลังกับ[[จักรพรรดิมานูเอลที่ 1 โคมเนนอส|จักรพรรดิไบเซนไทน์มานูเอลคอมเนนุส]]ในการต่อสู้กับพระเจ้าโรเจอร์ที่รอจอร์ที่ 2 แห่งซิซิลีที่มีอำนาจสำคัญบนแผ่นดินใหญ่และไม่ยอมรับกษัตริย์เยอรมัน
 
ต่อมาข่าวเรื่องโรรอเจอร์ผูกสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศสและชาวเวล์ฟแห่งบาวาเรียบีบให้คอนรัดเรียทำให้ค็อนราทต้องรีบกลับเยอรมนี การไม่สามารถไปเยือนโรมได้ทำให้พระองค์ไม่เคยได้รับการสวมมงกุฎเป็น[[จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิ]] พระองค์ประกาศชื่อพระภาติยะ ฟรีดริชที่ 3 ดยุคแห่งสวาเบียที่ต่อมากลายเป็น[[จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 บาร์บารอสซาร็อสซา]] เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อ
 
== อ้างอิง ==