ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟรันซิสโก ฟรังโก"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แก้ชื่อให้ตรงกับบทความ |
|||
บรรทัด 53:
}}
'''ฟรันซิสโก เปาลีโน เอร์เมเนคิลโด เตโอดูโล ฟรังโก อี บาอามอนเด ซัลกาโด ปาร์โด''' ({{lang-es|Francisco Paulino Hermenegildo Teódulo Franco y Bahamonde Salgado Pardo}}) หรือที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ '''จอมพลฟรันซิสโก ฟรังโก''' (Francisco Franco) และ '''''เอลโกว์ดีโย''''' หรือ "ท่านผู้นำ" (El Coudillo) (เกิด [[4 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2435]] - ถึงแก่กรรม [[20 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2518]]) เป็นจอมพลและผู้เผด็จการ[[ชาวสเปน]]ในช่วงปี [[พ.ศ. 2479]]-[[พ.ศ. 2518|2518]] เกิดที่[[เอลเฟร์โร|เมืองเอลเฟร์โรล]] [[แคว้นกาลิเซีย]] ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ[[ประเทศสเปน]] จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยโตเลโดในปี [[พ.ศ. 2453]] ได้รับประสบการณ์ในการรบเป็นอย่างมากใน[[สงครามโมร็อกโก]] และได้เป็นนายพลที่หนุ่มที่สุดของประเทศสเปนเมื่อปี [[พ.ศ. 2469]] ระหว่างสมัย[[สาธารณรัฐสเปน
ในปี [[พ.ศ. 2479]] ฟรังโกได้เข้าร่วมสมรู้ร่วมคิดกับฝ่ายกบฏเพื่อต่อต้านรัฐบาล (เลือกตั้งเมื่อ [[พ.ศ. 2479]]) และลงมือก่อการกบฏเมื่อวันที่ 17-18 กรกฎาคมซึ่งได้กลายเป็นชนวน[[สงครามกลางเมืองสเปน]] ([[พ.ศ. 2479]]-[[พ.ศ. 2482|2482]]) ความเป็นผู้นำของฟรังโกในกองทัพ[[แอฟริกา]]ที่สำคัญยิ่งและความใกล้ชิดสนิทสนมกับ[[อิตาลี]]และ[[เยอรมนี]]ซึ่งเข้าข้างฝ่ายกบฏ ทำให้ฟรังโกกลายเป็นนายพลผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายกบฏและเป็นประมุขประเทศของคณะรักชาติ ระหว่างเดือนตุลาคม 2479 - เมษายน 2482 ฟรังโกได้เป็นผู้นำคณะชาติสู่ชัยชนะ และนับแต่นั้นมาก็ได้วางรากฐานระบอบเผด็จการที่ยั่งยืนมาจนถึงวันสิ้นชีวิต
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ระยะแรกฟรังโกยืนอยู่ข้างเยอรมนีและอิตาลีในลักษณะผู้ไม่เข้าร่วมประกาศสงครามมากว่าการเป็นประเทศไม่
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไกล ในปี [[พ.ศ. 2512]] จอมพลฟรังโกได้ประกาศให้เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า หากตนสิ้นชีวิตไปแล้ว ขอให้มีการสถาปนาระบอบกษัตริย์ขึ้นมาใหม่โดยแต่งตั้งให้ "[[สมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปน|เจ้าชายควน การ์โลส]]" พระราชนัดดาของกษัตริย์องค์สุดท้ายขึ้นครองราชย์ และเพียงภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี จากการสิ้นชีวิตของฟรังโก ความเป็นเผด็จการของสเปนได้หายไปอย่างที่อาจเรียกได้เกือบไม่มีร่องรอยให้เห็น
|