ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อ็อสคาร์ ชินด์เลอร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Matable (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Matable (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 30:
'''ออสการ์ ชินด์เลอร์''' ({{lang-de|Oskar Schindler}}; 28 เมษายน พ.ศ. 2451 - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2517) คือนักอุตสาหกรรมและ[[จารกรรม|นักจารกรรม]]ชาวเยอรมัน อดีตสมาชิก[[พรรคนาซี|พรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน]] (พรรคนาซี) ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าช่วยชีวิต[[ชาวยิว]]กว่า 1,200 คน ในช่วง[[ฮอโลคอสต์|การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว]] ด้วยการรับเข้าทำงานเป็นลูกจ้างในโรงงานภาชนะเคลือบและโรงงานผลิตอาวุธสงครามที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตยึดครองโปแลนด์ของเยอรมนีและรัฐในอารักขาแห่งโบฮีเมียและโมราเวีย นอกจากนี้เขายังเป็นที่มาของนวนิยายเรื่อง ''Schindler's Ark'' ปี พ.ศ. 2525 ซึ่งต่อมาถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง ''[[ชะตากรรมที่โลกไม่ลืม]]'' ในปี พ.ศ. 2536<ref>[http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=News&file=print&sid=2450 วันนี้ในอดีต 9 ตุลาคม พ.ศ. 2517] sarakadee.com</ref> ที่สะท้อนแง่มุมในชีวิตของซินด์เลอร์ ผู้ถูกผลักดันด้วยแรงจูงใจจากผลกำไรของธุรกิจในช่วงแรก และต่อมาได้แสดงให้เห็นถึงการริเริ่ม ความดื้อรั้น และความทุ่มเทเพื่อรักษาชีวิตลูกจ้างชาวยิวของเขาในภายหลัง
 
ซินด์เลอร์เติบโตในเมืองซวิตเทา โมราเวีย และเคยทำงานอยู่ในบริษัทค้าขายหลายแห่ง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2479 ได้เข้าร่วมกับหน่วยสืบราชการลับของ[[นาซีเยอรมนี]]หรือ[[แอปเวร์]] (Abwehr) และเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคนาซีในปี พ.ศ. 2482 ซึ่งก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เยอรมนียังไม่ได้บุกยึดครอง[[เช็กโกสโลวาเกีย]]ในปี พ.ศ. 2481 ซินด์เลอร์ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการรถไฟและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพให้แก่รัฐบาลเยอรมัน จนถูกจับกุมในข้อหาจารกรรมโดยรัฐบาลเช็ก แต่ก็ถูกปล่อยตัวในปีเดียวกันจากเงื่อนไขใน[[ความตกลงมิวนิก]] หลังจากนั้นซินด์เลอร์จึงย้ายไปปฏิบัติงานรวบรวมข่าวสารในโปแลนด์ในปี พ.ศ. 2482 หรือช่วงก่อนที่เยอรมนีจะ[[การบุกครองโปแลนด์|บุกยึดครองโปแลนด์]] อันเป็นจุดเริ่มต้นของ[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]
 
ในปี พ.ศ. 2482 ซินด์เลอร์ได้รับมอบให้เป็นเจ้าของโรงงานภาชนะเครื่องเคลือบใน[[กรากุฟ]] โปแลนด์ ซึ่งมีจำนวนคนงาน (ณ ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของโรงงานในปี พ.ศ. 2487) อยู่ประมาณ 1,750 คน ในจำนวนนั้นเป็นชาวยิวราวหนึ่งพันคน ซินด์เลอร์สามารถปกป้องลูกจ้างชาวยิวของเขาจากการถูกส่งตัวไปยัง[[ค่ายกักกันนาซี]]ด้วยเส้นสายในหน่วยสืบราชการลับ แม้ว่าในช่วงแรกเขาจะมุ่งความสนใจไปที่การทำกำไรจากธุรกิจก็ตาม แต่ในภายหลังเขาหันกลับมาให้ความสำคัญในการปกป้องลูกจ้างชาวยิวของตน โดยไม่สนว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ซินด์เลอร์ต้องติดสินบนเจ้าหน้าที่จากพรรคนาซีด้วยส่วยก้อนโตและสินทรัพย์หรูหรามากมายที่หาซื้อได้จากตลาดมืดเท่านั้น แลกกับอิสรภาพของลูกจ้างชาวยิวของเขา