ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จอมเวทย์มหากาฬ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Anonimeco (คุย | ส่วนร่วม)
แก้ไขรายได้ (ดูเพิ่ม WP:MOSNUM)
Anonimeco (คุย | ส่วนร่วม)
แก้คำ
บรรทัด 44:
ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ เคยถูกนำมาเป็นภาพยนตร์ซึ่งอยู่ในพัฒนาในระหว่างกลางทศวรรษ 1980 จนกระทั่ง [[พาราเมาต์พิกเจอส์]] มีสิทธิ์สร้างภาพยนตร์ในเมษายน 2005 โดยมีมาร์เวลเป็นผู้ดูแล
 
''จอมเวทย์มหากาฬ'' มีกำหนดเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ในระบบสามมิติและ[[ไอแมกซ์]]
 
== เรื่องย่อ ==
บรรทัด 53:
สเตรนจ์เริ่มเรียนวิชากับแองเชี่ยนวันและมอร์โด และศึกษาตำราจากห้องสมุดที่ดูแลโดยหว่อง สเตรนจ์พบว่าโลกได้รับการปกป้องจากมิติอื่นจากสาม "อาศรม" ทั่วโลกได้แก่ นครนิวยอร์ก ลอนดอนและฮ่องกง หน้าที่ของนักเวทคือปกป้องอาศรมดังกล่าว สเตรนจ์ตั้งใจว่าจะใช้วิชาในการรักษามือเขาให้หาย หลายเดือนผ่านไป ความสามารถของสเตรนจ์แก่กล้าขึ้น เขาใช้ดวงตาแห่งอากามอตโตในการย้อนเวลาเพื่ออ่านหน้ากระดาษที่ไคซีเลียสขโมยไป แต่มอร์โดและหว่องเตือนสเตรนจ์ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝืนกฎธรรมชาติ คล้ายกับไคซีเลียสที่มาฝึกวิชาหลังสูญเสียคนรัก เขาจึงต้องการให้ทุกคนมีอายุยืนยาวเช่นเดียวกับแองเชี่ยนวัน
 
ไคซีเลียสและลูกน้องเริ่มร่ายเวทที่ได้จากหน้ากระดาษเพื่อเรียก[[ดอร์มัมมูดอร์มามมู]] เจ้าแห่งมิติมืด ซึ่งเป็นมิติที่ไม่มีเวลาและทุกสิ่งเป็นอมตะ ดอร์มามมูทำลายอาศรมลอนดอน ด้านสเตรนจ์ไปที่อาศรมนิวยอร์กและต้านทานกลุ่มไคซีเลียสไว้ได้จนมอร์โดและแองเชี่ยนวันตามมาช่วย สเตรนจ์และมอร์โดตกใจเมื่อไคซีเลียเปิดเผยว่าอายุขัยที่ยืนยาวของแองเชี่ยนวันมาจากการใช้พลังของดอร์มามมู ไคซีเลียสทำร้ายแองเชี่ยนวันจนตายก่อนหนีไปที่ฮ่องกง ด้านสเตรนจ์และมอร์โดตามไปที่ฮ่องกงและพบว่าหว่องถูกฆ่าและอาศรมถูกทำลาย ตอนนี้โลกถูกครอบงำโดยมิติมืด สเตรนจ์จึงใช้ดวงตาแห่งอากามอตโตในการย้อนเวลาและชุบชีวิตให้หว่อง ก่อนจะสร้างห่วงเวลาในมิติมืดที่มีแต่ตัวเขากับดอร์มามูวนเวียนอยู่ในนั้นตลอดไป สเตรนจ์บอกดอร์มามมูว่าเขาจะหยุดห่วงเวลาหากดอร์มามมูยอมไปจากโลก ดอร์มามมูยอมตกลงและพาตัวไคซีเลียสและกลุ่มซีลอตไปด้วย
 
มอร์โดขอแยกตัวจากสเตรนจ์เพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเขา สเตรนจ์นำดวงตาแห่งอากามอตโตไปคืนที่เดิม ด้านหว่องพูดถึงอินฟินีตีสโตน ในฉากกลางเครดิต สเตรนจ์พบกับธอร์ ผู้พาโลกิมาที่โลกเพื่อตามหาโอดิน พ่อของตน ในฉากหลังเครดิต มอร์โดไปพบแพงบอร์นและยึดพลังที่ทำให้เขาเดินได้มา พร้อมกับบอกว่าโลกนี้มีนักเวทมากเกินไป