ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไมเคิล แจ็กสัน"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 31:
เขาเป็นลูกคนที่ 8 ของครอบครัวแจ็กสัน ปรากฏตัวครั้งแรกในระดับอาชีพด้านดนตรีตั้งแต่อายุ 5 ปี โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกวง[[เดอะแจ็กสันไฟฟ์]]ในปี ค.ศ. 1964 เขาเริ่มมีผลงานเดี่ยวในปี 1971 ขณะที่ยังคงเป็นสมาชิกของวงอยู่ ต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 เขากลายเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมเพลงป็อป และถือเป็นศิลปินชาว[[แอฟริกัน-อเมริกัน]]คนแรกที่มีผลงานออกอากาศผ่านทางช่องเอ็มทีวี [[มิวสิกวิดีโอ]]ของเขา ประกอบด้วยเพลง "[[Beat It]]", "[[Billie Jean]]" และ "[[ทริลเลอร์ (เพลง)|Thriller]]" ได้รับการยกย่องสำหรับการทำลายอุปสรรคทางเชื้อชาติ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบมิวสิกวิดีโอจากอุปกรณ์การประชาสัมพันธ์ไปเป็นรูปแบบของงานศิลปะ ความนิยมของมิวสิกวิดีโอเหล่านี้ได้ช่วยให้ช่อง[[เอ็มทีวี]]ที่เพิ่งเปิดใหม่นี้มีชื่อเสียง อัลบั้ม ''[[Bad (album)|Bad]]'' ของเขาในปี 1987 นับเป็นอัลบั้มเพลงแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเพลงอันดับ 1 ถึง 5 เพลงบนบิลบอร์ดฮ็อต 100 จากอัลบั้มเดียว มิวสิกวิดีโอในรูปแบบใหม่อย่างเพลง "[[Black or White]]" และ "[[สกรีม/ไชลด์ฮูด|Scream]]" ก็ยังออกอากาศบ่อยทางช่องเอ็มทีวี เขายังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ตลอดคริสต์ทศวรรษ 1990 ด้วยชื่อเสียงที่เลื่องลือในฐานะศิลปินเดี่ยวกับลีลาบนเวทีและการแสดง แจ็กสันสร้างความโด่งดังให้กับเทคนิคการเต้นที่ซับซ้อนโดยใช้ร่างกายมากมายหลายๆท่า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่หลายอย่างมาก อย่างเช่นท่าเต้นหุ่นยนต์และท่าเต้น[[มูนวอล์ก]] เอกลักษณ์ทางด้านดนตรีและเสียงร้องอันโดดเด่นของเขายังมีอิทธิพลต่อศิลปินหลายแนวเพลง อิทธิพลของเขาได้แพร่กระจายไปสู่คนหลายรุ่นทั่วโลก
''[[ทริลเลอร์ (อัลบั้ม)|Thriller]]'' ถือเป็นอัลบั้มเพลงที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล<ref>http://www.billboard.com/articles/columns/pop/6812781/michael-jackson-thriller-30x-multi-platinum-album</ref>สี่อัลบั้มเดี่ยวที่เหลือของเขา ก็ยังติดอันดับอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในโลก ประกอบด้วยชุด ''[[Off the Wall (album)|Off the Wall]]'' (1979), ''[[Bad (album)|Bad]]'' (1987), ''[[Dangerous (album)|Dangerous]]'' (1991) และ ''[[HIStory: Past, Present and Future, Book I|HIStory]]'' (1995)<ref>http://www.telegraph.co.uk/culture/music/michael-jackson/5648176/Michael-Jacksons-best-selling-studio-albums.html</ref> แจ็กสันเดินทางไปทั่วโลกเพื่อร่วมกิจกรรมด้านมนุษยธรรม เขาหาเงินนับร้อยล้านดอลลาร์เพื่อมูลนิธิการกุศลของเขา มี[[ซิงเกิล]]และผลกำไรจากทัวร์คอนเสิร์ตที่เขาสนับสนุนให้กับองค์กร 39 แห่ง [[
เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่ศิลปินที่มีชื่ออยู่ใน[[ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม]]ถึงสองครั้ง ผลงานของเขาประสบความสำเร็จได้รับบันทึกสถิติหลายครั้ง
== ประวัติ ==
บรรทัด 100:
และจากความคาดหวังในเพลงฮิต แจ็กสันออกผลงานครั้งแรกในรอบ 5 ปี ในอัลบั้ม ''[[แบด (อัลบั้ม)|Bad]]'' ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ถูกคาดหวังอย่างมาก<ref name="TIME2">{{cite news|url=http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,965452-2,00.html |title=The Badder They Come|last=Cocks |first=Jay|authorlink=Jay Cocks|date=September 14, 1987|work=Time |accessdate=July 23, 2008}}</ref>อัลบั้มมี 7 ซิงเกิล ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง 5 ซิงเกิล ประกอบด้วย ("I Just Can't Stop Loving You" "Bad" "The Way You Make Me Feel", "Man in the Mirror" และ "Dirty Diana") ขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดฮอต 100 ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกที่มีเพลงอันดับ 1 จากอัลบั้มเดียวมากที่สุด<ref name="A life in the spotlight — cnn">{{cite web |first=Todd |last=Leopold |url=http://edition.cnn.com/2005/SHOWBIZ/Music/01/30/jackson.life/ |title=Michael Jackson: A life in the spotlight |publisher=CNN|date=June 6, 2005|accessdate=May 5, 2008}}</ref> จากข้อมูลปี 2012 อัลบั้มมียอดขายระหว่าง 30-45 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งขายได้ในอเมริกา 9 ล้านชุด<ref name="RIAA certifications"/><ref name="Bad 30 million copies">{{cite news |first=Mark|last=Savage|url=http://news.bbc.co.uk/2/hi/entertainment/7448908.stm|title=Michael Jackson: Highs and lows |publisher=BBC |date=August 29, 2008|accessdate=November 25, 2008}}</ref><ref>http://www.reuters.com/article/entertainment-us-michaeljackson-bad-idUSBRE84K0Z120120521</ref> อัลบั้มได้รับ 2 รางวัลแกรมมี่ สำหรับสาขาจัดการเสียงยอดเยี่ยม และสาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม สำหรับเพลง "Leave Me Alone" ในปี 1989 <ref>http://www.grammy.com/nominees/search?artist=Bruce+Swedien&title=&year=All&genre=All</ref><ref>http://www.songfacts.com/detail.php?id=16058</ref> ในปีเดียวกัน แจ็กสันได้รับรางวัลพิเศษ Award of Achievement ที่งานอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส หลังจาก ''Bad'' กลายเป็นอัลบั้มแรกที่มีถึง 5 ซิงเกิล ติดอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา อัลบั้มแรกที่ติดท๊อปใน 25 ประเทศ และอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลกปี 1987 และ 1988<ref>https://news.google.co.uk/newspapers?id=lZozAAAAIBAJ&sjid=lTIHAAAAIBAJ&pg=4477,3617735</ref>ในปี 1988 "Bad" ได้รับรางวัลอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส สาขาเพลงโซล/อาร์แอนด์บียอดนิยม<ref>https://news.google.co.uk/newspapers?id=lZozAAAAIBAJ&sjid=lTIHAAAAIBAJ&pg=4477,3617735</ref>
ทัวร์คอนเสิร์ตแบดเวิลด์ทัวร์ เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1987 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1989<ref name = "lewis 95-96"/> ในญี่ปุ่นเพียงที่เดียว บัตรขายหมดทุกรอบ ทั้ง 14 รอบ กับจำนวนคนถึง 570,000 คน ถือเป็นเกือบ 3 เท่าของสถิติเดิม 200,000 คนในทัวร์เดียวที่มีศิลปินออกทัวร์คอนเสิร์ตในญี่ปุ่น<ref name=WashPost>{{cite news | first= Richard | last= Harrington | title= Jackson to Make First Solo U.S. Tour |date= January 12, 1988 | work=The Washington Post | url= http://pqasb.pqarchiver.com/washingtonpost/access/73555081.html?dids=73555081:73555081&FMT=ABS&FMTS=ABS:FT&date=Jan+12%2C+1988&author=Richard+Harrington&pub=The+Washington+Post+ (pre-1997+Fulltext) &edition=&startpage=b.03&desc=Jackson+to+Make+First+Solo+U.S.+Tour |accessdate=July 23, 2008}}</ref> แจ็กสันยังสร้างสถิติใน[[
===1988-90: อัตชีวประวัติ , ผลงานภาพยนตร์ และเนเวอร์แลนด์===
บรรทัด 125:
แจ็กสันให้สัมภาษณ์ในรายการยาว 90 นาทีของ[[โอปราห์ วินฟรีย์]] เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1993 ถือเป็นการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ครั้งที่ 2 ของเขาตั้งแต่ปี 1979 เขาทำหน้าบูดบึ้งขณะพูดถึงชีวิตที่ถูกทารุณด้วยน้ำมือพ่อของเขาในวัยเด็ก เขาเชื่อว่าเขาพลาดความสนุกสนานในชีวิตวัยเด็ก และยอมรับว่าเขามักจะร้องไห้เมื่อโดดเดี่ยว เขาปฏิเสธข่าวลือจากแท็ปลอยด์ที่ว่าเขาซื้อกระดูกมนุษย์ช้างหรือนอนในตู้ออกซิเจน เขาปฏิเสธข่าวที่เขาฟอกสีผิว และยังพูดครั้งแรกว่าเขาเป็นโรคด่างขาว การสัมภาษณ์ครั้งนี้มีผู้ชมอเมริกันสูงถึง 90 ล้านคน นับเป็นรายการแบบสัมภาษณ์ที่มีผู้ชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา และถือเป็นการให้ความรู้เรื่องโรคด่างขาวที่ไม่ค่อยมีใครรู้เท่าไหร่ อัลบั้ม ''เดนเจอรัส'' กลับมาเข้าชาร์ทท็อป 10 อีกครั้ง หลังจากที่ออกขายมากกว่า 1 ปี<ref name = "campbell (1995) 14-16"/><ref name = "lewis 165-168"/><ref name = "Nelson George overview 45-46"/>
แจ็กสันได้รับรางวัล "ตำนานที่ยังคงอยู่" ในงานแจกรางวัลแกรมมี่ครั้งที่ 35 ใน[[ลอสแอนเจลิส]] เพลง "Black or White" ถูกเสนอชื่อรางวัลแกรมมี่ในสาขาร้องยอดเยี่ยม ส่วนเพลง "Jam" ถูกเสนอเข้าชิง 2 รางวัลในสาขาแสดงเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยมและเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม<ref name = "Nelson George overview 45-46"/> อัลบั้ม''เดนเจอรัส'' ยังได้รับรางวัลแกรมมี่ สาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยม และในปีเดียวกัน แจ็กสันได้รับ 3 รางวัลอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส ในสาขาอัลบั้ม/ป็อป ยอดเยี่ยม เพลงโซล/อาร์แอนด์บียอดนิยม จากเพลง "Remember the Time" เขายังเป็นศิลปินคนแรกที่ได้รับรางวัลศิลปินนานาชาติแห่งความเป็นเลิศสำหรับการแสดงระดับโลกและความอาทรด้านมนุษยธรรมของเขา<ref>https://books.google.co.th/books?id=jw8EAAAAMBAJ&pg=PA12&redir_esc=y#v=onepage&q&f=false</ref>ต่อมาในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในปัจจุบัน ที่พิพิธภัณฑ์กินเนสส์เวิลด์เร็ก
===1993-94: กรณีข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก และการแต่งงานครั้งแรก ===
บรรทัด 143:
===1995-99: อัลบั้ม ''HIStory'' การแต่งงานครั้งที่สอง , ความเป็นพ่อ และ ''Blood on the Dance Floor'' ===
[[ไฟล์:Michael Jackson sculpture.jpg|thumb|left|หนึ่งในหุ่นที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์[[ฮิสทรีเวิลด์ทัวร์]]]]
ในปี 1995 แจ็กสันรวมเพลง
ซิงเกิลแรกถูกปล่อยจากอัลบั้มคือ "Scream/Childhood" ชื่อเพลง "[[สกรีม/ไชลด์ฮูด|Scream]]" ที่ร้องร่วมกับน้องสาวคนสุดท้องของครอบครัว[[เจเน็ต แจ็กสัน]]ประท้วงต่อสื่อ โดยเฉพาะสำหรับการปฏิบัติต่อเขาช่วงปี 1993 ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาผิดเพี้ยนต่อสาธารณะ ซิงเกิลเปิดตัวบนชาร์ตที่อันดับ 5 บนบิลบอร์ดฮอต 100 และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขา "การร่วมงานร้องในเพลงป็อปยอดเยี่ยม"<ref name = "Ultimate booklet 48–50">George, pp. 48–50</ref> "You Are Not Alone" เป็นซิงเกิลที่ 2 ของอัลบั้ม และยังครองสถิติบน
ปลายปี 1995 แจ็กสันถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลระหว่างการซ้อมในการแสดงรายการโทรทัศน์ เนื่องจากเกิดอาการภาวะเครียด<ref>Taraborrelli, pp. 576–577</ref> "Earth Song" เป็นซิงเกิลที่ 3 ของอัลบั้ม ''HIStory'' ขึ้นอันดับ 1 บน[[ยูเคซิงเกิลส์ชาร์ต]] ยาวนาน 6 สัปดาห์ในช่วงคริสต์มาสปี 1995 มียอดขายมากกว่าล้านชุด ถือเป็นซิงเกิลของแจ็กสันที่ประสบความสำเร็จที่สุดใน[[สหราชอาณาจักร]]<ref name = "Ultimate booklet 48–50"/> ในปี 1996 แจ็กสันได้รับรางวัลแกรมมี่ สาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม แบบสั้นจากเพลง "[[สกรีม/ไชลด์ฮูด| Scream]]" และรางวัลอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส สาขา Favorite Pop/Rock Male Artist <ref>https://news.google.co.uk/newspapers?id=LWUwAAAAIBAJ&sjid=YzMDAAAAIBAJ&pg=5552,8128572</ref>
บรรทัด 158:
ตลอดเดือนมิถุนายน 1999 แจ็กสันมีส่วนร่วมมากมายกับงานการกุศล เขาร่วมกับ[[ลูชาโน ปาวารอตตี]] ในคอนเสิร์ตหาเงินในโมเดนา [[อิตาลี]] สนับสนุนโดยองค์กรไม่แสวงหาผลประโยชน์ [[วอร์ไชลด์]] มีผู้ร่วมบริจาคนับล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับผู้ลี้ภัยใน[[โคโซโว]] เช่นเดียวกับงานหารายได้ให้กับเด็กใน[[กัวเตมาลา]]<ref name="Charity concert Italy">{{cite web |url=http://www.vh1.com/news/articles/1426933/19990505/carey_mariah.jhtml |title=Ricky Martin, Mariah Carey, Michael Jackson, Others To Join Pavarotti For Benefit |publisher=VH1 |date=(May 5, 1999) |accessdate=May 30, 2008}}</ref> ต่อมาในเดือนเดียวกันแจ็กสันริเริ่มคอนเสิร์ต "ไมเคิล แจ็กสันแอนด์เฟรนส์" คอนเสิร์ตหารายได้ใน[[เยอรมนี]]และ[[เกาหลี]] มีศิลปินมาร่วมอย่างสแลช วง[[สกอร์เปี้ยนส์]] [[บอยซ์ทูเมน]] [[ลูเธอร์ แวนดรอส]] [[มารายห์ แครี]] [[เอ.อาร์. ราห์มาน]] Prabhu Deva Sundaram [[อานเดรอา โบเชลลี]] Shobana Chandrakumar และลูชาโน ปาวารอตตี การดำเนินการไปสู่ "Nelson Mandela Children's Fund" [[กาชาด]]และ[[ยูเนสโก]]<ref name="Jackson & Friends">{{cite web |url=http://www.vh1.com/news/articles/1429785/19990527/guns_n_roses.jhtml |title=Slash, Scorpions, Others Scheduled For "Michael Jackson & Friends" |publisher=VH1 |date=(May 27, 1999) |accessdate=May 30, 2008}}</ref>
===2000-03: ความขัดแย้งกับค่ายเพลง
ปี 2000 แจ็กสันมีชื่ออยู่ใน
[[ไฟล์:__Michael Jackson INVINCIBLE.jpg__|thumb|left|งานศิลปะจำลองท่าทางเดินบนดวงจันทร์ในเพลง "Billie Jean"]]
บรรทัด 247:
=== มิวสิกวิดีโอและการออกแบบท่าเต้น ===
แจ็กสันถูกเรียกว่าเป็น "ราชาแห่งมิวสิกวีดีโอ" สตีฟ ฮิวอีแห่งออลมิวสิก สังเกตว่า แจ็กสันได้เปลี่ยนรูปแบบของ[[มิวสิกวิดีโอ]]ให้เป็นในรูปแบบของศิลปะและเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ผ่านเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน ท่าเต้น สเปเชียลเอฟเฟกต์และนักแสดงชื่อดัง และยังทลายอุปสรรคทางสีผิวไปในเวลาเดียวกัน<ref name=allmusic>{{cite web|last=Huey|first=Steve|title=Michael Jackson — Biography|url=http://www.allmusic.com/artist/michael-jackson-p4576 |publisher=[[Allmusic]] |accessdate=November 11, 2006}}</ref> ก่อนอัลบั้ม ''Thriller'' แจ็กสันติดปัญหาในการแสดงผลงานมิวสิกวิดีโอทางช่อง[[เอ็มทีวี]] เนื่องจากเขาเป็นคน[[แอฟริกัน-อเมริกัน]]<ref name=blender>{{cite web |url=http://www.blender.com/guide/articles.aspx?ID=1777 |title=Michael Jackson, "Billie Jean" |date=October 2005 |accessdate=April 11, 2007 |work=[[Blender (magazine)|Blender]]}}</ref> ซึ่งทางค่ายซีบีเอสก็เกลี้ยกล่อมให้เอ็มทีวีเปิดเพลง "[[Billie Jean]]" และต่อมา "[[Beat It]]" ซึ่งก็ทำให้ช่องเกิดความสัมพันธ์อันยาวนานกับแจ็กสัน และยังช่วยให้เพลงของศิลปินผิวดำคนอื่นเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย<ref name="Jackson changes the rules of the music video">{{cite news |first=Edna |last=Gundersen |url=http://www.usatoday.com/life/television/news/2005-08-25-mtv_x.htm |title=Music videos changing places |work=USA Today |date=August 25, 2005 |accessdate=July 23, 2008}}</ref> คนในเอ็มทีวีเองก็ปฏิเสธเรื่องการแบ่งชนชั้นผิวสีทางช่องหรือเรื่องความกดดันในการเปลียนจุดยืนนี้ เอ็มทีวียังคงเล่นเพลง[[ร็อก]]โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ<ref>http://archive.is/20120525231341/findarticles.com/p/articles/mi_m1355/is_14_110/ai_n16807343/</ref> และจากความนิยมในมิวสิกวิดีโอของแจ็กสันเองทางช่องเอ็มทีวี ยังทำให้ช่องมีชื่อเสียงมากขึ้นเช่นกัน ทั้งยังเน้นในเพลงป็อปและอาร์แอนด์บี<ref name="Jackson changes the rules of the music video"/><ref name=ABCNews>{{cite web |first=Bryan |last=Robinson |url=http://abcnews.go.com/Entertainment/LegalCenter/story?id=464753&page=1|title=Why Are Michael Jackson's Fans So Devoted? |publisher=ABC News |date=February 23, 2005 |accessdate=April 6, 2007}}</ref> การแสดงของเขาในงานครบรอบ 25 ปี ของโมทาวน์ ''Motown 25: Yesterday, Today, Forever'' ได้เปลี่ยนขอบเขตอิสระของการแสดงสดบนเวที และก้าวเข้าสู่ยุคสมัยที่ศิลปินรุ่นใหม่สามารถสร้างความน่าตื่นเต้นบนเวทีได้ราวกับมิวสิกวิดีโอ <ref>http://www.liquisearch.com/lip-synching_in_music/complex_performance</ref> ในมิวสิกวีดีโอที่ดูราวกับเป็น[[ภาพยนตร์สั้น]] เพลง "Thriller" ยังสร้างเอกลักษณ์ให้กับแจ็กสัน ขณะที่การเต้นในเพลง "Beat It" ก็ยังถูกนำเอามาเป็นต้นแบบอยู่บ่อยครั้ง<ref name="The Thriller Special Edition Audio">Jackson, Michael. ''Thriller Special Edition'' Audio.</ref> ท่าทางการเต้นในเพลง "Thriller" ยังกลายมีผลต่อวัฒนธรรมป็อปไปทั่วโลก การทำเลียนแบบไม่ว่าจาก[[ภาพยนตร์อินเดีย]]หรือการเต้นเลียนแบบของนักโทษใน[[ฟิลิปปินส์]]<ref>{{cite news |url=http://news.bbc.co.uk/1/hi/world/asia-pacific/6917318.stm|title=Philippine jailhouse rocks to Thriller |publisher=BBC |date=(July 27, 2007) |accessdate=April 11, 2009}}</ref>มิวสิกวิดีโอภาพยนตร์สั้น "Thriller" ได้สร้างมาตรฐานความตื่นเต้นเร้าใจให้กับมิวสิกวิดีโอ และถูกบันทึกไว้ว่าเป็นมิวสิกวีดีโอที่ประสบความสำเร็จที่สุดที่เคยมีมาโดย
[[ไฟล์:__MJmakingThriller.jpg__|thumb|left|แจ็กสันและเหล่านักเต้น กับเพลงที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของมิวสิกวีดีโอ [[ไมเคิล แจ็กสัน ทริลเลอร์|"Thriller"]]]]
บรรทัด 256:
"[[Remember the Time]]" เป็นมิวสิกวิดีโอที่มีงานภาคผลิตทำอย่างละเอียด และถือเป็นมิวสิกวิดีโอที่ยาวที่สุดเพลงหนึ่งกับความยาว 9 นาที มีฉากอยู่ในยุค[[อียิปต์โบราณ]] ยังเป็นผู้บุกเบิกทางด้านวิชวลเอฟเฟกต์ รวมถึง[[ผู้มีชื่อเสียง]]อย่าง [[เอดดี เมอร์ฟี]] [[อิมาน]] และ[[แมจิก จอห์นสัน]] ซึ่งก็มีท่าเต้นซับซ้อนเป็นจุดเด่นเช่นเคย<ref>Campbell (1993), pp. 313–314</ref> ในเพลง "In the Closet" ถือเป็นวิดีโอที่แสดงยั่วยุทางเพศที่สุดของแจ็กสัน มีซูเปอร์โมเดลอย่าง[[เนโอมี แคมป์เบลล์]] เต้นรำกับแจ็กสัน แต่มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ถูกแบนในแอฟริกาใต้เนื่องจากภาพลักษณ์ที่แสดง<ref name = "Nelson George overview 45-46"/>
มิวสิกวิดีโอเพลง "Scream" กำกับโดยมาร์ก โรมาเนก และผู้ออกแบบงานสร้างคือทอม โฟเดน ถือเป็นหนึ่งในมิวสิกวิดีโอที่ได้รับเสียงวิจารณ์มากที่สุดเพลงหนึ่ง โดยในปี 1995 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอวอร์ดส 11 สาขา มากกว่ามิวสิกวิดีโอใดที่เคยทำได้ และได้รับรางวัลในสาขา "มิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม" "ท่าเต้นยอดเยี่ยม" และ "องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม"<ref name="TCI">{{Cite book |last=Boepple |first= Leanne |title = Scream: space odyssey Jackson-style.(video production; Michael and Janet Jackson video) | page = 52 |volume=29 | publisher = Theatre Crafts International | date = November 1, 1995 |issn=1063-9497}}</ref> เพลงและมิวสิกวิดีโอเกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบโต้ของแจ็กสันที่ได้รับจากสื่อหลังจากข้อกล่าวหาการละเมิดทางเพศต่อเด็กในปี 1993<ref>{{Cite book |last=Bark |first= Ed |title = Michael Jackson Interview Raises Questions, Answers | page = 06E | publisher = [[St. Louis Post-Dispatch]] | date = June 26, 1995}}</ref> ในปีถัดมา ได้รับรางวัลแกรมมี่สาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม ประเภทสั้น ต่อจากนั้น
"Earth Song" ก็ยังเป็นเพลงที่แพงเช่นกันและก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม ประเภทสั้น ในปี 1997 เป็นมิวสิกวิดีโอที่พูดถึงสภาพแวดล้อม แสดงภาพการทารุณสัตว์ การตัดไม้ทำลายป่า สภาวะมลพิษและสงคราม มีการใช้ภาพสเปเชียลเอฟเฟกต์ ในช่วงเวลาที่ย้อนกลับไปทำให้ย้อนชีวิตกลับไป สงครามสิ้นสุดลงและป่ากลับฟื้นดังเดิม<ref name = "Ultimate booklet 48–50"/><ref name="''HIStory'' on Film volume II">Michael Jackson ''HIStory'' on Film volume II VHS/DVD</ref> ในมิวสิกวิดีโอภาพยนตร์สั้นเพลง Ghosts ออกเมื่อปี 1997 โดยออกปฐมทัศน์ครั้งแรกใน[[เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์]]ปี 1996 โดยภาพยนตร์สั้นนี้เขียนบทโดยแจ็กสันและ[[สตีเฟน คิง]] กำกับโดยสแตน วินสตัน มีความยาวกว่า 38 นาที และถือครองสถิติใน
== มรดกและอิทธิพล ==
บรรทัด 267:
จุดเด่นของเขาคือ "เสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ ท่าเต้นที่เคลื่อนไหวสะดุดตา ผู้มีความสามารถทางด้านดนตรีอย่างเหลือเชื่อและมีพลังแห่งความเป็นดาราอย่างที่สุด"<ref name=allmusic /> ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 ''[[นิตยสารไทม์]]'' กล่าวถึงเขาว่า "ไมเคิล แจ็กสันคือศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่[[เดอะบีทเทิลส์]] เขาเป็นปรากฏการณ์เดี่ยวที่ร้อนแรงที่สุดนับตั้งแต่[[เอลวิส เพรสลีย์]] เขาอาจจะเป็นนักร้องผิวสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา"<ref name=TIME/> ในปี 1990 ''แวนิตีแฟร์'' พูดถึงแจ็กสันว่า เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแสดง<ref name = "Nelson George overview 43-44"/> นักเขียน''เดลีเทเลกราฟ'' ที่ชื่อทอม อัตลีย์ เรียกเขาว่า "บุคคลที่สำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของ[[วัฒนธรรมสมัยนิยม]]" และ "อัจฉริยะ" <ref name=telegraph>{{cite news|url=http://www.telegraph.co.uk/opinion/main.jhtml?xml=/opinion/2003/02/08/do0801.xml&sSheet=/opinion/2003/02/08/ixopinion.html |author=[[Tom Utley|Utley, Tom]] |title=Of course Jackson's odd — but his genius is what matters |publisher=The Daily Telegraph |date=March 8, 2003 |accessdate=July 23, 2008}}</ref>ในปลายปี 2007 แจ็กสันพูดถึงผลงานต่อมาของเขาและอิทธิพลในอนาคตว่า "''ดนตรีคือการปลดปล่อย เป็นของขวัญของผมที่จะมอบให้กับคนรักทั่วโลก ผ่านดนตรีของผม ผมรู้ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป''"<ref>{{cite news |first=Bryan |last=Monroe |title=Michael Jackson in His Own Words |format=Print/Magazine |publisher=[[Ebony]] |date=December 2007}}</ref>
แดเนเยล สมิธ หัวหน้าบรรณาธิการนิตยสารอเมริกัน ''Vibe'' และนักข่าวสื่อสิ่งพิมพ์ เรียกแจ็กสันว่าเป็น "ดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"<ref>http://edition.cnn.com/2009/SHOWBIZ/Music/06/26/smith.jackson.appreciation/</ref>หัวหน้ากองบรรณาธิการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์
ตลอดอาชีพของเขา เขามีรายได้จากผลงานเดี่ยวและมิวสิกวิดีโอ รวมถึงงานคอนเสิร์ตไปจนถึงผลงานโฆษณาตกอยู่ราว 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อรวมกับรายได้จากการเป็นหุ้นส่วนใน Sony/ATV Music Publishing ที่เขาถือลิขสิทธิ์อยู่ครึ่งหนึ่ง ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะประมาณรายได้แท้จริงของเขา นักวิเคราะห์บางคนวิเคราะห์ว่าผลงานแคตตาล็อกเพลงที่เขาถืออาจมีค่าอย่างน้อยราวพันล้านดอลลาร์สหรัฐ<ref name="usatoday finances"/><ref>{{cite news | url = http://www.foxnews.com/story/0,2933,155356,00.html | title = Witness: Jacko Lived Way Above Means | publisher = Fox News Channel| date = (May 3, 2005) | accessdate = May 30, 2007}}</ref> ในฐานะบุคคลที่โด่งดังที่สุดในโลกกับชีวิตส่วนตัวที่ถูกเผยแพร่ควบคู่ไปกับความสำเร็จในอาชีพ ทำให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรรมร่วมสมัยตลอด 4 ทศวรรษ<ref name="KOP achievements"/><ref name="BBC Tom sneddon">{{cite news |url=http://news.bbc.co.uk/1/hi/entertainment/music/4216779.stm |title=Tom Sneddon: Dogged prosecutor |publisher=BBC |date=(January 31, 2005) |accessdate=August 14, 2008}}</ref>
บรรทัด 277:
ไมเคิล แจ็กสัน ได้รับการบรรจุชื่ออยู่บน[[ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม]]เมื่อปี 1980 ในฐานะสมาชิกของเดอะแจ็กสันไฟฟ์ และศิลปินเดี่ยวในปี 1984 ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่มีชื่ออยู่ถึง 2 ครั้ง ตลอดอาชีพของเขา ได้สร้างความสำเร็จมานับครั้งไม่ถ้วน โดยการทำงานที่ผ่านมาเขาได้รับรางวัลต่างๆมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลจาก[[เวิลด์มิวสิกอวอร์ดส]]ในฐานะศิลปินป็อปชายที่มียอดขายมากที่สุดในสหัสวรรษ รางวัลศิลปินแห่งศตวรรษจาก[[อเมริกันมิวสิกอวอร์ดส]] และรางวัลศิลปินป็อปแห่งสหัสวรรษจากแบมบี<ref name = "Nelson George overview 50-53">George, pp. 50–53</ref><ref>{{cite web |url=http://www.hellomagazine.com/celebrities/2002/11/22/michaeljackson/ |title=Michael Jackson and Halle Berry Pick Up Bambi Awards in Berlin |accessdate=November 11, 2006 |work=[[Hello!]] |date= (November 22, 2002) |accessdate=July 23, 2008}}</ref> เขามีชื่ออยู่ถึง 2 ครั้งใน[[ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม]] ครั้งหนึ่งในฐานะสมาชิกวงเดอะแจ็กสันไฟฟ์ในปี 1997 และต่อมาในฐานะศิลปินเดี่ยวในปี 2001 เขายังมีชื่ออยู่ในหอเกียรติยศอีกหลายแห่ง รวมไปถึงโวคอลกรุ๊ปฮอลออฟเฟมในปี 1999 และซองไรเตอร์สฮอลออฟเฟมในปี 2002<ref name = "Nelson George overview 50-53"/> ในปี 2010 แจ็กสันเป็นคนแรก(และคนเดียวในปัจจุบัน)จากนักร้องป็อปและร็อกแอนด์โรลทั่วโลกที่ได้รับจารึกชื่ออยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของหอเกียรติยศแดนซ์ฮอลออฟเฟม ในปี 2014 เขายังมีชื่ออยู่ในอาร์แอนด์บีฮอลออฟเฟม เขาได้รับเชิญรางวัลพิเศษจากประธานาธิบดีที่ทำเนียบขาวถึง 2 ครั้ง ในปี 1992 เขายังได้รับรางวัลและการยกย่องจากประธานาธิบดีให้เป็น "Point of Light Ambassador" หรือแสงสว่างในชีวิต จากการเชื้อเชิญให้เด็กผู้ด้อยโอกาสเข้าไปเล่นในเนเวอร์แลนด์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งเขาเป็นศิลปินคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับรางวัลนี้<ref>http://juny.expertscolumn.com/article/michael-jackson-most-awarded-artist-all-time</ref>
รางวัลอื่นที่เขาได้รับอย่างเช่น สถิติ
==ความนิยมที่แพร่หลาย==
[[ไฟล์:Estatua Michael Jackson Santa Marta RJ.JPG|thumb|250x250px|อนุสาวรีย์ไมเคิล แจ็กสัน ที่ชุมชนซานต้า มาร์ต้า เมือง[[รีโอเดจาเนโร]] ประเทศบราซิล สถานที่ใช้ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ [[เดย์ดอนต์แคร์อเบาต์อัส|"They Don't Care About Us"]]]]
ในปีค.ศ 1984 หนังสือพิมพ์ของ[[สาธารณรัฐเกาหลี]] ได้ตีพิมพ์บทความ"ฤดูกาลแห่งความนิยม" โดยใช้ผลสำรวจของเยาวชนพบว่าที่โรงเรียน[[ประถมศึกษา]]ไม่มีนักเรียนคนใดไม่รู้จักไมเคิล แจ็กสันและเด็กๆยังมีความกระตือลือล้นในเพลงของเขา รายงานดังกล่าวยังได้ทำผลสำรวจเพิ่มเติมและพบว่าเด็กนักเรียนต่างรู้จักแจ็กสันแม้จะเป็นชื่อของนักร้องต่างประเทศ<ref>http://newslibrary.naver.com/viewer/index.nhn?articleId=1984032100209201021&editNo=2&printCount=1&publishDate=1984-03-21&officeId=00020&pageNo=1&printNo=19220&publishType=00020</ref>นอกจากนี้จากการสำรวจในหัวข้อ"บุคคลระดับโลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุด"โดยใช้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กในระดับประถมศึกษากว่า 2,000 คน พบว่าแจ็กสันได้รับการโหวตให้มากที่สุด ตามด้วยประธานาธิบดี[[โรนัลด์ เรแกน]]
[[ไฟล์:__People Dancing Thriller.jpg__|thumb|left|ผู้คนกว่า 13,957 คน เต้นเพลงทริลเลอร์เพื่อไว้อาลัยแก่เขาในกรุงเม็กซิโกซิตี้]]
ชาร์ลี เคนดัลล์ ผู้อำนวยของสถานีวิทยุร็อกนิวยอร์ก อธิบายถึงเขาว่า "ไมเคิล แจ็กสันเป็นวัฒนธรรมของมวลชน เขาดึงดูดความสนใจของทุกคน" และกล่าวว่า "ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเขามีเสียงที่น่าเกรงขามและลีลาที่สมบูรณ์แบบ เขาสามารถเต้นราวกับไม่ใช่มนุษย์ เขาดึงดูดความสนใจของคนทุกเพศทุกวัยและผู้ฟังเพลงทุกประเภท อย่างยากที่จะจำแนกหมวดหมู่"<ref>http://www.nytimes.com/1984/01/14/arts/michael-jackson-at-25-a-musical-phenomenon.html?pagewanted=all</ref> ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกก็ยังเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พบกับผู้นำประเทศในหลายทวีป นอกจากวงการดนตรีแล้ว แจ็กสันยังมีอิทธิพอย่างมากต่อวงการแฟชั่น ฟิลลิป โบลช สไตลิสชื่อดัง กล่าวว่า "ไมเคิล แจ็กสัน ไม่ได้รับอิทธิพลจากแฟชั่น แต่แฟชั่นต่างหากที่ได้รับอิทธิพลจากเขา"<ref>https://www.notjustalabel.com/editorial/style-autopsy-king-pop</ref>เขายังมีบทบาทด้านมนุษยธรรมและการช่วยเหลือเด็กและสังคม ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกเดนเจอรัสเวิลด์ทัวร์ เขายังได้ยกผลกำไรทั้งหมดเข้าสู่มูลินิธิการกุศล และยังได้มอบเงินให้แก่มูลนิธิในทุกประเทศที่เขาเดินทาง<ref>http://www.borgenmagazine.com/michael-jacksons-donation-history/</ref> ในขณะที่การเสียชีวิตของเขากลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทั่วโลก สื่อประเทศฮ่องกงได้นำเสนอข่าวว่า "ไม่มีส่วนใดของเอเชีย...และที่เหลือของโลก จะไม่จดจำไมเคิล แจ็กสัน" เว็บไซด์ชื่อดังของจีนขนามนามเขาว่า "นักร้องที่โดดเด่นที่สุดตลอดกาล" ขณะที่หลายๆคนทั่วโลกต่างรู้สึกว่าการเสียชีวิตของเขาเป็นเหมือนการสูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก นับได้ว่าเขาเป็นซุปเปอร์สตาร์ของโลกผู้สร้างปรากฏการณ์อย่างแท้จริง <ref>http://www.asianews.it/news-en/Asia-mourns-for-Michael-Jackson-15619.html</ref> หลังครบรอบวันเกิดของเขาในปีเดียวกัน ชาวเม็กซิโกยังได้ไปชุมนุมกันในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ กว่า 13,957 คน เพื่อเต้นรำตามจังหวะและท่าทางตามเพลง " ทริลเลอร์ " เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่เขา นับเป็นการเต้นรำหมู่เพลงทริลเลอร์ที่ทำลายสถิติ
หลังจากที่เขาเสียชีวิตไม่นานในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เอ็มทีวีปรับเปลี่ยนช่องโดยเล่นมิวสิกวิดีโอของเขาเพื่อเป็นการอุทิศและเฉลิมฉลองในงานของเขา<ref>{{cite news|last=Barnes|first=Brokes|title=A Star Idolized and Haunted, Michael Jackson Dies at 50 |url=http://www.nytimes.com/2009/06/26/arts/music/26jackson.html?ref=obituaries|work=New York Times|date=June 25, 2009|accessdate=July 12, 2009}}</ref> สถานียังออกอากาศมิวสิกวิดีโอของเขาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และยังมีการสัมภาษณ์สดในปฏิกิริยาตอบรับทั้งจากพิธีกรเอ็มทีวีและเหล่าบุคคลมีชื่อเสียง ตลอดทั้งสัปดาห์ยังมีรายการและยังมีการถ่ายทอดสดพิธีไว้อาลัย <ref>{{cite web|title=More adds, loose ends, and lament|url=http://altmusictv.blogspot.com/2009/07/more-adds-loose-ends-and-lament.html|work=The 120 Minutes Archive|date=July 25, 2009|accessdate=July 26, 2009}}</ref> ในพิธีไว้อาลัย ณ วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงโมทาวน์ เบอร์รี กอร์ดี ยังสรรเสริญแจ็กสันว่าเป็น "คนบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา" <ref>{{cite web |title=Farewell to a King|url=http://www.people.com/people/archive/article/0,,20292614,00.htmll|work=''People'' |date=July 20, 2009 |accessdate=November 26, 2009}}</ref><ref>{{cite web |title=BERRY GORDY – GORDY BRINGS MOURNERS TO THEIR FEET WITH JACKSON TRIBUTE|url=http://www.contactmusic.com/news.nsf/story/gordy-brings-mourners-to-their-feet-with-jackson-tribute_1108973|work=''Contact Music'' |date=July 7, 2009 |accessdate=November 26, 2009}}</ref><ref>{{cite web |title=Michael Jackson hailed as greatest entertainer, best dad|url=http://uk.reuters.com/article/idUKTRE5615KN20090708|work=''Reuters UK'' |date=July 8, 2009 |accessdate=November 26, 2009}}</ref>
บรรทัด 406:
[[หมวดหมู่:ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน]]
[[หมวดหมู่:ศิลปินสังกัดโมทาวน์เรเคิดส์]]
[[หมวดหมู่:ศิลปินสังกัดโซนี่
[[หมวดหมู่:ศิลปินสังกัดอีพิกเรเคิดส์]]
[[หมวดหมู่:ผู้ที่ได้รับรางวัลแกรมมี]]
|