ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไมเคิล แจ็กสัน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 33:
''[[ทริลเลอร์ (อัลบั้ม)|Thriller]]'' ถือเป็นอัลบั้มเพลงที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล<ref>http://www.billboard.com/articles/columns/pop/6812781/michael-jackson-thriller-30x-multi-platinum-album</ref>สี่อัลบั้มเดี่ยวที่เหลือของเขา ก็ยังติดอันดับอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในโลก ประกอบด้วยชุด ''[[Off the Wall (album)|Off the Wall]]'' (1979), ''[[Bad (album)|Bad]]'' (1987), ''[[Dangerous (album)|Dangerous]]'' (1991) และ ''[[HIStory: Past, Present and Future, Book I|HIStory]]'' (1995)<ref>http://www.telegraph.co.uk/culture/music/michael-jackson/5648176/Michael-Jacksons-best-selling-studio-albums.html</ref> แจ็กสันเดินทางไปทั่วโลกเพื่อร่วมกิจกรรมด้านมนุษยธรรม เขาหาเงินนับร้อยล้านดอลลาร์เพื่อมูลนิธิการกุศลของเขา มี[[ซิงเกิล]]และผลกำไรจากทัวร์คอนเสิร์ตที่เขาสนับสนุนให้กับองค์กร 39 แห่ง [[กินเนสบุ๊ค|บันทึกสถิติโลกกินเนสส์]]ระบุว่าเขาเป็นบุคคลบันเทิงที่มีส่วนร่วมในการกุศลมากยิ่งกว่าดาราหรือศิลปินคนใดๆ<ref>http://ireport.cnn.com/docs/DOC-288836</ref> ชีวิตส่วนตัวของเขามักปรากฏตัวโดยการปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและพฤติกรรมให้คนอื่นจำไม่ได้ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของเขาด้วยเช่นกัน เขายังถูกข้อกล่าวหาลวนลามทางเพศเด็กในปี 1993 แต่ก็ปิดลงโดยเขาไม่มีความผิดเนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ แจ็กสันมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพตั้งแต่ต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 และยังมีข้อมูลรายงานขัดแย้งในเรื่องฐานะการเงินของเขาตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 แจ็กสันแต่งงานมาแล้วสองครั้ง มีลูกสามคน ต่อมาในปี 2005 เขามีข้อพิพาทอีกครั้งเรื่องล่วงละเมิดทางเพศและอีกหลายคดี แต่เขาก็ไม่มีความผิด (ซึ่งในภายหลังคู่กรณีหลายรายได้ออกมายอมรับว่า แจ็กสัน ไม่ได้กระทำ และที่กล่าวหา เพราะเป็นเด็ก และถูกผู้ปกครองบังคับ โดยหวังที่จะได้รับเงินค่าเสียหาย)
 
เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่ศิลปินที่มีชื่ออยู่ใน[[ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม]]ถึงสองครั้ง ผลงานของเขาประสบความสำเร็จได้รับบันทึกสถิติหลายครั้ง กินเนสส์บุ้คเวิลด์เรคบุ๊กเวิลด์เร็กคอร์ดจารึกชื่อเขาเป็น "ศิลปินบันเทิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาล"<ref>http://www.mtv.com/news/1614815/michael-jacksons-groundbreaking-career-by-the-numbers/</ref> เขาเป็นนักร้องคนเดียวจากโลกดนตรีป็อปและร็อกแอนด์โรลที่มีชื่ออยู่ในหอเกียรติยศแดนซ์ฮอลออฟเฟม และยังเป็นศิลปินเพียงคนเดียวที่มีเพลงฮิตติดท็อป 10 บนบิลบอร์ดฮ็อต 100 ทุก 10 ปี ติดต่อกันนานกว่าครึ่งศตวรรษ<ref>http://www.billboard.com/articles/news/6092276/michael-jackson-coldplay-hot-100-top-10-john-legend-no-1</ref><ref>http://www.newstimes.com/local/article/Photos-Michael-Jackson-induction-ceremony-617034.php</ref> แจ็กสันชนะรางวัลจากเวทีต่างๆ นับร้อยกว่ารางวัล ทำให้เขาเป็นศิลปินที่คว้ารางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงป็อป<ref>http://www.miamiherald.com/latest-news/article1928146.html</ref>ความสำเร็จอื่นๆ ของเขาได้แก่ สถิติในกินเนสบุ้คเวิลด์เรคคอร์ดหลายครั้ง 13 [[รางวัลแกรมมี่]] รางวัลพิเศษ Grammy Legend Award , Grammy Lifetime Achievement Award 26 [[อเมริกันมิวสิกอวอร์ดส]] มากกว่าศิลปินคนใดๆ รวมไปถึงรางวัลพิเศษ "ศิลปินแห่งศตวรรษ" และ "ศิลปินแห่งทศวรรษ"<ref>http://www.billboard.com/articles/news/77246/jackson-to-accept-ama-artist-of-the-century-honor</ref> 13 ซิงเกิลที่ขึ้นอันดับ 1 ในฐานะนักร้องเดี่ยว มากกว่าที่ศิลปินชายคนใดจะทำได้ และมียอดขายรวมกว่า 400 ล้านชุดทั่วโลก<ref>{{Cite news|last=Eisinger|first=Amy|title=Britney Spears isn't the only pop star primed for a comeback: Get ready for Michael Jackson|newspaper=[[Daily News (New York)|Daily News]]|url=http://www.nydailynews.com/entertainment/music/2009/03/04/2009-03-04_britney_spears_isnt_the_only_pop_primed_.html|date=2009-03-04|accessdate=2009-06-26}}</ref> ไมเคิล แจ็กสัน [[การเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน|เสียชีวิต]]เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2009 อายุได้ 50 ปี ในขณะที่เตรียมความพร้อมสำหรับคอนเสิร์ตคัมแบ็ก ''[[ดิสอีสอิต (คอนเสิร์ต)|ดิส อีส อิทดิสอีสอิต]]'' การเสียชีวิตของเขาสร้างความเศร้าโศกไปทั่วทุกมุมโลก การรายงานข่าวสารทางสื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ต่างพุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบทศวรรษ งานพิธีไว้อาลัยได้รับการออกอากาศถ่ายทอดสดไปทั่วโลก<ref>http://www.telegraph.co.uk/culture/music/michael-jackson/5771156/Michael-Jackson-memorial-service-the-biggest-celebrity-send-off-of-all-time.html</ref><ref>http://www.languagemonitor.com/global-english/michael-jackson-funeral-tops-john-paul-ii-as-no-1-media-funeral/</ref><ref>Matthew Moore (2009-06-26) [http://www.telegraph.co.uk/culture/music/michael-jackson/5643916/Michael-Jackson-King-of-Pop-dies-of-cardiac-arrest-in-Los-Angeles.html Michael Jackson, King of Pop, dies of cardiac arrest in Los Angeles] Telegraph. Retrieved on 2009-06-27.</ref> ต่อมาในปี 2010 บริษัท[[โซนี่มิวสิกเอ็นเตอร์เทนเมนต์]] ตกลงนามทำสัญญากับกองทุนจัดการมรดก เพื่อจัดจำหน่ายผลงานของเขา รวมถึงเพลงที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน ไปจนถึงปี 2017 ด้วยมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯสหรัฐ นับเป็นสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมดนตรี<ref>http://www.rollingstone.com/music/news/michael-jackson-estate-sony-strike-massive-250-million-deal-to-release-king-of-pops-music-20100316</ref>นิตยสารธุรกิจและการเงิน ''[[ฟอบส์]]'' จัดให้เขาเป็นบุคคลมีชื่อเสียงที่ทำรายได้สูงสุดอันดับ 1 หลังเสียชีวิตไปแล้ว ด้วยรายได้ 825 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2016 เพียงปีเดียว สูงที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้โดยสิ่งพิมพ์<ref>http://www.forbes.com/dead-celebrities/</ref>
 
== ประวัติ ==
บรรทัด 64:
ปี 1982 แจ็กสันมุ่งมั่นเข้าสู่ความสนใจของเขาในการแต่งเพลงและภาพยนตร์ โดยมีผลงานเพลง "Someone In the Dark" ประกอบภาพยนตร์เรื่อง ''[[อี.ที. เพื่อนรัก]]'' ซึ่งได้รับรางวัลแกรมมี่ในสาขาอัลบั้มยอดเยี่ยมประเภทเพลงสำหรับเด็ก<ref name = "MJ Grammy's">{{cite web|url=http://www.grammy.com/GRAMMY_Awards/Winners/Results.aspx?title=&winner=Michael+Jackson&year=0&genreID=0&hp=1|title=Grammy Award Winners|publisher=[[National Academy of Recording Arts and Sciences]]|accessdate=February 14, 2008}}</ref> ความสำเร็จที่มากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับการเปิดตัวอัลบั้มชุดที่หกของเขา ''[[ทริลเลอร์ (อัลบั้ม)|Thriller]]'' อัลบั้มทำให้เขาได้รับ 7 รางวัลแกรมมี่ และ 8 อเมริกันมิวสิกอวอร์ดส จากอัลบั้มเดียว ''Thriller'' เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดทั่วโลกในปี 1983 รวมทั้งในอเมริกา และกลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล มียอดขายสูงกว่า 109 ล้านชุด <ref name="109 Newswire">{{cite web |url=http://news.prnewswire.com/ViewContent.aspx?ACCT=109&STORY=/www/story/01-16-2009/0004956264&EDATE= |title=Music Icon Quincy Jones Kicks-Off New Series in Tribune Newspapers |publisher=[[PR Newswire]] |date=January 16, 2009 |accessdate=January 24, 2009}}</ref><ref name = "Nelson George overview 50-53">George, pp. 50–53</ref><ref name="Showbuzz">{{cite web |url=http://www.cbsnews.com/stories/2007/11/06/entertainment/main3461884.shtml?source=search_story |title=Michael Jackson Opens Up |publisher=[[CBS]] |date=November 6, 2007 |accessdate=July 24, 2008}}</ref><ref>{{cite news|first=Jill |last=Serjeant|url=http://www.reuters.com/article/topNews/idUSTRE55O6V920090625|title=Michael Jackson superstardom tarnished by scandal|publisher=Reuters|date=June 25, 2009|accessdate=June 28, 2009}}</ref> อัลบั้มติดในท็อป 10 บนบิลบอร์ด 200 นาน 80 สัปดาห์ติดต่อกันและอยู่อันดับ 1 นาน 37 สัปดาห์ และเป็นอัลบั้มแรกที่มี 7 ซิงเกิล ที่ติดท็อป 10 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮ็อต 100 ประกอบด้วย "[[เดอะเกิร์ลอิสมาย|The Girl Is Mine]]" "[[Billie Jean]]", "[[Beat It]]" "[[วอนนาบีสตาร์ตินซัมติน|Wanna Be Startin' Somethin']]" "[[ฮิวแมนเนเจอร์ (เพลงไมเคิล แจ็กสัน)|Human Nature]]" "[[พี.วาย.ที. (พริตตี ยัง ธิง)|P.Y.T. (Pretty Young Thing]]" และ "[[ทริลเลอร์ (เพลง)|Thriller]]"<ref>Lewis, p. 47</ref>ในปี 2015 อัลบั้มได้รับการรับรองมียอดขายมากกว่า 32 ล้านชุด เฉพาะในสหรัฐอเมริกาโดย''RIAA'' ทำให้อัลบั้มนี้ถือเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดเฉพาะในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
 
นอกเหนือจากอัลบั้มเพลงแล้ว แจ็กสันได้ปล่อยผลงาน"[[ไมเคิล แจ็กสัน ทริลเลอร์| Thriller]]" มิวสิกวิดีโอภาพยนตร์สั้นที่มีความยาว 14 นาที กำกับโดยจอห์น แลนดิส ในปี 1983<ref>http://www.reuters.com/article/us-thriller-idUSTRE5BT43W20091230?type=musicNews</ref> มิวสิกวิดีโอนี้ได้รับคำนิยามว่า "ทลายอุปสรรคทางเชื้อชาติ" ได้รับการออกอากาศทาง[[เอ็มทีวี]]ซึ่งเป็นช่องรายการที่พึ่งเปิดใหม่ในเวลานั้น ในปี 2009 มิวสิกวิดีโอได้รับการจดทะเบียนเข้าสู่หอภาพยนตร์แห่งชาติ โดย[[หอสมุดรัฐสภา]] ซึ่งนับเป็นผลงานมิวสิคมิวสิกวีดีโอชิ้นแรกและชิ้นดียวเท่านั้นที่ได้รับเกียรติยศในฐานะ "วัฒนธรรมภาพยนตร์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์" <ref>http://www.mtv.com/news/1628945/michael-jacksons-thriller-added-to-national-film-registry/</ref>
 
[[ไฟล์:__Michael Jackson's Glove and Cardigan.jpg__|thumb|เสื้อแจ็คเก็ตและถุงมือสีขาวประดับเพชรที่เขาสวมขึ้นแสดงในงาน ''โมทาวน์ 25'' หนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด]]
บรรทัด 149:
ปลายปี 1995 แจ็กสันถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลระหว่างการซ้อมในการแสดงรายการโทรทัศน์ เนื่องจากเกิดอาการภาวะเครียด<ref>Taraborrelli, pp. 576–577</ref> "Earth Song" เป็นซิงเกิลที่ 3 ของอัลบั้ม ''HIStory'' ขึ้นอันดับ 1 บน[[ยูเคซิงเกิลส์ชาร์ต]] ยาวนาน 6 สัปดาห์ในช่วงคริสต์มาสปี 1995 มียอดขายมากกว่าล้านชุด ถือเป็นซิงเกิลของแจ็กสันที่ประสบความสำเร็จที่สุดใน[[สหราชอาณาจักร]]<ref name = "Ultimate booklet 48–50"/> ในปี 1996 แจ็กสันได้รับรางวัลแกรมมี่ สาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม แบบสั้นจากเพลง "[[สกรีม/ไชลด์ฮูด| Scream]]" และรางวัลอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส สาขา Favorite Pop/Rock Male Artist <ref>https://news.google.co.uk/newspapers?id=LWUwAAAAIBAJ&sjid=YzMDAAAAIBAJ&pg=5552,8128572</ref>
 
[[ไฟล์:Michael Jackson Cannes.jpg|thumb|แจ็กสันกับงานปฐมทัศน์ครั้งแรกสำหรับมิวสิคมิวสิกวีดีโอภาพยนตร์สั้น ''Ghost'' ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 1997]]
''HIStory'' ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการประกาศเปิดตัว[[ฮิสทรีเวิลด์ทัวร์]] ทัวร์เริ่มเมื่อ 7 กันยายน ค.ศ. 1996 และจบลงเมื่อ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1997 แจ็กสันแสดงกว่า 82 คอนเสิร์ต โดยออกทัวร์ไป 5 ทวีป ใน35 ประเทศและ 58 เมือง ทำรายได้รวม 165 ล้านเหรียญ โดยมีผู้ชมกว่า 4.5 ล้านคน ถือเป็นทัวร์ที่มียอดจำนวนผู้ชมมากที่สุดของแจ็กสัน และปัจจุบันยังเป็นทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยอดจำนวนผู้ชม<ref name = "lewis 95-96">Lewis, pp. 95–96</ref><ref>http://www.toptenz.net/top-10-most-successful-music-tours.php</ref>
 
บรรทัด 211:
ซิงเกิล "'[[ดิสอีสอิต (เพลงไมเคิล แจ็กสัน)|This Is It]]" ออกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2009 จากผลงานอัลบั้มในชื่อเดียวกัน ''[[ไมเคิล แจ็กสัน ดิสอีสอิต (อัลบั้ม)|This Is It]]'' ที่ออกขายทั่วโลกวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2009 และในอเมริกาเหนือในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2009 ก่อนภาพยนตร์สารคดี ''[[Michael Jackson's This Is It]]'' ออกฉาย 1 วันที่ภาพยนตร์ทำสถิติเป็นภาพยนตร์สารคดีหรือคอนเสิร์ตที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาลด้วยรายได้มากกว่า 252 ล้านเหรียญทั่วโลก<ref>Box Office Mojo http://www.boxofficemojo.com/movies/?id=michaeljacksonthisisit.htm</ref> โดยเพลงใหม่นี้มี 2 เวอร์ชัน ทีอัลบั้มนี้ยังมีเพลงฮิตเก่า ๆ ของเขาซึ่งปรากฏในภาพยนตร์เช่นกัน
 
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2010 โซนีมิวสิกได้ออกแถลงข่าวการวางจำหน่ายผลงานชิ้นใหม่ ชื่ออัลบั้ม ''[[ไมเคิล (อัลบั้ม)|ไมเคิล]]'' เป็นรวมผลงานบันทึกเสียงของไมเคิล แจ็กสันที่ไม่เคยนำออกเผยแพร่ที่ใดมาก่อน มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 14 ธันวาคม โดยจะมีซิงเกิลชื่อ ''[[Breaking News (single)|Breaking News]]'' ออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ MichaelJackson.com ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2010 <ref>{{cite web|url=http://breakingnews.michaeljackson.com/IE/pressrelease.html |title=MICHAEL Album Announcement |publisher=Breakingnews.michaeljackson.com |date= |accessdate=2010-11-04}}</ref> [[โซนี่มิวสิกเอ็นเตอร์เทนเมนต์]] ได้เข้าทำสัญญากับกองทุนจัดการมรดก ด้วยเงินมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯสหรัฐ เพื่อสิทธิที่เกี่ยวพันกับการผลิต และจัดจำหน่ายผลงานทั้งอัลบั้มเพลง วีดีโอเกม ภาพยนตร์รวม 10 โครงการ รวมถึงเพลงที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน ไปจนถึงปี 2017 นับเป็นสัญญาที่มีมูลค่าสูงที่สุดสำหรับศินปินที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์อุสาหกรรมดนตรี<ref>http://www.rollingstone.com/music/news/michael-jackson-estate-sony-strike-massive-250-million-deal-to-release-king-of-pops-music-20100316</ref> มีการจัดหน่ายเกมส์ที่ผสมผสานการร้อง เต้น โดยใช้กล้องจับภาพการเคลื่อนไหว ชื่อว่า [[ไมเคิลแจ็กสัน: ดิเอกซพีเรียนซ์]] ในรูปแบบของเครื่องเล่นวิดีโอเกมนินเทนโด ดีเอส, เพลย์สเตชันพอร์เทเบิล และวี
 
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2010 บริษัทคณะละครกายกรรม "เซิร์ค ดู เซอ เลย์" ประกาศว่าจะเปิดตัว ''"[[ไมเคิล แจ็คสัน: ดิอิมมอร์ทัลเวิลด์ทัวร์]]"'' ในวันที่ 11 ตุลาคม 2011 ที่ [[มอนทรีออล]] ในขณะที่การแสดงอย่างถาวรจะอยู่ในลาสเวกัส<ref>www.mercurynews.com/entertainment-headlines/ci_16517946?nclick_check=1</ref> ช่วงเวลา 90 นาที กับต้นทุน 57 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยการแสดงจะรวบรวมบทเพลงและท่าเต้นของแจ็กสันเข้าด้วยกันกับงานศิลป์ของเซิร์ค การเต้นรำและการแสดงทางอากาศที่เกี่ยวข้องกับศิลปิน 65 คน<ref>http://www.cbc.ca/news/entertainment/cirque-plans-57m-touring-jackson-show-1.881804</ref> ทัวร์มีผู้เขียนบทและควบคุมการผลิตโดยเจมี่ คิง โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ "ต้นไม้สร้างแรงบันดาลใจ" จุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ สถานที่ความรักในเสียงดนตรีของเขาและการเต้นรำ เทพนิยายและความมหัศจรรย์และความงามของธรรมชาติที่เปราะบางจะได้รับการปลดปล่อย<ref>http://www.uterwincenter.com/press/2011/october/michael-jackson-world-premiere</ref> ในวันที่ 3 ตุลาคม 2011 [[อิมมอร์ทัล]] อัลบั้มรีมิกซ์ดนตรีต้นฉบับของแจ็กสันได้ถูกประกาศว่ามีบันทึกเสียงต้นฉบับมากกว่า 40 เพลงของแจ็กสัน ผลิตโดยเควิน ตูนส์<ref>http://www.sony.com/en_us/SCA/company-news/press-releases/epic-records/2011/epic-records-set-to-release-immortal-the-new-album.html?icid=pr-newswire-feed</ref> ในเดือนเมษายน 2011 มหาเศรษฐีนักธุรกิจโมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยด-ประธานสโมสรฟุตบอลฟูแล่มและเพื่อนเก่าแก่ของแจ็กสันเปิดตัวรูปปั้นของไมเคิล แจ็กสัน ด้านนอกสนามกีฬาของสโมสร[[เครเวนคอตทิจ]]<ref>http://www.bbc.com/news/uk-england-london-12950708</ref>
บรรทัด 217:
ในปี 2014 ค่ายเพลง Epic Records ประกาศการวางจำหน่ายผลงานชิ้นใหม่ ชื่ออัลบั้ม "[[เอ็กซ์สเกป (อัลบั้ม)|เอ็กซ์สเกป]]" เป็นรวมผลงานบันทึกเสียงของไมเคิล แจ็กสันที่ไม่เคยนำออกเผยแพร่ที่ใดมาก่อน 8 เพลง มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 13 พฤษภาคม ในช่วงงานประกาศผลรางวัลบิลบอร์ดมิวสิกอวอร์ด ปี 2014 วันที่ 18 พฤษภาคม ปรากฏการณ์เทคโนโลยี "Pepper's ghost" ของแจ็คสันได้ปรากฏตัวขึ้นเต้นในการแสดงเพลง "[[Slave to the Rhythm]]" หนึ่งในเพลงอัลบั้มเอ็กซ์สเกป ในท้ายปีวงควีน ได้ปล่อยเพลงที่ร่วมร้องกันระหว่าง[[เฟรดดี เมอร์คูรี]] และแจ็กสันที่เขาบันทึกเสียงไว้ในช่วงยุค 1980 ในเดือนธันวาคม 2015 อัลบั้ม Thriller กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายเกิน 30 ล้านในสหรัฐอเมริกา และได้รับรองแพลทินัม 30
 
รายได้ของแจ็กสัน เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่เขาเสียชีวิต ตามรายงานของนิตยสาร Forbes ปี 2016 เขาเป็นศิลปินที่มีรายได้สูงสุดหลังเสียชีวิตในแต่ละปีนับตั้งแต่วันที่เขาเสียชีวิต โดยมีตัวเลขหลายล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ($825 เหรียญสหรัฐ ในปี 2016)
 
== แนวเพลงและการแสดง ==
บรรทัด 250:
 
[[ไฟล์:__MJmakingThriller.jpg__|thumb|left|แจ็กสันและเหล่านักเต้น กับเพลงที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของมิวสิกวีดีโอ [[ไมเคิล แจ็กสัน ทริลเลอร์|"Thriller"]]]]
ในมิวสิกวีดีโอเวอร์ชันเต็มความยาว 19 นาที เพลง "Bad" ซึ่งกำกับโดย[[มาร์ติน สกอร์เซซี]] แจ็กสันได้ใช้ภาพลักษณ์เกี่ยวกับเพศและการเต้น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในงานเขา เขาจะจับหรือแตะที่หน้าอก ลำตัวและเป้า ต่อมาในการสัมภาษณ์เมื่อปี 1993 [[โอปราห์ วินฟรีย์]] ได้ถามเขาถึงที่มาของท่านี้ เขาอธิบายว่า "มันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่คุณกำลังเต้น สื่อสารภาษาดนตรี และเสียงต่างๆเคล้าคลอที่จะปั่นอารมณ์ให้ไปตามเสียงนั้น เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ผมก็คว้าจับตัวผมเอง มันเป็นดนตรีที่ขับดันให้ผมทำเช่นนั้น มันไม่ได้หมายความว่า เอาล่ะ เมื่ออยู่บนเวทีแล้วผมต้องเอามือแตะเป้าล่ะนะ บางครั้งเมื่อกลับไปดูบันทึกการแสดงย้อนหลัง ผมยังเคยคิดว่า นี่ผมทำแบบนั้นด้วยเหรอ ผมตกเป็นทาสของจังหวะเข้าแล้ว"<ref>http://www.mjshouse.com/stories/oprah.html</ref> "Bad" ได้รับกระแสตอบรับที่หลากหลายทั้งจากแฟนและนักวิจารณ์ โดย''นิตยสารไทม์'' บอกไว้ว่า "น่าขายหน้า" ในมิวสิกวิดีโอยังร่วมด้วย[[เวสลีย์ สไนปส์]] ซึ่งตอนนั้นยังไม่โด่งดัง<ref name = "tara 370–373">Taraborrelli, pp. 370–373</ref><ref name="Who's Bad? TIME">{{cite news |first=Richard |last=Corliss|authorlink=Richard Corliss |url=http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,979177,00.html?internalid=ACA |title=Who's Bad? |publisher=Time |date=September 6, 1993|accessdate=April 23, 2008}}</ref> สำหรับมิวสิกวิดีโอ "[[Smooth Criminal]]" แจ็กสันได้ทดลองนวัตกรรม "การเอนต้านแรงโน้มถ่วง 45องศา" เพื่อให้บรรลุผลในการแสดงสดนี้ แจ็กสันและนักออกแบบได้พัฒนารองเท้าพิเศษที่ล็อกเท้าของนักแสดงไปยังเวทีที่ช่วยให้พวกเขาโน้มไปข้างหน้า พวกเขาได้รับสิทธิบัตรสหรัฐฯสหรัฐ 5,255,452 สำหรับอุปกรณ์ <ref>{{cite web |url=http://www.google.com/patents?vid=5255452|title=U.S. Patent 5,255,452; "Method and Means For Creating Anti-Gravity Illusion"; Michael J. Jackson, Michael L. Bush, Dennis Tompkins, issued Oct 26, 1993, Filed June 29, 1992}}</ref> และถึงแม้ว่ามิวสิกวิดีโอเพลง "Leave Me Alone" จะไม่ได้ออกอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา แต่ในปี 1989 ก็ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 4 [[รางวัลบิลบอร์ดมิวสิกวิดีโออวอร์ดส]] และในปีเดียวกันก็ได้รับ 3 [[รางวัลสิงโตทองคำ]] สำหรับสเปเชียลเอฟเฟกต์ในการผลิตผลงาน ต่อมาในปี 1990 "Leave Me Alone" ได้รับรางวัลแกรมมี่ในสาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม ประเภทสั้น<ref name = "Nelson George overview 43-44">George, pp. 43–44</ref>
 
เอ็มทีวีได้มอบรางวัล "ศิลปินผู้นำด้านมิวสิกวิดีโอแห่งทศวรรษ" ในปี 1988 และเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จแก่เขาในรูปแบบงานศิลปะตลอดคริสต์ทศวรรษ 1980 ปีต่อมา 1991 ชื่อรางวัลดังกล่าวก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อเขาเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา <ref name = "Nelson George overview 45-46">George, pp. 45–46</ref> "[[Black or White]]" ยังเป็นที่กล่าวขวัญ โดยเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1991 ออกอากาศปฐมทัศน์พร้อมกันใน 27 ประเทศ มีผู้ชมประมาณ 500 ล้านคน ถือเป็นยอดจำนวนคนดูที่มากที่สุดสำหรับมิวสิกวิดีโอ <ref>http://www.today.com/id/15529981#.V2LSdRKAeMg</ref> ในมิวสิกวิดีโอมีฉากที่ถูกตีความว่าเกี่ยวกับธรรมชาติของการมีเพศสัมพันธ์และภาพความรุนแรง แต่ฉากดังกล่าวก็ถูกตัดออกไปเหลือเป็นเวอร์ชันยาว 14 นาที เพื่อป้องกันการถูกแบนและแจ็กสันก็ออกมาขอโทษในส่วนนี้<ref name="''Dangerous'' on Film">Michael Jackson ''Dangerous'' on Film VHS/DVD</ref> นอกจากแจ็กสันแล้ว ในมิวสิกวิดีโอนี้ยังมีดาราอย่าง [[แม็กคอเลย์ คัลกิน]] [[เพกกี ลิปตัน]] และ[[จอร์จ เวนดต์]] และจบลงด้วยการเปลี่ยนภาพด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญในมิวสิกวิดีโอนี้<ref>Campbell (1993), p. 303</ref>
บรรทัด 274:
 
== รางวัลและเกียรติยศ ==
[[ไฟล์:Thriller platinum record, Hard Rock Cafe Hollywood.JPG|thumb|''[[ทริลเลอร์ (อัลบั้ม)|Thriller]]'' ได้รับบันทึกแผ่นเสียงทองคำขาว จัดแสดงที่ฮาร์ดร็อคคาเฟ่ร็อกคาเฟ่ ฮอลในยูนิเวอร์ซิตี แคลิฟอร์เนีย]]
ไมเคิล แจ็กสัน ได้รับการบรรจุชื่ออยู่บน[[ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม]]เมื่อปี 1980 ในฐานะสมาชิกของเดอะแจ็กสันไฟฟ์ และศิลปินเดี่ยวในปี 1984 ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่มีชื่ออยู่ถึง 2 ครั้ง ตลอดอาชีพของเขา ได้สร้างความสำเร็จมานับครั้งไม่ถ้วน โดยการทำงานที่ผ่านมาเขาได้รับรางวัลต่างๆมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลจาก[[เวิลด์มิวสิกอวอร์ดส]]ในฐานะศิลปินป็อปชายที่มียอดขายมากที่สุดในสหัสวรรษ รางวัลศิลปินแห่งศตวรรษจาก[[อเมริกันมิวสิกอวอร์ดส]] และรางวัลศิลปินป็อปแห่งสหัสวรรษจากแบมบี<ref name = "Nelson George overview 50-53">George, pp. 50–53</ref><ref>{{cite web |url=http://www.hellomagazine.com/celebrities/2002/11/22/michaeljackson/ |title=Michael Jackson and Halle Berry Pick Up Bambi Awards in Berlin |accessdate=November 11, 2006 |work=[[Hello!]] |date= (November 22, 2002) |accessdate=July 23, 2008}}</ref> เขามีชื่ออยู่ถึง 2 ครั้งใน[[ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม]] ครั้งหนึ่งในฐานะสมาชิกวงเดอะแจ็กสันไฟฟ์ในปี 1997 และต่อมาในฐานะศิลปินเดี่ยวในปี 2001 เขายังมีชื่ออยู่ในหอเกียรติยศอีกหลายแห่ง รวมไปถึงโวคอลกรุ๊ปฮอลออฟเฟมในปี 1999 และซองไรเตอร์สฮอลออฟเฟมในปี 2002<ref name = "Nelson George overview 50-53"/> ในปี 2010 แจ็กสันเป็นคนแรก(และคนเดียวในปัจจุบัน)จากนักร้องป็อปและร็อกแอนด์โรลทั่วโลกที่ได้รับจารึกชื่ออยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของหอเกียรติยศแดนซ์ฮอลออฟเฟม ในปี 2014 เขายังมีชื่ออยู่ในอาร์แอนด์บีฮอลออฟเฟม เขาได้รับเชิญรางวัลพิเศษจากประธานาธิบดีที่ทำเนียบขาวถึง 2 ครั้ง ในปี 1992 เขายังได้รับรางวัลและการยกย่องจากประธานาธิบดีให้เป็น "Point of Light Ambassador" หรือแสงสว่างในชีวิต จากการเชื้อเชิญให้เด็กผู้ด้อยโอกาสเข้าไปเล่นในเนเวอร์แลนด์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งเขาเป็นศิลปินคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับรางวัลนี้<ref>http://juny.expertscolumn.com/article/michael-jackson-most-awarded-artist-all-time</ref>
 
บรรทัด 281:
==ความนิยมที่แพร่หลาย==
[[ไฟล์:Estatua Michael Jackson Santa Marta RJ.JPG|thumb|250x250px|อนุสาวรีย์ไมเคิล แจ็กสัน ที่ชุมชนซานต้า มาร์ต้า เมือง[[รีโอเดจาเนโร]] ประเทศบราซิล สถานที่ใช้ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ [[เดย์ดอนต์แคร์อเบาต์อัส|"They Don't Care About Us"]]]]
ในปีค.ศ 1984 หนังสือพิมพ์ของ[[สาธารณรัฐเกาหลี]] ได้ตีพิมพ์บทความ"ฤดูกาลแห่งความนิยม" โดยใช้ผลสำรวจของเยาวชนพบว่าที่โรงเรียน[[ประถมศึกษา]]ไม่มีนักเรียนคนใดไม่รู้จักไมเคิล แจ็กสันและเด็กๆยังมีความกระตือลือล้นในเพลงของเขา รายงานดังกล่าวยังได้ทำผลสำรวจเพิ่มเติมและพบว่าเด็กนักเรียนต่างรู้จักแจ็กสันแม้จะเป็นชื่อของนักร้องต่างประเทศ<ref>http://newslibrary.naver.com/viewer/index.nhn?articleId=1984032100209201021&editNo=2&printCount=1&publishDate=1984-03-21&officeId=00020&pageNo=1&printNo=19220&publishType=00020</ref>นอกจากนี้จากการสำรวจในหัวข้อ"บุคคลระดับโลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุด"โดยใช้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กในระดับประถมศึกษากว่า 2,000 คน พบว่าแจ็กสันได้รับการโหวตให้มากที่สุด ตามด้วยประธานาธิบดี[[โรนัลด์ เรแกน]] ,ลินคอล์น,และ[[ทอมัส เอดิสัน]]<ref>http://newslibrary.naver.com/viewer/index.nhn?articleId=1985010400209205001&editNo=2&printCount=1&publishDate=1985-01-04&officeId=00020&pageNo=5&printNo=19463&publishType=00020</ref>ในประเทศ[[ญี่ปุ่น]]แจ็กสันได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดียวกับโลกตะวันตก และเรียกเขาว่าเป็น "ปรากฏการณ์ระดับไต้ฝุ่น" ขณะที่รองประธานอาวุโสของบริษัทโซนี่ มิวสิคมิวสิกญี่ปุ่นยังกล่าวถึงเขาว่า "ไม่มีนักแสดงคนใดมีพลังเหมือนไมเคิล แจ็กสัน เขาเป็นที่รักสำหรับความสามารถของเขา ดนตรีของเขา การเต้นของเขา เช่นเดียวกับจิตใจที่อ่อนโยน"<ref>http://www.billboard.com/articles/news/268216/michael-jackson-remains-a-global-phenomenon?page=0%2C4</ref>ประเทศ[[แอฟริกา]]เขาได้รับการยกย่องในฐานะผู้ที่ทลายการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ เขายังทำให้วัฒนธรรมของคนผิวสีและนักร้องรุ่นหลังเป็นที่ยอมรับมากขึ้นอีกด้วย<ref>http://edition.cnn.com/2009/SHOWBIZ/Music/06/28/michael.jackson.black.community/</ref>เกาหลีก็ยังเป็นประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากแจ็กสันอย่างสูง<ref>http://www.asianews.it/news-en/Asia-mourns-for-Michael-Jackson-15619.html</ref> แจ็กสันยังได้รับความนิยมอย่างมากใน[[อินเดีย]] ด้วยความนิยมของศิลปินตะวันตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของแจ็กสันได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ฮาร์ด คอร์ด นักร้องชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียพูดว่า"ถ้าคุณไปที่หมู่บ้านใดๆหรือทั่วทุกมุมในประเทศอินเดียคุณจะพบว่าทุกคนคุ้นเคยกับชื่อของไมเคิล แจ็กสัน ไม่มีนักดนตรีคนไหนจะแทนที่เขาได้"<ref>https://books.google.co.th/books?id=T0sB47TxoCwC&pg=PT18&lpg=PT18&dq=ahir+bhairab+borthakur+michael+jackson&source=bl&ots=SeWz1RTrx0&sig=c4q-gr-Z9VLKlmQ9p2viaiC1x24&hl=th&sa=X&ved=0ahUKEwjym-jlov_MAhUDso8KHQVfA_MQ6AEIGjAA#v=onepage&q=ahir%20bhairab%20borthakur%20michael%20jackson&f=false</ref><ref>http://www.billboard.com/articles/news/268216/michael-jackson-remains-a-global-phenomenon?page=0%2C4</ref>ในประเทศปากีสถาน แจ็กสันยังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเช่นเดียวกับ[[โคคาโคล่า]] ขณะที่ประเทศจีนซึ่งปิดตัวเองจากโลกตะวันตกมาจนถึงทศวรรษ 80 แจ็กสันก็ยังมีชื่อเสียงอย่างมาก ในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในชุดสูทสีน้ำตาลอมเหลืองและรัฐก็ยังควบคุมการเปิดเพลงทางวิทยุ แจ็กสันยังเป็นศิลปินคนแรกที่นำพาวัฒนธรรมเพลงป็อปตะวันตกมาสู่ประเทศ <ref>http://www.billboard.com/articles/news/268216/michael-jackson-remains-a-global-phenomenon?page=0%2C4</ref>
 
[[ไฟล์:__People Dancing Thriller.jpg__|thumb|left|ผู้คนกว่า 13,957 คน เต้นเพลงทริลเลอร์เพื่อไว้อาลัยแก่เขาในกรุงเม็กซิโกซิตี้]]
ชาร์ลี เคนดัลล์ ผู้อำนวยของสถานีวิทยุร็อคนิวยอร์กร็อกนิวยอร์ก อธิบายถึงเขาว่า "ไมเคิล แจ็กสันเป็นวัฒนธรรมของมวลชน เขาดึงดูดความสนใจของทุกคน" และกล่าวว่า "ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเขามีเสียงที่น่าเกรงขามและลีลาที่สมบูรณ์แบบ เขาสามารถเต้นราวกับไม่ใช่มนุษย์ เขาดึงดูดความสนใจของคนทุกเพศทุกวัยและผู้ฟังเพลงทุกประเภท อย่างยากที่จะจำแนกหมวดหมู่"<ref>http://www.nytimes.com/1984/01/14/arts/michael-jackson-at-25-a-musical-phenomenon.html?pagewanted=all</ref> ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกก็ยังเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พบกับผู้นำประเทศในหลายทวีป นอกจากวงการดนตรีแล้ว แจ็กสันยังมีอิทธิพอย่างมากต่อวงการแฟชั่น ฟิลลิป โบลช สไตลิสชื่อดัง กล่าวว่า "ไมเคิล แจ็กสัน ไม่ได้รับอิทธิพลจากแฟชั่น แต่แฟชั่นต่างหากที่ได้รับอิทธิพลจากเขา"<ref>https://www.notjustalabel.com/editorial/style-autopsy-king-pop</ref>เขายังมีบทบาทด้านมนุษยธรรมและการช่วยเหลือเด็กและสังคม ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกเดนเจอรัสเวิลด์ทัวร์ เขายังได้ยกผลกำไรทั้งหมดเข้าสู่มูลินิธิการกุศล และยังได้มอบเงินให้แก่มูลนิธิในทุกประเทศที่เขาเดินทาง<ref>http://www.borgenmagazine.com/michael-jacksons-donation-history/</ref> ในขณะที่การเสียชีวิตของเขากลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทั่วโลก สื่อประเทศฮ่องกงได้นำเสนอข่าวว่า "ไม่มีส่วนใดของเอเชีย...และที่เหลือของโลก จะไม่จดจำไมเคิล แจ็กสัน" เว็บไซด์ชื่อดังของจีนขนามนามเขาว่า "นักร้องที่โดดเด่นที่สุดตลอดกาล" ขณะที่หลายๆคนทั่วโลกต่างรู้สึกว่าการเสียชีวิตของเขาเป็นเหมือนการสูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก นับได้ว่าเขาเป็นซุปเปอร์สตาร์ของโลกผู้สร้างปรากฏการณ์อย่างแท้จริง <ref>http://www.asianews.it/news-en/Asia-mourns-for-Michael-Jackson-15619.html</ref> หลังครบรอบวันเกิดของเขาในปีเดียวกัน ชาวเม็กซิโกยังได้ไปชุมนุมกันในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ กว่า 13,957 คน เพื่อเต้นรำตามจังหวะและท่าทางตามเพลง " ทริลเลอร์ " เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่เขา นับเป็นการเต้นรำหมู่เพลงทริลเลอร์ที่ทำลายสถิติกินเนสบุ้คมีจำนวนคนเข้าร่วมมากที่สุด<ref>http://www.nbcbayarea.com/entertainment/music/NATL-Jackson-Fans-Attempt-to-Thrill-the-World-With-Dance-Record-65930232.html</ref>
 
หลังจากที่เขาเสียชีวิตไม่นานในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เอ็มทีวีปรับเปลี่ยนช่องโดยเล่นมิวสิกวิดีโอของเขาเพื่อเป็นการอุทิศและเฉลิมฉลองในงานของเขา<ref>{{cite news|last=Barnes|first=Brokes|title=A Star Idolized and Haunted, Michael Jackson Dies at 50 |url=http://www.nytimes.com/2009/06/26/arts/music/26jackson.html?ref=obituaries|work=New York Times|date=June 25, 2009|accessdate=July 12, 2009}}</ref> สถานียังออกอากาศมิวสิกวิดีโอของเขาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และยังมีการสัมภาษณ์สดในปฏิกิริยาตอบรับทั้งจากพิธีกรเอ็มทีวีและเหล่าบุคคลมีชื่อเสียง ตลอดทั้งสัปดาห์ยังมีรายการและยังมีการถ่ายทอดสดพิธีไว้อาลัย <ref>{{cite web|title=More adds, loose ends, and lament|url=http://altmusictv.blogspot.com/2009/07/more-adds-loose-ends-and-lament.html|work=The 120 Minutes Archive|date=July 25, 2009|accessdate=July 26, 2009}}</ref> ในพิธีไว้อาลัย ณ วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงโมทาวน์ เบอร์รี กอร์ดี ยังสรรเสริญแจ็กสันว่าเป็น "คนบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา" <ref>{{cite web |title=Farewell to a King|url=http://www.people.com/people/archive/article/0,,20292614,00.htmll|work=''People'' |date=July 20, 2009 |accessdate=November 26, 2009}}</ref><ref>{{cite web |title=BERRY GORDY – GORDY BRINGS MOURNERS TO THEIR FEET WITH JACKSON TRIBUTE|url=http://www.contactmusic.com/news.nsf/story/gordy-brings-mourners-to-their-feet-with-jackson-tribute_1108973|work=''Contact Music'' |date=July 7, 2009 |accessdate=November 26, 2009}}</ref><ref>{{cite web |title=Michael Jackson hailed as greatest entertainer, best dad|url=http://uk.reuters.com/article/idUKTRE5615KN20090708|work=''Reuters UK'' |date=July 8, 2009 |accessdate=November 26, 2009}}</ref>
บรรทัด 291:
 
==รายได้==
คาดว่า ไมเคิล แจ็กสัน มีรายได้ประมาณ 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงชีวิตของเขา<ref>{{cite news|title= Stress killed MJ, says ex-publicist |url= http://timesofindia.indiatimes.com/entertainment/hollywood/news-interviews/Stress-killed-MJ-says-ex-publicist/articleshow/4709371.cms?referral=PM |newspaper= [[The Times of India]] |date= June 27, 2009 |accessdate= May 31, 2015}}</ref> ยอดขายจากการบันทึกเสียงเพลงของเขากับค่าย Sony ทำให้เขาได้รับค่าลิขสิทธิ์ประมาณ 300 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เขาได้รับเงินเพิ่มอีก 400 ล้านดอลลาร์ จากการทัวร์คอนเสิร์ต ,การรับรองการขายสินค้า และมิวสิคมิวสิกวิดีโอ การประเมินรายได้เหล่านี้ที่แจ็คสันสามารถหาได้ยากเนื่องจากต้องเสียภาษีรายจ่ายในการบันทึกเสียง และต้นทุนการผลิต<ref>{{cite news|first= Timothy L |last= O'Brien |title= What Happened to the Fortune Michael Jackson Made? |newspaper= The New York Times |page= 1 |date= May 14, 2006 |accessdate= March 16, 2013 |url= https://www.nytimes.com/2006/05/14/business/yourmoney/14michael.html}}</ref>
 
===รายได้ในช่วงที่แจ็คสันยังมีชีวิตอยู่===
บรรทัด 301:
!ปี!!มูลค่าทรัพย์สิน!!มูลค่าหนี้สิน!!รายได้!!แหล่งที่มา
|-
|2002 || $130 ล้านเหรียญสหรัฐ|| $415 ล้านเหรียญสหรัฐ||-$285 ล้านเหรียญสหรัฐ|| นักบัญชีนิติเวชในปี 2005 เรียกคืนงบดุลของแจ็คสันในคำสาบาน<ref>{{cite news|first= Linda |last= Deutsch |date= May 4, 2005 |url= http://legacy.sandiegouniontribune.com/uniontrib/20050504/news_1n4jackson.html |title= Forensic accountant tells court Jackson is in financial straits |newspaper= [[San Diego Union-Tribune]]}}</ref>
|-
|2003 || $550 ล้านเหรียญสหรัฐ ($100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในทุกอย่างรวมทั้งฟาร์มใน Neverlandเนเวอร์แลนด์; บ้าน Encino , ลาสเวกัส และอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ และ $450 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการถือครองเพลงสัดส่วนการถือหุ้นรวม 50% จาก Sony ATV และเผยแพร่เพลงอื่น ๆ) || $200 ล้านเหรียญสหรัฐ|| $350 ล้านเหรียญสหรัฐ|| ''Forbes'', November 21, 2003<ref>{{cite magazine|first= Brett |last= Pulley |title= Michael Jackson's Ups And Downs |magazine= Forbes |date= November 21, 2003 |accessdate= May 31, 2015 |url= https://www.forbes.com/2003/11/21/cz_1121jackson.html}}</ref>
|-
|2007 || $567.6 ล้านเหรียญสหรัฐ || $331 ล้านเหรียญสหรัฐ|| $236 ล้านเหรียญสหรัฐ|| Michael Jackson's March 2007 statement of financial condition prepared by Washington-based accounting firm Thompson, Cobb, Bazilio & Associates; described by CBS News as the clearest account yet of Jackson's finances.<ref>{{cite news|url= http://www.cbsnews.com/news/family-michael-jackson-had-a-will/ |title= Family: Michael Jackson Had A Will |publisher= CBS News |date= June 30, 2009 |accessdate= May 31, 2015}}</ref>
|}
 
บรรทัด 406:
[[หมวดหมู่:ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน]]
[[หมวดหมู่:ศิลปินสังกัดโมทาวน์เรเคิดส์]]
[[หมวดหมู่:ศิลปินสังกัดโซนี่ มิวสิคมิวสิก]]
[[หมวดหมู่:ศิลปินสังกัดอีพิกเรเคิดส์]]
[[หมวดหมู่:ผู้ที่ได้รับรางวัลแกรมมี]]