ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟินเซนต์ ฟัน โคค"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 24:
'''ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค''' ({{lang-nl|{{audio|Nl-Vincent_van_Gogh.ogg|Vincent Willem van Gogh}}}}; 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 — 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1890)<ref group ="เชิงอรรถ">คำอ่านในภาษาอังกฤษบริติชมีทั้ง {{IPAc-en|ˌ|v|æ|n|_|ˈ|ɡ|ɒ|x}} ''แวน โกค'' หรือบ้าง {{IPAc-en|ˌ|v|æ|n|_|ˈ|ɡ|ɒ|f}} ''แวน กอฟ'' พจนานุกรมสหรัฐลงว่า {{IPAc-en|ˌ|v|æ|n|_|ˈ|ɡ|oʊ}} ''แวน โก''</ref> คนไทยมักเรียก '''วินเซนต์ แวน โก๊ะ''' เป็นจิตรกร[[ชาวดัตช์]]ใน[[ลัทธิประทับใจยุคหลัง]] ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงและอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก เขาสร้างสรรค์งานศิลป์กว่า 2,100 ชิ้นในเวลาเพียงสิบปีกว่า ในจำนวนนี้เป็นภาพสีน้ำมัน 860 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตขึ้นในสองปีสุดท้ายของชีวิตเขา ผลงานของเขามีทั้ง[[Trees and Undergrowth (Van Gogh series)|ภาพภูมิประเทศ]] [[Still life paintings by Vincent van Gogh (Paris)|ภาพนิ่ง]] [[Portraits by Vincent van Gogh|ภาพคนเหมือน]] และ[[Portraits of Vincent van Gogh|ภาพเหมือนตนเอง]] ซึ่งล้วนมีลักษณะเด่นเป็นสีสันจัดจ้านและงานพู่กันที่ฉวัดเฉวียนแฝงอารมณ์ชวนประทับใจอันช่วยสร้างรากฐานให้แก่[[ศิลปะสมัยใหม่]] หลังทนทุกข์เพราะไข้ใจและความจนมานานหลายปี เขาปลิดชีวิตตนเองเมื่ออายุได้ 37 ปี
เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางชั้นสูง เขาเป็นเด็กที่เคร่งขรึม พูดน้อย แต่คิดมาก เมื่อโตเป็นหนุ่ม เขาทำงานเป็นนายหน้าขายศิลปกรรม จึงเดินทางบ่อย แต่เมื่อต้องย้ายบ้านไปอยู่ลอนดอน เขาก็ตกอยู่ใน[[ภาวะซึมเศร้า]] จึงหันไปหาศาสนา ปฏิบัติศาสนกิจในฐานะ[[มิชชันนารี]]แห่ง[[โปรเตสแตนต์]]ทางภาคใต้ของเบลเยียม ชีวิตเขาล่องลอยไปมาระหว่างสุขภาพอันทรุดโทรมกับความโดดเดี่ยวอ้างว้าง กระทั่งมาจับงานวาดเขียนเอาใน ค.ศ. 1881 หลังย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดเมืองนอนกับบิดามารดา เขาได้ [[Theo van Gogh (art dealer)|Theo]] น้องชาย คอยสนับสนุนทางการเงิน เขากับน้องติดต่อมาเสมอด้วย[[The Letters of Vincent van Gogh|จดหมายโต้ตอบ]] ผลงานชิ้นแรก ๆ ของเขาส่วนใหญ่เป็น[[Still life paintings by Vincent van Gogh (Netherlands)|ภาพนิ่ง]]และภาพแสดง[[Peasant Character Studies (Van Gogh series)|ชนชั้นกรรมกร]]มีไม่มากที่ใช้สีสันสดใสต่างจากผลงานชิ้นหลัง ๆ ครั้น ค.ศ. 1886 เขาย้ายไปอยู่ปารีส ได้พบเจอกับบรรดาสมาชิก[[กลุ่มล้ำยุค]] เช่น [[Émile Bernard (painter)|Émile Bernard]] กับ
เขาประสบปัญหาทางใจอยู่หลายช่วง และแม้จะกังวลเรื่องเสถียรภาพทางจิตใจของเขายิ่งนัก เขากลับละเลยสุขภาพทางกายไปเสียสิ้น ไม่กินไม่นอนตามสมควร ทั้งยังร่ำสุราอย่างหนัก ครั้งหนึ่ง เขามีปากเสียงกับ
ตอนมีชีวิตอยู่ เขาไม่ประสบความสำเร็จ กลับถูกมองว่า เป็นคนบ้า คนล้มเหลว แต่พอเสียชีวิตเพราะอัตวินิบาตกรรมแล้ว เขากลับโด่งดัง สถิตอยู่ในภาพจำของสาธารณชนในฐานะอัจฉริยบุคคลที่ถูกมองข้าม ถึงกลับมีคำกล่าวว่า เขาเป็น ศิลปิน "ผู้ซึ่งวาทกรรมเรื่องความบ้าคลั่งและความสร้างสรรค์มีเส้นคั่นอยู่บาง ๆ" (where discourses on madness and creativity converge){{sfnp|McQuillan|1989|loc= 9}} เกียรติยศเริ่มหลั่งไหลมาหาเขาในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เนื่องจากองค์ประกอบในรูปแบบงานวาดเขียนของเขากลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเพราะ[[คติโฟวิสต์]]และ[[ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบเยอรมัน]] หลายสิบปีให้หลัง ผลงานของเขาประสบความสำเร็จทางการค้าพาณิชย์อย่างกว้างขวาง เขาเป็นจดจำถึงในฐานะจิตรกรคนสำคัญผู้มีชีวิตอันชวนสลด บุคลิกภาพที่เป็นปัญหาของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของ[[ศิลปินระทม]] (tortured artist) ในอุดมคติแนว[[สุขนาฏกรรม]]
|