ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศเอสวาตินี"

| conventional_long_name = ราชอาณาจักรเอสวาติเอสวาตีนี

| common_name = เอสวาติเอสวาตีนี

| leader_name1 = [[สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งสวาซิแลนด์|สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาติเอสวาตีนี]]

'''เอสวาติเอสวาตีนี''' ({{lang-en|eSwatini}}; {{lang-ss|eSwatini}}) หรือชื่อเดิม '''สวาซิแลนด์''' ({{lang-en|Swaziland}}) หรือชื่อทางการคือ '''ราชอาณาจักรเอสวาติเอสวาตีนี''' ({{lang-en|Kingdom of eSwatini}}; {{lang-ss|Umbuso weSwatini}}) เป็นประเทศหนึ่งใน[[ภูมิภาคแอฟริกาใต้]]ซึ่งเป็น[[ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล]] มีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่ คือ [[ประเทศแอฟริกาใต้|แอฟริกาใต้]] และ[[ประเทศโมซัมบิก|โมซัมบิก]]

ชนชาติสวาซีเป็นชนเผ่างูนี เดิมอาศัยอยู่ทาง[[แอฟริกากลาง]] ชนชาติสวาซีหรือ[[เผ่างูนี]] ได้เคลื่อนย้ายลงมาทาง[[แอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้]] ซึ่งเป็นที่ตั้งของราชอาณาจักรเอสวาติเอสวาตีนีในปัจจุบันประมาณปี ค.ศ. 1750 ภายใต้การปกครองของ[[พระเจ้าอึงวาเนที่ 3]] จึงได้ถือว่ากษัตริย์พระองค์นี้เป็นกษัตริย์องค์แรกของราชอาณาจักรเอสวาติเอสวาตีนีปัจจุบัน โดยครองราชย์อยู่จนถึงปี ค.ศ. 1780 เมื่อชนชาติเอสวาติเอสวาตีนีอพยพลงมาอาศัยมาในบริเวณที่เป็นที่ตั้งของประเทศนี้ ใหม่ ๆ ได้เกิดข้อขัดแย้งในการแย่งดินแดนกับชนเผ่าซูลู ซึ่งมีความเข้มแข็งกว่าชนเผ่าสวาซี

ต่อมาเมื่อมีการขุดพบ[[ทองคำ]]ในภูมิภาคนี้เมื่อปี ค.ศ. 1879 จึงมีคนผิวขาวจากยุโรปอพยพเข้าไปแสวงโชคกันมากและยึดดินแดนในภูมิภาคนี้เป็นเมืองขึ้น เอสวาติเอสวาตีนีได้ตกเป็นเมืองขึ้นของคนผิวขาวเชื้อสายดัตช์ ซึ่งได้ครองดินแดนซึ่งเป็นที่ตั้งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ปัจจุบันด้วย ในขณะนั้นเรียกว่า Boer Republic of Transvaal ต่อมาคนเชื้อสายอังกฤษได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้และได้ทำสงครามชนะคนเชื้อสายดัช (Boer) เมื่อปี ค.ศ. 1903 เอสวาติเอสวาตีนีจึงกลายเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษหรือเป็น British High Commission Territory เอสวาติเอสวาตีนีได้รับเอกราชเมื่อ [[6 กันยายน]] ค.ศ. 1968 ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับเอกราช เอสวาติเอสวาตีนีเคยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามแบบอย่างของประเทศตะวันตก โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีพรรคการเมืองหลายพรรคและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกตั้ง

ต่อมาระหว่างปี ค.ศ. 1973-1977 [[สมเด็จพระราชาธิบดีซอบูซาที่ 2]] แห่ง[[ราชวงศ์ดลามีนี]] ได้ทรงปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงการปกครองของเอสวาติเอสวาตีนี โดยได้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มอำนาจการปกครองให้อยู่ภายใต้พระราชอำนาจของ[[พระมหากษัตริย์]] และห้ามการจัดตั้งพรรคการเมือง นอกจากนี้ ได้ทรงวางรากฐานการปกครองประเทศเอสวาติเอสวาตีนีซึ่งใช้ปกครองประเทศสืบมาจนถึงปัจจุบัน โดยทรงนำแนวทางการปกครองประเทศแบบตะวันตกผสมผสานกับการปกครองตามประเพณีดั้งเดิมเข้าด้วยกัน ปัจจุบันสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ซึ่งมีอิทธิพลเหนือราชอาณาจักรเอสวาติเอสวาตีนีพยายามกดดันให้เอสวาติเอสวาตีนีเปลี่ยนเปลงการปกครองเพื่อให้เป็น[[ประชาธิปไตย]]มากขึ้น

เมื่อเอสวาติเอสวาตีนีเป็นประเทศ[[เอกราช]]แล้ว ก็มีการปกครองปกครองระบอบ[[ประชาธิปไตย]] แต่ในปี 2520 [[สมเด็จพระราชาธิบดีซอบูซาที่ 2]] (Sobhuza II) ทรงเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบ[[สมบูรณาญาสิทธิราชย์]] ตราบถึงทุกวันนี้ แต่หลังการสวรรคตของกษัตริย์ซอบูซาที่ 2 ได้มีการสถาปนาพระเจ้าอึมสวาตีที่ 3 ซึ่งมีพระมารดาคือพระสนมอึนตอมบีเป็นผู้ปกครองร่วม ทำให้เกิดการแบ่งอำนาจในลักษณะที่เรียกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์คู่ (Dual Monarchy)<ref name="ดลามีนี"/> ซึ่งมีโครงสร้างการเมืองที่รวมศูนย์กลางอยู่ที่กษัตริย์, พระมารดา และเหล่าเชื้อพระวงศ์ และพระญาติที่เป็นเพศชายของทั้งสองพระองค์<ref name="ดลามีนี"/> กษัตริย์มีพระราชอำนาจเหนือระบบศาลและการทหาร รวมไปถึงอำนาจในการแบ่งปันที่ดินแก่ราษฎรทั่วประเทศ แต่อำนาจเหล่านี้จะถูกต้องตามกฎหมายและมีความชอบธรรมได้ก็ต่อเมื่อได้ความร่วมมือจากพระมารดา<ref name="ดลามีนี"/>

เอสวาติเอสวาตีนีแบ่งการปกครองใหญ่เป็น 4 [[จังหวัดของเอสวาติเอสวาตีนี|จังหวัด]] คือ

เศรษฐกิจของเอสวาติเอสวาตีนีเป็นเศรษฐกิจขั้นปฐมภูมิ พึ่งพิงภาคการ[[เกษตร]]และ[[อุตสาหกรรมการเกษตร]] ประชาชนอยู่ในภาคการเกษตรกว่าร้อยละ 80 นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจของเอสวาติเอสวาตีนียังผูกพันอยู่กับสาธารณรัฐ[[แอฟริกาใต้]]เป็นอย่างมาก โดยประมาณร้อยละ 80 ของสินค้านำเข้าจากแอฟริกาใต้ และร้อยละ 30 ของสินค้าส่งออกของเอสวาติเอสวาตีนีส่งไปยังแอฟริกาใต้ นอกจากนั้น ระบบการเงินและการคลังรวมทั้งระบบภาษีศุลกากรของเอสวาติเอสวาตีนีก็ผูกพันกับแอฟริกาใต้

[[หมวดหมู่:ประเทศในทวีปแอฟริกา|เอสวาติเอสวาตีนี]]

[[หมวดหมู่:ประเทศในเครือจักรภพ|เอสวาติเอสวาตีนี]]

[[หมวดหมู่:ประเทศเอสวาติเอสวาตีนี| ]]